ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
TIARA
Verified User
โพสต์: 57
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เราชอบอ่านหนังสือ  เลยสนใจสองตัวนี้เพราะจะมีความสุขเวลาได้อ่าน

รายงานประจำปี เพราะเป็นเรื่องที่เราชอบ

aprint  มีcontent  อื่นๆเยอะ  ซึ่งเราก็ชอบเช่นจัดงานบ้านเเละสวนเเฟร์

(ไปติดต่อกันมาสามปีเเล้วชอบมากๆ)

se-ed  ทำอะไรน้อยกว่าคือ  มีสำนักพิมพ์เเละขาย

เนื่องจากเราเป็นนักลงทุนหน้าใหม่(ความจริงยังพอร์ตว่าง100% )

ตอนนี้อ่านหนังสือทุกวัน เรื่องหุ้น  อ่านมาได้เป็นสิบๆเล่มเเล้ว

เเต่ยังมองอะไรไม่ขาดเลยค่ะ   ว่าเมื่อมองไปในอนาคตเเล้ว

ตัวไหนดีกว่ากัน  เพราะคงเลือกในsectorนี้ตัวเดียวค่ะ

โดยส่วนตัว  ชอบaprint  มากกว่านิดหน่อย

เเล้วเพื่อนๆล่ะคะ  ชอบตัวไหนมากกว่ากันเพราะอะไร
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมคิดว่าน่าสนใจทั้ง 2 บริษัทครับ ช่วงนี้se-edเองมีคู่แข่งทีเก่งกาจหลายรายครับ ส่วนaprintเป็นผู้ผลิตหนังสือเหมือนดั่งธุรกิจต้นน้ำของอุตสาหกรรมนี้ เมื่อกาลเวลาผันผ่านมูลค่าของแบรนด์ก็มีโอกาสเพิ่มพูนไปได้อีกมากและอื่น....  :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3778
ผู้ติดตาม: 75

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ส่วนตัวผมมองว่า Aprint กับ Se-ed อยู่คนละธุรกิจกันครับ
ตัวนึงทำ Media ส่วนอีกตัวทำ Retail
i_sarut
Verified User
โพสต์: 1808
ผู้ติดตาม: 1

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมชอบ se-ed กับ B2S

SE-ED หนังสือลงทุนเยอะดีครับ

B2S จัดร้านสวย คนยืนอ่านฟรีเยอะ แต่ผมนั่งอ่าน :lol:
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet

สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย

http://www.sarut-homesite.net/
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3778
ผู้ติดตาม: 75

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

หนังสือในเครือ APRINT ผมมีเยอะมาก
แต่ของ Se-ed ผมก็มีไม่น้อย แต่ที่ชอบมากที่สุด
FHM กับ ZOO :lol: ...
drypoint
Verified User
โพสต์: 148
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ผมว่า2ตัวนี้ส่งเสริมซึ่งกันและกันไม่ได้เป็นคู่แข่งที่เด่นชัด
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 327

Re: ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากัน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

[quote="TIARA"]se-ed
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3778
ผู้ติดตาม: 75

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เรื่องทำเยอะไม่เยอะนี่ ผมว่าอย่าเพิ่มไปใส่ใจนักครับ
เพราะหลายกรณีก็เป็นแค่การเสริม Core Business ให้แข็งโป๊ก
ประเด็นคือ เราต้องมองให้ออกว่า กิจการเขา ทำอะไรจริงๆ..?

