ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
เต๋อ
ผู้ติดตาม: 0

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ก่อนอื่นขอแนะนำตัว ผมอายุ24 จบวิดวะ ที่ไหนไม่กล้าบอกกลัวเสียสถาบันตัวเอง :D
ขอถามพี่เลยนะครับ เรื่อง TCB น่ะครับ ผมเองได้อ่านกระทู้เกี่ยวกับข้อดีของตัวนี้
แต่ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าการที่บริดจสโตน จะสร้างโรงงานผลิตผงคาร์บอนเป็นของตัวเอง นั้นจะเริ่มโครงการเมื่อไหร่ครับ แล้วถ้าผลิตขึ้นใช้เองจริง TCBจะไม่แย่หรอครับ
หรือว่าเค้ามีทางหนีทีไล่อยู่แล้วอ่ะพี่
ยังไงรบกวนพี่ๆทุกคนด้วยนะครับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เคยตอบไปแล้วครับว่าโรงงานที่เค้าตั้งจะผลิต ไฮเอนด์สุดๆ ครับ ยังไงก็ต้องซื้อจาก TCB สำหรับตัวปกติอยู่ดี ในระยะยาวอาจจะเป็นไปได้ที่ Bridgestone จะผลิต carbon black เองทั้งหมด ถ้าถึงตอนนี้ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแน่นอนครับ แต่คงไม่ใช่ในปีสองปีนี้แน่
Bangkok Post เขียน: Japan's Bridgestone Corp has announced a plan to invest 1.7 billion baht to set up a plant in Thailand to manufacture carbon black used in the production of tyres.
The largest Japanese tyre maker said it decided to establish the new plant to supply raw materials in order to respond to increased demand for tyres worldwide.
The new plant, to be built in Rayong, will start production in the latter half of next year, with annual production capacity of 40,000 tons.
Its subsidiary, Bridgestone Carbon Black Thailand Co, which was set up in November 2001, will operate the plant.
A company source said Daewoo Engineering Co had been awarded the contract to provide a basic design review, detailed engineering, procurement service and construction supervision.
Apichai Athayaporn, procurement manager of Thai Bridgestone, said the local facility had not yet been informed whether it had to switch all purchase orders of carbon black to the new facility.
The company currently purchases the raw material from two local manufacturers _ Thai Carbon Black Plc, the country's largest producer, and Thai Tokai Carbon Product Co.
An executive of Thai Carbon Black (TCB) said the company had an informal discussion with Bridgestone on the latter's plan to set up a plant in Thailand, it did not foresee any impact on TCB.
``In the discussions, Bridgestone's people said the carbon black produced by Bridgestone's plant would be of a specialty grade, and most would be for export while that produced and supplied by us is of normal grade and used to make regular tyres,'' he said.
Normally, specialty-grade carbon black is used to produce premium tyres that are stronger than regular tyres, as well as industrial rubber parts.
Currently, Thai Carbon Black has a monthly output of 13,000 tonnes, half of which is destined for exports and the rest for sale to local tyre makers. About 20-30% of the output is supplied to Bridgestone.
``We need to discuss more after Thai Bridgestone has been informed of the clear policy by its parent company,'' the TCB spokesman said.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Meeja
Verified User
โพสต์: 333
ผู้ติดตาม: 0

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

แต่ก็มีความเป็นไปได้ครับที่บริดจสโตนจะใช้ผงคาร์บอนแบล๊กทั้งหมดที่ตัวเองผลิต ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลกระทบเชิงลบกับ TCB ซึ่ง worst case scenario คือ TCB จะยอดขายตกถึง 30% ซึ่งก็ไม่น้อยทีเดียวครับ
เต๋อ
ผู้ติดตาม: 0

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ถ้าลองเทียบดูว่าตลาดใหม่ในประเทศจีนจะสามารถทดแทนตลาดที่จะเสียไปรวมทั้งถ้าเป็นตลาดใหม่ที่ใหญ่กว่าก็น่าจะไม่มีปัญหาน่ะครับ
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ามันจะไปได้ดีขนาดไหนกับโรงงานใหม่ในประเทศจีน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ควรจะเป็นรูปธรรมก่อนที่โรงงานบริดจสโตนจะสร้างเสร็จ เพราะไม่งั้นคงเสี่ยงพอตัวเหมือนกันน่ะครับ

เห็นเป็นยังไง ขอความเห็นด้วยครับ :D
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

