หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 1

หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor                    

สิ่งที่นักลงทุนในตลาดหุ้นจะต้องเจอถ้าลงทุนมานานพอสมควรก็คือภาวะ   “ตลาดหมี”  ที่ราคาหรือดัชนีตลาดหุ้นตกลงมาอย่างหนักอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้    การที่ดัชนีตลาดปรับตัวลดลงโดยทั่วไปนั้นมักจะไม่ใช่ตลาดหมีแต่เป็นภาวะที่ตลาดเกิดความผันผวนตามปกติ   นิยามหรือคำเรียกภาวะที่ตลาดตกต่ำลงนั้นน่าจะแบ่งได้เป็นสามระดับดังนี้คือ   ถ้าระดับการตกลงของตลาดหุ้นเท่ากับหรือต่ำกว่า  10%  เรียกว่าหุ้นตกธรรมดา   ถ้าหุ้นตกเกิน 10%  แต่ไม่ถึง 20%  เรียกว่าหุ้นปรับตัวหรือ  Correction   และถ้าตลาดหุ้นตกตั้งแต่ 20% ขึ้นไปก็เรียกว่าตลาดหมีหรือ  Bear Market

ตามสถิติในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น   ตลาดหมีเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณหกปีต่อครั้ง   ในตลาดหุ้นไทยนั้น   เท่าที่ผมมองคร่าว ๆ   เราน่าจะเจอกับตลาดหมีไม่ต่ำกว่า 6  ครั้งในช่วง 33 ปี  หรือก็คือ  ประมาณทุก ๆ  5-6 ปี  เราก็จะเจอหมีสักปีหนึ่งหรือพูดง่าย ๆ   หมีบ้านเรามาถี่พอ ๆ  กับหมีที่ตลาดหุ้นอเมริกาเหมือนกัน
 
สาเหตุของการเกิดตลาดหมีนั้น  ในอดีตที่พบมากมีอยู่หลายเรื่อง   ในช่วงต้น ๆ  ในยุคที่เรายังอิงอยู่กับมาตรฐานทองคำดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องของเงินฝืด   เพราะในยุคนั้นการพิมพ์แบงค์หรือสร้างเงินขึ้นมาใช้ค่อนข้างจะถูกจำกัดด้วยปริมาณทองคำที่มีอยู่  และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจขาดความสมดุลได้เป็นช่วง ๆ  และก่อให้เกิดภาวะตลาดหมีขึ้น    สาเหตุอันดับต่อมาที่ก่อให้เกิดภาวะตลาดหุ้นหมีค่อนข้างมากก็คือเรื่องของอัตราดอกเบี้ยซึ่งน่าจะอิงไปถึงเรื่องเงินเฟ้อด้วยนั่นก็คือ   ตลาดหมีนั้นมักจะมากับภาวะอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นสูงลิ่วและอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะยาว   เช่นเดียวกัน   อัตราเงินเฟ้อก็มักจะสูงมากกว่าปกติมาก    สาเหตุอันดับต่อมาก็คือเรื่องของความถูกความแพงของหุ้นโดยทั่วไป   นั่นก็คือ  ตลาดหมีนั้นมักจะมาในตอนที่ค่า PE  ของตลาดสูงลิ่วเช่นสูงถึง 25-30 เท่า

นอกจากเรื่องของภาวะทางการเงินที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว    สิ่งที่ก่อให้เกิดภาวะตลาดหมีบ่อยพอสมควรก็คือ   เรื่องของภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นในประเทศหรือในโลกซึ่งมักจะลามไปยังประเทศอื่น ๆ  ด้วย   ภาวะวิกฤติที่สำคัญอันดับแรกก็คือ   ภาวะสงคราม   นี่คือสงครามที่คนกลัวว่าจะลุกลามใหญ่โตและกระทบกับสังคมทั่วโลก   ถ้าจะพูดถึงรายชื่อสงครามที่เราพอจะจำกันได้ก็น่าจะรวมถึง  สงครามโลกครั้งที่สอง  สงครามเกาหลี  สงครามเวียตนาม  สงครามอ่าวหรือสงครามซัดดัมบุกคูเวต  เป็นต้น