ปล.
อย่างกรณี Se-ed ผมว่าในอนาคตในใกล้ (แต่คงอีกหลายปี)
Se-ed อาจจะไม่ใช่ Retail ก็ได้ (อ่านความเห็นของคุณ picatos ประกอบ)
และผมก็... อาจจะคิดผิดก็ได้ :lol: (ถืออยู่ตัวนึง และเคยมีอีกตัวนึง)
Reminiscence of 3 Dogs
Verified User
โพสต์: 898
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ดูเทรนด์เทียบกับหุ้นขายหนังสือในต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว
ธุรกิจนี้จะอยู่ในอาการหาเทรนด์ไม่เจอไปอีกนานนะครับ
จากบทบาทการเข้ามาของ internet
แต่จะถึงอาการเป๋จนต้องเลิกกิจการก็ไม่ใช่
เพราะการเปลี่ยนแปลงนิสัยของคนวัย30-35ปีขึ้นไป
ที่ติดกับการอ่านหนังสือจริงๆก็ยังคงอยู่

ผมคงไม่เลือกหุ้นทั้ง2ตัวนี้ครับ
แต่ถ้าบังคับต้องเลือก Se-ed น่าจะทำกำไรให้ผู้ถือได้มากกว่าในระยะสั้น
เพราะความสามารถของกิจการเอง
แต่ไม่ใช่มาจากการที่มันอยู่ในธุรกิจที่เติบโต
ธุรกิจนี้มี limit มากๆอยู่จากการเข้ามาของ internet
ทำให้ทั้งผู้ผลิต content และ distributor  ไม่อาจจะโตมากๆได้
และสิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจคือการมาของ online portable content provider
เช่น iphone และสารพัด จะทำให้การเติบโตของตลาดหนังสือ
ค่อนข้างมืดมน ครับ

ปล.  ดูหุ้น3ตัวนี้นะครับ อยู่ใน NYSE
BKS หรือ Barnes&noble รูปแบบร้านจะค่อนข้างคล้าย B2S
BGP  border group รูปแบบร้านจะคล้าย Se-ed  
แต่การจัดการไม่ดีเท่า se-ed
MHP  สำนักพิมพ์ McGraw Hill แต่ต้องดูในอดีตเพราะ business model
ปัจจุบันรายได้และกำไรไม่ได้อยู่ที่การได้ license พิมพ์หนังสืออีกแล้ว
ให้ดูช่วง ปี 80-85  ช่วงนั้น business model จะยังมีความคล้ายกับ
aprint ณ ตอนนี้ครับ  ซึ่งตอนนั้น USก็อยู่ในช่วงที่ขยายตัวค่อนข้างมาก
และยังไม่มี internet เข้ามาแต่หุ้นก็ยังไม่ได้เติบโตมากนัก

สรุปคือธุรกิจรูปแบบนี้ที่จะยังอยู่ได้และ "มา" ในอนาคต
น่าจะเป็นผู้ถือ license ของ content ต่างๆที่จะเผยแพร่ทาง internet
ซึ่งทั้ง se-ed และ aprint ไม่ได้จัดรูปทัพ business model
ในลักษณะที่ว่ามาครับ
bid please!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
charnengi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2395
ผู้ติดตาม: 6

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอถามผู้รู้นิดนึงครับ

1) ในอเมริกาตอนนี้ นักศึกษายังใช้ textbook กันอยู่รึเปล่าครับ หากมีการใช้ e-book นี่คิดเป็นประมาณกี่ % ของหนังสือเรียน

2) การซื้อหนังสือ e-book กับ หนังสือธรรมดา ในเรื่องเดียวกันราคาต่างกันเท่าไหร่

3) การซื้อหนังสือ e-book มาอ่านนั้นจะได้มาเป็นไฟล์สกุลใด และสามารถส่งต่อได้หรือไม่
Reminiscence of 3 Dogs
Verified User
โพสต์: 898
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ตอบแต่ข้อ1 นะครับ เพราะยังไม่เป็นผู้รู้  :lol:
1. ก็ยังใช้ text book กันอยู่เยอะครับ  
ebook  มีการใช้บ้างในวงแคบ ลักษณะเนื้อหาเฉพาะของ class นั้นๆ
จริงๆไม่ควรเรียก ebook แต่เป็นเพียง file เนื้อหาที่เรียนมากกว่าครับ
bid please!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
poppo
Verified User
โพสต์: 1356
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

