เมื่อน้ำในแก้วเปลี่ยนสี

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
areliang
Verified User
โพสต์: 432
ผู้ติดตาม: 1

เมื่อน้ำในแก้วเปลี่ยนสี

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สีของน้ำในแก้วตัวเอง อยากได้สีไหนก็ต้องไปหาและทำด้วยตัวเอง ถ้าไม่ทำด้วยตัวเองใครจะมาทำให้
เคยมีช่วงหนึ่งที่ผมมองย้อนกลับมาดู และ ทำความเข้าใจตัวเอง จนเข้าใจสิ่งที่ผมทำอยู่ในตลาดหุ้น

ผมเข้าใจว่าผมกำลังไม่มีความสุขอย่างยั่งยืนกับ การลงทุนหุ้นในลักษณะ การเก็งกำไร และ การเก็งกำไรโดยรู้มูลค่า (Value Speculator)  แม้ผมจะมีทั้งกำไรและขาดทุน และสรุปหักลบได้ว่ากำไรมากอยู่สำหรับในเวลานั้น
ก็เลยได้รู้ว่านี่แหละเป็นสีหนึ่งที่ทำให้ผมไม่มีความสุข กังวลใจอยู่บ่อยครั้ง ตามข่าวและดัชนีต่างๆ ดูๆไปเลยชักเริ่มสงสารตัวเอง เลยสรุปว่าสีนี้ชักไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่แล้ว แต่ก็อืม มันก็สร้างกำไรให้เรามามากอยู่นะ
แล้วผมควรจะทำยังไงดีล่ะ สีที่สรุปได้ว่าไม่เหมาะกับตัวเอง แต่ก็มีกำไรที่สร้างให้กับตัวเรา

ก็เลยคิดที่จะตักสีนี้ออก แต่ต้องเสียการทำกำไรรูปแบบนี้ไปนะ ตัวเรากับผลประโยชน์ไม่ตรงกันซะแล้ว

ตัวผมไม่ชอบเสียประโยชน์ไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วยสิ ถ้าผมเลิกลงทุนหุ้นรูปแบบนี้และอดได้กำไรในสิ่งที่พยายามศึกษาอยู่ตั้งนาน ผมไม่ยอมหรอก 555 นั่นทำให้ผมต้องคิดมากขึ้น เพื่อคำตอบให้เร็ว(เพราะผมใจร้อน)
ซึ่งนั่นแปลว่าผมต้องการตักสีที่ไม่เหมาะออก และหาสีใหม่ที่คิดว่าดีและเหมาะใส่กลับเข้าไปในทันที
ผมจึงต้องกลับไปทบทวนสิ่งต่างๆเกี่ยวกับหุ้นที่ผมรู้ อ่านหนังสือที่ประทับใจเกี่ยวกับหุ้นอีกรอบหรือหลายรอบ