รู้สึกว่าการลงทุนในจีนจะเป็นแบบร่วมทุนนะครับ ตรงนี้เองก็ยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก รู้สึกว่าคุณเต๋อจะศึกษามาดีกว่าผมซะอีก

ยอดขายปีนี้อย่างเก่งก็เท่าเดิม เพราะฉะนั้นผมว่าราคาไม่น่าจะไปได้ไกล แต่คิดว่าการที่ TCB ตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตน่าจะมีผลในเชิงบวกระยะยาว เป็นการลงทุนที่น่าจะดี เพราะถ้ายอดผลิตเต็มกำลังแล้วไม่เพิ่ม ก็เหมือนกับฆ่าตัวตายแหละครับ

ปีหน้า EPS ของ TCB ถึงจะโตได้

พูดถึง EPS อ่านเรื่อง Earning Growth and Value Creation ของน้อง Mon แล้วมึนตึ๊บเลย มิน่าน้อง Mon ถึงได้เลือกหุ้นได้กระฉูดขนาดนี้ มันสมองเป็นเลิศจริงๆ นับถือ[/url]
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

อ่านแบบใจเย็นๆซิครับ ค่อยทำความเข้าใจไปเลื่อยๆ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า บริษัทลงทุนไปแล้วได้กลับมาคุ้มหรือไม่ สร้างมูลค่าเพิ่มหรือไม่ ยอดขายโตขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นข่าวดีเสมอไปนะครับ ถ้าโตแล้วไม่คุ้มกับที่ลงทุนไปก็เท่ากับขาดทุนแหละ

ลองเอาตัวอย่างง่ายๆนะครับ ถ้าเรามีเงิน 100 บาทมีทางเลือกสองทางครับคือ ไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ย 1.5% ครบปีเงินเราโตไปเป็น 101.5บาท ถ้าเราเอาเงินนี้ไปลงทุนซื้อพันธบัตร ได้ 4%เงินเราโต 104บาท แสดงว่าเรามีต้นทุนค่าเสียโอกาส อยู่ 2.5% ถ้าเลือกฝากเงินกับธนาคารเราก็เท่ากับว่าลดมูลค่าเงินเราในอนาคตไป 2.5บาท

ที่นี้เอาใหม่ครับ มีเพื่อนมาชวนหุ้นทำธุรกิจต้องใช้เงิน 200บาท พี่ออก100เขาออกหนึ่งร้อย แต่พี่ไม่มีตังค์เลยไปยืมแฟนมาโดยสัญญาว่าจะให้ดอกเบี้ย 4% แสดงว่าพี่มีต้นทุนเงินทุน 4%แล้วนะครับ หากลงทุนไปแล้วได้เงินกลับมา3% พี่ต้องคืนเงินแฟน เท่ากับ103บวกกับค่าขนมพี่อีก1บาท ขาดทุนแล้วเห็นๆ

อย่างนี้พอไหวไหมครับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

พอไหวครับ เรื่อง cost of money นี่พี่ก็ต้องทำทุกทีเวลาส่ง business plan กับ budget ให้เจ้านาย แต่ทำทีไรก็มึนทุกที ไม่ชอบตัวเลขเยอะๆครับ

ส่วนมึนที่สองมาจากหลักการครับ การที่เราเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ได้โดยที่ได้มาร์จิ้นลดลงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่ คำถามนี้เป็นคำถามโลกแตกครับ เถียงกันมาตั้งหลายสิบปีแล้ว

ถ้ามองจากมุมนักเศรษฐศาสตร์สมัยก่อนดอทคอม มาร์เก็ตแชร์เพิ่มคือเป้าหมายสูงสุดครับ กำไรเทียบกับต้นทุน (หลังหัก cost of money แล้ว) เป็นประเด็นรอง เพราะเขาเชื่อว่าเมื่อคุณได้มาร์เก็ตแชร์เพิ่ม คู่แข่งก็ขายได้น้อยลง ไม่นานก็เจ๊งหมด แล้วเราก็จะ monopolize ตลาดได้ เป็น ultimate business goal model เมื่อ 10 กว่าปีก่อน