ถัดจากเรื่องสงคราม   วิกฤติที่มักก่อให้เกิดตลาดหมีที่รุนแรงในระยะหลังมักจะเกิดจากวิกฤติการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่งแล้วลามไปยังประเทศอื่น  ๆ  เป็นลูกโซ่อันเป็นผลจากการที่ระบบการเงินของโลกมีการเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด  ตัวอย่างน่าจะเริ่มจากวิกฤติการณ์ค่าเงินเม็กซิโกตกต่ำในช่วงปี 2538    ตามด้วยวิกฤติต้มยำกุ้งที่เริ่มจากประเทศไทยของเราในปี 2540  และล่าสุดก็คือ  วิกฤติการณ์ซับไพร์มและการล้มของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในสหรัฐที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงนี้

วิกฤติการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเมืองไทยครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งคนคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้หุ้นตกและเป็นตลาดหมีนั้น  ผมเองกลับไม่ใคร่แน่ใจว่ามันเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน   แน่นอน  มันอาจจะทำให้หุ้นตกบ้าง   แต่หลาย ๆ  ครั้งมันก็ไม่ได้ตกมากและหลายครั้งมันก็ไม่ได้ทำให้หุ้นตกแม้ว่าจะมีการรัฐประหารซึ่งถือว่าเป็นวิกฤติการเมืองสำคัญ   ตัวอย่างเช่นในช่วง  รสช. ในช่วงปี 2535 หุ้นก็ไม่ได้ตกมากมายอะไร   เช่นเดียวกับช่วงของ  คมช.  เมื่อ  2  ปีที่แล้ว  ตลาดหุ้นก็ไม่ได้ถูกกระทบเลย    และแม้แต่ในช่วงนี้เองที่เราดูเหมือนจะมีวิกฤติการเมืองของกลุ่มพันธมิตรที่ยึดทำเนียบรัฐบาลอยู่และคนพูดกันว่าหุ้นบ้านเราตกเพราะมีวิกฤติการเมือง    แต่ถ้าดูกันจริง ๆ  แล้ว   หุ้นที่ตกนั้นก็ยังไม่ชัดว่าเกิดจากการเมืองในประเทศอย่างเดียว   เพราะปัจจัยที่อาจจะมีผลมากกว่าก็คือ  วิกฤติการเงินที่เกิดจากสหรัฐอเมริกาในขณะนี้    ว่าที่จริงการตกของหุ้นในบ้านเราในขณะนี้ก็ยังน้อยกว่าตลาดหุ้นในย่านเอเชียอื่นที่กำลังเจอกับตลาดหมีที่รุนแรงยิ่งกว่าตลาดหุ้นไทยเสียอีก

ทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องของสาเหตุของการเกิดตลาดหมีที่มีการพูดถึงและเชื่อกันในหมู่นักวิชาการและนักลงทุนทั้งหลาย   แต่ผมเองนั้น   หลังจากที่นั่งมองกราฟดัชนีหุ้นที่ผ่านมายาวนานผมกลับมีความคิดหรือความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งซึ่งอาจจะดูไม่ใคร่จะมีเหตุผล   แต่ผมก็คิดว่าเราควรที่จะตระหนักไว้บ้าง   นั่นก็คือ   ผมเชื่อว่าตลาดหุ้นนั้น   ในระยะยาวเป็นสิบ ๆ ปีขึ้นไปจะให้ผลตอบแทนในระดับหนึ่งเช่นเฉลี่ยปีละ  10%  แต่ในความเป็นจริง  ผลตอบแทนในแต่ละปีหรือแต่ละช่วงผลตอบแทนของตลาดกลับไม่แน่นอนเลย  อาจจะมีช่วง  4-5 ปี ที่คนลงทุนไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลยหรือขาดทุนด้วยซ้ำ   เช่นเดียวกันในบางช่วงซึ่งอาจจะยาวเป็น 7-8 ปีที่คนลงทุนได้ผลตอบแทนดีมากเช่นเป็น  15% ต่อปีโดยเฉลี่ย   ประเด็นก็คือ  ทุกช่วงที่เราได้ผลตอบแทนดีผิดปกติคือเกินกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวมาก  ก็มักจะมีวันหนึ่งที่ตลาดหุ้นจะต้องปรับตัวลงอย่างแรงเพื่อที่จะ  “ดึง”  ผลตอบแทนการลงทุนให้กลับลงมาอยู่ในระดับปกติ   จะเป็นวันไหนนั้นบอกยากแต่สุดท้ายก็มักจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่เป็นเหมือนชนวนที่จุดระเบิดให้หุ้นตกลงมาและกลายเป็นตลาดหมีอย่างที่เราเห็นอยู่   ดังนั้น  เมื่อเกิดภาวะตลาดหมีขึ้น  ผมจึงรู้สึกเฉย ๆ   ผมไม่โทษอะไรทั้งนั้น   เพราะผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดหลังจากที่ตลาดหุ้นไทยและหุ้นในเอเชียและในโลกให้ผลตอบแทนที่ดีมากเกินกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวมายาวนานหลายปี

มองอีกมุมหนึ่ง  ถ้าหุ้นตกลงมามากและทำให้ผลตอบแทนระยะยาวลดลงต่ำกว่าปกติ   การเข้าลงทุนซื้อหุ้นก็อาจจะเป็นกลยุทธ์ที่ดี   เพราะในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า  ตลาดก็อาจจะให้ผลตอบแทนดีกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวเพื่อที่จะชดเชยกับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าปกติในช่วงที่ผ่านมา    ด้วยความเชื่อแบบนี้   ผมจึงคิดว่า   ถ้าเรามีเงินสดอยู่ในยามที่หุ้นตกลงมามาก   กลยุทธ์ที่ดีก็คือ  เราควรซื้อหุ้นและเก็บไว้จนตลาดปรับตัวขึ้นไปมากกว่าปกติ   สิ่งนี้อาจจะ  “พูดง่ายทำยาก”  แต่ถ้าเราจะประสบความสำเร็จในการลงทุน   เราต้องทำได้
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
August
Verified User
โพสต์: 510
ผู้ติดตาม: 0

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 2

โพสต์

[quote="oatty"]

กลยุทธ์ที่ดีก็คือ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Diablo
Verified User
โพสต์: 822
ผู้ติดตาม: 1

หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ
มาเร็วกว่าหนังสือพิมพ์ตั้ง 2 วัน  :lol:
รูปภาพ
somwatee
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 98
ผู้ติดตาม: 0

หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เยี่ยมครับ...อ่านแล้วค่อยมีกำลังใจหน่อย... :D
nw108
Verified User
โพสต์: 503
ผู้ติดตาม: 0

หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 5

โพสต์

:D

     
  dig .....
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ประกาศๆขณะนี้กองทัพหมีรัดทะประหารตลาดหุ้นได้สำเร็จแล้วขอให้ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ :D  แต่ยังคงทำอะไรหุ้นเซเว่นของท่านอ.ไม่ได้เลยนับถือๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
hardchi
Verified User
โพสต์: 346
ผู้ติดตาม: 0

หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณครับทั้ง ดร. และ คุณoatty
.....โลกนี้ยังมีอันใดเร้าใจกว่าชีวิตผู้คน และความหมายของชีวิตเกิดจากประสบการณ์และช่วงเวลาอันเร้าใจ ......
.....สำเร็จล้มเหลวไม่สำคัญ ขั้นตอนของการต่อสู้ดิ้นรนจึงเร้าใจที่สุด ......
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 1

หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 8

โพสต์

กลยุทธที่ดี เราควรซื้อหุ้น ในเวลาที่ตลาดตกมาก ก็อาจจะใช่
แต่ก็ยังไม่แน่ใจ ว่าเราควรจะซื้อ ในยามที่สถานการณ์อะไรๆก็ไม่แน่นอนรึเปล่า
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
ภาพประจำตัวสมาชิก
halfofw
Verified User
โพสต์: 93
ผู้ติดตาม: 0

