มีใครใช้ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมหภาคในการวิเคราะหุ้่นบ้ัางครับ

[Renne]

มีใครวิเคราะห์พวก money supply , fund flow หรือพวกindicatorต่างๆเช่น มูลค่าการตลาด หรือพวก GDPมาใช้บ้างหรือเปล่าครับ

ผมคิดว่าชาวVIให้ความสำคัญกับพื้นฐานกิจการ ซื้ำอเมื่อหุ้นเมื่อคิดว่าราคาต่ำกว่าพื้นฐานและขายออกมาเมื่อคิดว่าราคาสูงเกินมูลค่าของพื้นฐาน ซึ่งส่วนนี้ในความเข้าคิดของผม ตัวชี้วัดที่สะท้อนเศรษฐกิจในระยะยาวทั้งmoney supply ,market cap,market vol ที่เป็นตัวชี้บอกการอิ่มตัวและกำลังซื้อขายของตลาดหุ้นในอนาึึคตได้ รวมทั้งกระแสเงินจากต่างชาติที่เข้ามาซื้อหรือขายส่งผลให้ราคาหุ้่นของเรามีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปได้เยอะ ปัจจัยที่กล่าวๆมาเหล่านี้ปรกตินำมาใช้วิเคราะห์หรือใช้นำมาวางแผนการขายหุ้น(หรือซื้อ)ในอนาคตกันบ้างหรือเปล่าครับ

ในบางครั้งจังหวะการซื้อเราอาจจะจับจังหวะได้เมื่อวิเคราะห์ว่าราคาต่ำกว่าพื้นฐานแล้ว ซื้อแล้วถือยาวไปเรื่อยๆเพื่อกินปันผลไปในตัว แต่ในจังหวะขาย โดยปรกติแล้วพี่ๆทั้งหลายจะขายหุ้นเมื่อใดครับ ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยนแต่เมื่อวิเคราะห์ดูทั้ง fund flow , indicatorทางเศรษฐกิจต่างๆแล้วพบว่าในอนาคตมีโอกาสที่ตลาดจะอิ่มตัว จะชิงขายก่อนแล้วรอซื้อใหม่อีกรอบหรือเปล่าครับ หรือเราจะยังคงถือยาวเพื่อกินปันผลโดยไม่สนใจราคาขายตราบเท่าทีพื้นฐานยังดีอยู่

ไม่รู้ว่ามีหลายคนเคยถามแล้วหรือยัง ถ้าซ้ำก็ขออภัยด้วยครับ m( _ _ )m ตอนนี้ผมพยายามศึกษาเกี่ยวกับ Macro Economic Indicatorต่างๆ รวมทั้งพวกfund flowต่างๆอยู่ จึงอยากรู้ว่ามันมีความจำเป็นมากไหมในการใช้วิเคราะห์ ส่วนหนึ่งยอมรับว่าการมองหุ้่นพื้นฐานที่เติบโตได้ดีในอนาคตนั้นในบางครั้งผมก็มองไม่ออกมากนัก(สายตายังคงไม่แหลมคมเท่าเกจิหลายๆท่าน และพี่ๆหลายคน) จึงพยายามศึกษา MEI,Fund flow ดูmoney supply และหลายๆอย่างเพิ่มเติม แต่การวิเคราะห์พวกนี้ ส่วนมากจะเป็นการมองระยะยาว(เวลาเป็นปีในความคิดผม) ซึ่งในบางครั้งมันก็สอดคล้องกับวิธีการลงทุนของVIอยู่บ้าง จึงเรียนสอบถามพี่ๆทั้งหลายครับ

ปล. ส่วนตัวจริงๆแล้วผมเองก็ไม่ใช่ VI เต็มตัวสักเท่าไหร่ ^^" น่าจะค่อนๆไปทางVSบ้าง เพราะก็มีติดเก็งกำไร บางทีตัวที่ซื้อๆไว้ขึ้นมา 15%-20% ก็ทนไม่ไหวติดขายไปบ้างก็มี (อารมณ์พาไปบ้าง พยายามแก้ๆส่วนนี้อยู่เหมือนกัน)

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

[Flashy]

ผมได้อ่านหนังสือ ,ตลาดหุ้นไทย the survival kit ของพี่สุมาอี้(ถ้าจำไม่ผิด)

แล้วเห็นด้วยที่ว่า Macroeconomic indicator บางตัวนั้นยังไม่ค่อยเหมาะสมที่จะใช้ เช่น GDP ซึ่งกว่าจะประกาศออกมาก็ล่อไปสองเดือนได้
สำหรับตัวที่น่าใช้ก็จะเป็นพวก ดัชนีความเชื่อมั่น ผมพึ่งดูวันนี้เอง ก็ประกาศเร็วดีนะ ของเดือนที่แล้ว
แล้วก็อย่างตัวเลขยอดขายรถยนต์ ยอดขายบ้าน มันเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความเชื่อมันของผู้บริโภคในอนาคตได้ดี

เรื่อง fund flow จำไม่ค่อยได้แล้ว ยังไงท่านหลังๆช่วยแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ

อ้อ แนะนำว่าหนังสือพี่เค้าดีนะ  :lol:

[ส.สลึง]

อยากได้เพิ่มไหมครับ..? ผมช่วยนึกนะ
ดัชนีอาม่า เอ้ย... ดัชนีมาม่า :lol:
ดัชนีฟาร์มเฮ้าส์ (โฆษณาให้เค้าเฉยเลย :lol: )
ดัชนีโฆษณาทั่วไป
ดัชนีโฆษณาหางาน (อันนี้ผมใช้บ่อย เพราะรับซองขาวถี่ เอ้ย...
เพราะจะได้ Focus ไปดูกิจการที่เรากำลังสนใจได้ครับ :lol: แหะๆ)
ฯลฯ

แล้วล่าสุดก็...
ดัชนี MK (สุกี้) :lol:

อ่าว... ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับมหภาคเลย :lol:

ปล.
ผมว่า VI ไม่ใคร่ใส่ใจภาพใหญ่นะ
เพราะแม้ภาพใหญ่จะดี แต่หุ้นมันก็ไม่ได้ขึ้นทุกตัว
แล้วผมก็ไม่ได้คิดจะหาหุ้นที่ราคามันจะขึ้น
แต่พยายามหาธุรกิจที่คิดว่ามัน ดี มากกว่า...

ส่วนจะ ดี ยังไง ตัวใครตัวมันครับ :lol: ...

[Tlk]

ถ้่าชอบแนวนี้ลองดูครับน่าสนใจดีแต่ผม ไม่ความเห็น
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 96305.html