พูดถึงร้านหนังสือที่อเมริกา

ชอบทั้ง Barnes Noble กับ Border มาก

ไปเยี่ยมภรรยาที่อเมริกา 3 ครั้ง ตอนกลางวันที่เขาไปเรียน ที่ๆผมไปอยู่มากกที่สุดก็คือร้านหนังสือ

วิ่งไปทุกวัน อ่านๆ แล้วก็กลับ ไม่ค่อยได้ซื้อ

แต่เห็นร้านหนังสือที่เมืองนอกแล้ว อิจฉามาก อยากให้เมืองไทยมีบ้าง

เรื่องธุรกิจ เผอิญถือ se-ed อยู่

ผมว่า se-ed ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าร้านในเมืองนอกนะ เพราะไม่ได้เปิด stand alone ถ้าสาขาไหนไม่สำเร็จ ก็ปิดได้ ไม่เจ็บตัวมาก

การเติบโต คงมีไปได้เรื่อยๆ ถ้าmodern trade ยังขยายอยู่

market growth ก็คงมีได้เรื่อยๆ เพราะคนไทยคงอ่านหนังสือน้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ สังคมก็แย่พอแล้ว ที่เราชอบฟังและเชื่อความคิดเห็นของคนอื่นมากกว่าแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยตนเอง

ที่น่าเป็นห่วงก็เรื่อง mkt share เพราะ คู่แข่งแต่ละรายค่อนข้างน่ากลัว ทั้ง book smile และ B2S

ไม่แน่ cpall รวยมากๆ มีเงินสดเหลือเยอะๆ อาจมา take over se-ed ก็ได้นะ
จงทนอด และอดทน
ภาพประจำตัวสมาชิก
poppo
Verified User
โพสต์: 1356
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ส่วนว่าลงทุนตอนนี้ดีไหม ที่ราคาตอนนี้ PE ประมาณ 11 div 8%+creditภาษี ก็ได้ 10+ ต่อปี

ผมว่า ลงทุนได้ กินปันผลไปเรื่อยๆ แต่คงไม่หวือหวา อย่าหวัง capital gain

และก็ตามเรื่องยอดขาย และการแข่งขันในธุรกิจดีๆ ดูแนวโน้ม

ธุรกิจนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงเร็วหรอก มันไม่ได้เปลี่ยนจาก กำไรเป็นขาดทุนภายในไตรมาสเดียวหรอก ผมว่านะ

ถ้า คู่แข่งแกร่งจนทำให้ se-ed แย่จริงๆ ผมว่าเราก็พอหนีได้ทัน :wink:
จงทนอด และอดทน
Pu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 393
ผู้ติดตาม: 1

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

poppo เขียน:คนไทยคงอ่านหนังสือน้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ สังคมก็แย่พอแล้ว ที่เราชอบฟังและเชื่อความคิดเห็นของคนอื่นมากกว่าแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยตนเอง
:bow:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:

คารวะหมดหัวใจครับ
drypoint
Verified User
โพสต์: 148
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ผมว่าคนเรายังต้องใช้หนังสือไปอีกนานครับ อย่างน้อยก็จนกว่าจะหาสื่อที่แสดงผลโดยไม่กระทบต่อดวงตาได้ e-bookเหมาะกับการอ่านนิดๆหน่อยๆครับ ผมคงไม่อ่านเพชรพระอุมาผ่านe-bookแน่นอน
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