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 9

โพสต์

งง ครับที่ ดร เขียวว่า "ถ้าเรามีเงินสดอยู่ในยามที่หุ้นตกลงมามาก   กลยุทธ์ที่ดีก็คือ  เราควรซื้อหุ้นและเก็บไว้จนตลาดปรับตัวขึ้นไปมากกว่าปกติ "

ในเมื่อเราเป็นนักลงทุน แล้วเราจะมีเงินสดได้งัย
เวลาหุ้นลงมันก้อลงทั้งตลาด ก้อหุ้นที่มีอยู่ในมือก้อขาดทุนไปมหาศาล
จะ cut loss แล้วไปซื้อตัวอื่นอย่างนั้นเหรอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
songwit
Verified User
โพสต์: 279
ผู้ติดตาม: 0

หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 10

โพสต์

งง ครับที่ ดร เขียวว่า "ถ้าเรามีเงินสดอยู่ในยามที่หุ้นตกลงมามาก   กลยุทธ์ที่ดีก็คือ  เราควรซื้อหุ้นและเก็บไว้จนตลาดปรับตัวขึ้นไปมากกว่าปกติ "

ในเมื่อเราเป็นนักลงทุน แล้วเราจะมีเงินสดได้งัย
เวลาหุ้นลงมันก้อลงทั้งตลาด ก้อหุ้นที่มีอยู่ในมือก้อขาดทุนไปมหาศาล
จะ cut loss แล้วไปซื้อตัวอื่นอย่างนั้นเหรอ
คือว่าท่านหมายถึงว่าเวลา 800 จุด เมื่อต้นปี51 ชาวVI น่าจะดูออกว่ามันOVERเกินไปควรขายซะตั้งแต่ตอนนั้น
หรือ ก็ตอนที่ราคาตกต่ำกว่า20% ก็ควรนึกได้แล้วว่าเข้าสู่ตลาดหมี
ควรขายcut loss ซะ ตามหนังสือที่ ดร.เคยเขียนไว้ว่า..
ควรมีราคาขายในใจก่อนซื้อหุ้นนั้น ถ้าราคาหุ้นฟุ้งเกินราคานั้นแสดงว่าตลาดอยู่ในสภาวะ บ้าคลั่ง(crazy maket)ควรปล่อยของ

เวลานี้ผมอ่านงบหนักมาก กว่าปกติเพราะกำลังหาธุรกิจดีๆที่วางแบกะดิน
คาดว่าอีก1-2ปี ผมจะได้ผลตอบแทน100% สมกับความพยายาม  สู้โว้ย
วิกฤติของคนส่วนใหญ คือโอกาสของคนส่วนน้อย(คนรวยมีน้อยกว่าคนจนเสมอ ไม่รู้ทำไม)

.....
มีความสุขวันนี้ ดีกว่ารอวันพรุ่งนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
mario
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 720
ผู้ติดตาม: 12

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 11

โพสต์

[quote="halfofw"]งง ครับที่ ดร เขียวว่า "ถ้าเรามีเงินสดอยู่ในยามที่หุ้นตกลงมามาก
The basic ideas of investing are to look at stocks as business,
use the market's fluctuations to your advantage,
and seek a margin of safety.

Investing is not about big returns ,it's about safety of principal and satisfactory returns.
earthcu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 360
ผู้ติดตาม: 99

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 12

โพสต์

เข้ามาอ่านกระทู้เก่าๆ เพื่อเตือนสติในการลงทุนครับ

ขอบคุณ ท่านอาจารย์นิเวศน์ครับสำหรับบทความดีๆที่ให้อ่านเสมอๆ
และขอบคุณพี่ oatty ที่นำมาเผยแพร่ด้วยครับ
Life is beautiful + Financial freedom within 2015 by investment stock & real estate
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pathfinder
Verified User
โพสต์: 89
ผู้ติดตาม: 0