เลยสรุปกับตัวเองได้ว่า ถ้าหุ้นเกิดจากธุรกิจ กำไรจากธุรกิจเป็นผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น งั้นต่อไปผมจะใช้คำว่า ธุรกิจเป็นหัวใจสำคัญ แต่ด้วยแม้ที่ผ่านมาเป็นการลงทุนแบบการเก็งกำไรโดยรู้มูลค่า แต่การเลือกหุ้นก็ดูธุรกิจเป็นส่วนประกอบอยู่แล้วและเลือกธุรกิจที่คิดว่าดี ตามความรู้ความสามารถในเวลานั้น ซึ่งแต่เอ เวลานั้นเราก็พยายามหาธุรกิจที่ดีแล้วนี่นา แต่บางที กำไรมันก็ขึ้น และก็ลง ราคาหุ้นมันขึ้นและก็ลง แปลว่ามีเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ
ก็เลยคิดต่อ งั้นแปลว่าต้องศึกษาในธุรกิจและเข้าใจให้มากกว่านี้ จากที่เข้าใจหุ้นเพื่อเก็งกำไร ระยะอย่างเก่งก็ไม่ถึงปี ซึ่งตอนนั้นก็ดูว่าไม่ใช่ระยะเวลาที่สั้นเกินไปนัก เอางี้งั้นลองมองให้ยาวขึ้นสักหน่อยดีกว่า อ๋อถ้ารอบปีนึงธุรกิจจะเป็นอย่างนี้นี่เอง ปีนึงแล้ว ลองมองปีที่2เล่นๆดีกว่า อืมอย่างนี้นี่เองงั้นมองถึง 5 -10 ปีดีกว่าอืมถ้าปัจจัยทุกอย่างมันเดิมๆมันก็โอเคนี่นา เอางี้งั้นถ้าเกิดวิกฤต ธุรกิจจะเป็นยังไง บอกได้เลยทั้งหมดนี้ผมไม่สามารถเข้าใจได้หมดทุกอย่างหรอก แต่ก็อยากพยายามเข้าใจให้มากที่สุด ตามความสามารถของตัวเอง แล้วค่อยตัดสินใจลงทุนในธุรกิจนั้นๆอย่างยาวๆ และสรุปได้อีกอย่างว่าธุรกิจที่จะดีจริงๆซึ่งนั่นออกมาทางการมีกำไรจริงที่สม่ำเสมอนั้น ไม่ได้มีมากนัก แค่มีตามสมควร555

นี่แหละครับสีใหม่ที่หาเจอ และเป็นวิธีที่บอกว่าการลงทุนหุ้นต้องใช้ความเข้าใจให้มากขึ้น และในเมื่อสีใหม่เป็นสีที่คิดว่าเหมาะและดูเหตุผลแล้วก็คือการให้ทำความเข้าใจมากกว่าเดิมมองที่ความเป็นจริงก็ดูเป็นเหตุผลที่ดี
สีที่เหมาะเหตุผลที่เหมาะ แม้อาจไม่สร้างผลกำไรได้เร็วเท่าการเก็งกำไรหรือเก็งกำไรโดยรู้มูลค่า

แต่ผมตัดสินใจจะตักสีเก่าออก และใส่สีใหม่เข้าไปแทน

แต่ก็เริ่มแบบกระท่อนกระแท่น และดำเนินต่อมาเรื่อยๆ และสีของน้ำก็เปลี่ยนไปเป็นตามที่ผมต้องการ
แต่ระหว่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เนื่องด้วยผมยังคงหาข้อมูลอ่านเสมอ ทำให้ผมยังคงได้รับข้อมูลของหุ้นที่คาดว่าราคาจะขึ้นหลายตัว อย่างมีเหตุผล แต่หุ้นเหล่านั้นไม่ใช่หุ้นที่ผมต้องการในระยะยาวจริงๆ
มีทั้งหุ้น ส่วนประกอบแอร์ ถ่านหิน วิศวกรรมโรงงาน พวกเรยอน ผมอ่านข้อมูลและคิดได้ว่าราคาหุ้นน่าจะขึ้นได้จริงๆ ทั้งเศรษฐกิจก็พร้อมที่จะผลักดันกำไรของบริษัท แต่สิ่งที่ตัวผมทำกลับทำแค่เพียงการวางเฉย และมองหุ้นเหล่านั้นราคาขึ้นไปด้วยความเสียดายบ้าง และคิดว่า การวางเฉยคือการทำที่ถูกหรือผิดกันแน่ มันอาจจะทำให้ผมอดได้กำไรจำนวนมาก

จนเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ ก็ยังตอบไม่ได้หรอกครับว่าผิดหรือถูก
แต่ถ้าจะให้ย้อนเวลากลับไปทำสิ่งต่างๆได้ใหม่ ผมก็คงยืนยันกับตัวเองว่าผมก็คงจะทำแบบที่ผมทำมานั่นแหละ
โพสต์โพสต์