หนังสือนั้นคงมีอะไรมาทดแทนได้ยากครับ e-bookก็คงเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมกันเท่านั้นครับ เพราะอรรครสที่ได้จากการอ่านหนังสือนั้นคงไม่มีสิ่งใดเลียนแบบได้ครับ เหมือนดั่งการรับประทานอาหารที่ชอบกับการทานอาหารเสริมที่อยู่ในรูปแคปซูลหรือเม็ดครับคนเราคงจะไม่เลือกการทานอาหารที่เหมือนเม็ดยาแทนการรับประทานอาหารเพราะขาดสิ่งสำคัญไปนั่นก็คือรสชาติแม้ว่าจะให้คุณค่าทางอาหารที่ดีมากเพียงใดก็ตามครับ ที่สำคัญคือหนังสือนั้นพกไปที่ใดก็สามารถอ่านได้ไม่มีแบตหมด ตกก็ไม่พัง เปียกน้ำก็ตากให้แห้งได้ด้วยครับ  :)
beammy
Verified User
โพสต์: 3345
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

Scenario นี้ ผมชอบ se-ed มากกว่า  :8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
tingku
Verified User
โพสต์: 330
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ผมว่าสองตัวนี้มันคนละเรื่องเลยนะครับ ลองดูในร้อยคนร้อยหุ้น และหา 56-1 ของทั้งสองตัวมาศึกษาดูนะครับ ชอบตัวไหนเลือกตัวนั้นครับ
pegaxus
Verified User
โพสต์: 141
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

Aprint นั้นเริ่มเน้นมาทางด้าน content หรือเนื้อหาสาระ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นเพราะว่า การมีเนื้อหาสาระนั้น สามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่นๆ เช่น อบรม สัมนา รายการทีวี อย่างที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และจากคำสัมภาษณ์คุณเมตตา ก็ย้ำว่าจะทำในสิ่งที่ถนัดเท่านั้น ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถนัด ส่วนร้านหนังสือนายอินทร์ aprint ถือหุ้น 19% เท่านั้น เพื่อให้มีช่องทางจำหน่ายของตัวเองบ้าง สรุปคือ Aprint นั้นเน้นทางด้านต้นทาง

Se-ed นั้นมีทั้ง สำนักพิมพ์ สายส่ง และร้านหนังสือ แต่ดูเหมือนจะเน้นไปทางร้านหนังสือ แต่ทั้ง 3 ส่วนก็สนับสนุน ซึ่งกันและกัน แต่การที่มีสาขาร้านที่มาก และขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ se-ed ดูเหมือนจะเป็นผู้ครอบครองช่องทางการจัดจำหน่ายในขณะนี้ สรุปคือ Se-ed เน้นที่ปลายทาง

ตราบใดที่เทคโนโลยียังไม่สามารถทดแทนหนังสือได้อย่างสมบูรณ์ หนังสือก็คงยังขายได้ครับ แต่เห็นเทคโนโลยีจอม้วน อันนี้น่าสนใจครับ ถ้าหากอนาคตเจ้าจอม้วนนี้ พกสะดวก และโหลดเก็บเนื้อหา ข้อมูล ไว้อยากอ่านเมื่อไหร่ก็เปิด อันนี้คงน่าจะแทนที่หนังสือได้ แต่คงอีกหลายไปครับ
แต่ตอนนี้ผมคิดว่า 2 ตัวนี้ตามชอบครับ แต่ดูราคาด้วยละกัน
Outside Investor
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

เพราะคนไทยคงอ่านหนังสือน้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว

เป็นมุมมองที่ คมมากมายค่ะ พี่ poppo

:bow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
atsu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1223
ผู้ติดตาม: 3

ระหว่างse-ed กะ aprint เพื่อนๆว่าตัวไหนมีอนาคตดีกว่ากันคะ

โพสต์ที่ 21

โพสต์

poppo เขียน:market growth ก็คงมีได้เรื่อยๆ เพราะคนไทยคงอ่านหนังสือน้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ สังคมก็แย่พอแล้ว ที่เราชอบฟังและเชื่อความคิดเห็นของคนอื่นมากกว่าแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยตนเอง
ผมชอบประโยคนี้จังได้มุมมองทั้งด้านธุรกิจและชีวิต คลาสสิคมากครับหมอ :cool:
โพสต์โพสต์