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 13

โพสต์

earthcu เขียน:เข้ามาอ่านกระทู้เก่าๆ เพื่อเตือนสติในการลงทุนครับ

ขอบคุณ ท่านอาจารย์นิเวศน์ครับสำหรับบทความดีๆที่ให้อ่านเสมอๆ
และขอบคุณพี่ oatty ที่นำมาเผยแพร่ด้วยครับ
อ่านผ่านๆ 1 รอบผมคิดว่าเป็นบทความใหม่เพิ่งออกมาล่าสุด (ไม่ทันดูวันที่ในหัวข้อ) :)
Focusing on quality and cheapness simultaneously helps investors beat the market!
ภาพประจำตัวสมาชิก
marcus147
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 615
ผู้ติดตาม: 0

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 14

โพสต์

อาจารตย์เป็นคนที่มองภาพรวมได้ขาดจริงๆ
การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีทางลัด อยากเก่ง ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
อุทยา
Verified User
โพสต์: 271
ผู้ติดตาม: 1

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 15

โพสต์

halfofw เขียน:งง ครับที่ ดร เขียวว่า "ถ้าเรามีเงินสดอยู่ในยามที่หุ้นตกลงมามาก   กลยุทธ์ที่ดีก็คือ  เราควรซื้อหุ้นและเก็บไว้จนตลาดปรับตัวขึ้นไปมากกว่าปกติ "

ในเมื่อเราเป็นนักลงทุน แล้วเราจะมีเงินสดได้งัย
เวลาหุ้นลงมันก้อลงทั้งตลาด ก้อหุ้นที่มีอยู่ในมือก้อขาดทุนไปมหาศาล
จะ cut loss แล้วไปซื้อตัวอื่นอย่างนั้นเหรอ
ถ้าเป็นนักลงทุนอย่างเดียวก็น่าจะเอาเงินปันผลมาซื้อ ส่วนการเปลี่ยนตัวถือน่าจะดูว่า หุ้นพื้นฐานดีตัวไหนลงไปต่ำกว่ามูลค่ามากกว่า แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่ทำงานประจำอยู่ก็น่าจะเอาเงินการการทำงานมาทยอยซื้อครับ ซึ่งมุมมองของ ดร. จะมองไปที่ระยะ 5-10 ปีขึ้นไป ไม่ใช่หุ้นตกปุ๊บ รีบหาเงินมาซื้อทันที อาจจะมีการซื้อและปรับพอร์ตจริงๆ ไม่บ่อยอย่างนักเก็งกำไรครับ :oops:
Green
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2896
ผู้ติดตาม: 236

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 16

โพสต์

เราควรจะมีเงินสดเก็บเอาไว้ซักส่วนหนึ่งครับ. จะได้มีเงินเอามาซื้อตอนตลาดหมี อิอิ
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.

Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ขอบคุณคับ :bow: หมีมาปัญญาเกิด :D

เงินสดที่ท่านอ.ว่าไว้น่าจะหมายถึงเงินปันผลจากหุ้นที่ได้ลงทุนไว้กับรายได้จากงานประจำแต่ถ้าราคาหุ้นถูกมากๆจิงๆก็สามารถใช้ท่าไม้ตายได้โดยเอาหุ้นไปค้ำแล้วเอามารืจิ้นมาซ็อปปิ้งหุ้น :P
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง

http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html



http://goo.gl/VjQ4cG
OPC
Verified User
โพสต์: 87
ผู้ติดตาม: 0

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ดร. ยิ่งใหญ่สำหรับผมเสมอ ขอบคุณครับ
torpongpak
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2611
ผู้ติดตาม: 63

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ขอบคุณอ.และพี่oattyที่มาเเชร์ข้อมูลครับ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
torpongpak
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2611
ผู้ติดตาม: 63

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 20

โพสต์

torpongpak เขียน:ขอบคุณอ.และพี่oattyที่มาเเชร์ข้อมูลครับ
555 Postผิดนึกว่าอยู่ในห้องร้อยคนร้อยหุ้น ขอบคุณพี่Oattyที่นำบทความมาPost
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
chootana
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1402
ผู้ติดตาม: 2

Re: หมี /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 23 กันยายน 2551

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ขอบคุณคุณ oatty ครับ
โพสต์โพสต์