พอยุคตลาดหุ้นบูม คนก็หันมาสนใจเรื่อง ROI มากขึ้น มีทฤษฎีต่างๆแตกแขนงออกมาเพื่อวัด ROI ตั้งแต่ IRR EVA MIRR เป็นต้น พูดถึง MIRR เดี๋ยวนี้ Excel คำนวณ MIRR ได้แล้วนะครับ ใส่ได้ทั้ง finance rate (ต้นทุน) และ reinvest rate (เอากำไรไปลงทุนอีก) สุดแสนจะสะดวก

สุดท้ายเป้าหมายหลักของบริษัทคือ เพิ่มมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งในมุมมองของผู้ถือหุ้นก็น่าจะดีครับ แต่ผมเคยทำงานในบริษัทที่เปลี่ยนนโยบายจากเพิ่มมาร์เก็ตแชร์มาเป็นเพิ่มคุณค่าให้ผู้ถือหุ้น ปีแรกก็ดีครับ หุ้นพีคเลย หลังจากนั้นสามปีหุ้นบริษัทก็ตกไปสิบกว่าเท่าจากพีค มาร์เก็ตแชร์ก็ลด เจอบริษัทนอกตลาดตีแย่งมาร์เก็ตแชร์กระจุย ผมสละเรือไปสามปีแล้ว ก่อนพีคประมาณครึ่งปี เพราะกะว่าหัวทิ่มแน่ (บริษัทต่างประเทศนะครับ ไม่ต้องไปหาในเมืองไทยให้เสียเวลา)

ไม่ได้ว่าเพิ่มมูลค่าไม่ดีนะครับ แต่มันไม่ใช่ง่ายที่จะเพิ่ม "มูลค่า" โดยไม่ลด "คุณค่า" บางทีผู้บริหารก็มองแต่จะเพิ่มมูลค่า แต่ลืมเรื่องคุณค่าที่วัดไม่ได้ด้วยตัวเลขไป
เต๋ฮ
ผู้ติดตาม: 0

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เห็นด้วยกะพี่CK ที่ว่าพี่ Mon มีมันสมองเป็นเลิศเลย
แล้วก็เห็นด้วยกะพี่CK ว่าเรื่องมาร์เก็ตแชร์กับมาร์จิน ว่าเป็นปัญหาโลกแตก
แต่ส่วนตัวผม ยังมีแง่บวกกับการที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงไว้ก่อน(สำหรับสินค้าที่มีการทดแทนกันได้ง่าย หรือเลียนแบบนั่นเอง) ด้วยข้อดีนานาประการ ขออนุญาตไม่กล่าว

ขอบคุณครับสำหรับทุกความเห็น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Meeja
Verified User
โพสต์: 333
ผู้ติดตาม: 0

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

Ok ครับ เฮีย Mon money

ถามอีกกระจี๊ดนึง
ต้นทุนเงินทุนจะหามาจากไหนอะครับ (นอกจากเงินเฟ้อ)

แล้วถ้าบริษัทใช้เงินสดที่เหลือๆ จากบริษัทตัวเองขยายงาน
ก็เป็นข้อดีไม่ใช่หรือครับ
ผมว่ามันใช้ไม่ได้ทุก Case น่ะครับ Solution นี้
แล้วถ้ายิ่งคิดว่าเป็น VI งบดุลพื้นฐานก็หนี้น้อยอยู่แล้วนี่ครับ
การขยายงานโดยปกติก็ใช้เงินสดอยู่แล้ว
การดูบริษัทของเราก็ตัดบริษัทที่กู้หนี้มาขยายกิจการอยู่แล้ว
การดูการเพิ่ม EPS ก็น่าเป็น Solution ที่ใช้ได้นะครับ (PEG)

อ่อ..ถามอีกนิดดดด
ERR EVA MIRR คืออะไรอะครับ???
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ว่าแต่เฮีย Mon ไม่ลองเขียนแบบง่ายๆที่อธิบายให้คนแก่ฟังขึ้น Investor Guide บ้างหรือครับ เวอร์ชั่นวิชาการมันอ่านยาก ยกตัวอย่างแบบที่เขียนในกระทู้ฟังดูนุ่มกว่ากันเยอะเลย

น้อง Meeja ขอตอบให้เฮีย Mon นะครับ

ต้นทุนเงินทุนแปลเปลี่ยนไปตามแต่กิจการและบริษัทครับ สำหรับบริษัทที่ใช้เงินสด ต้นทุนเงินทุนคือดอกเบี้ยฝากแบงก์ ส่วนบริษัทที่มีหนี้จะใช้อัตรากู้ยืม

แต่ปกติแล้วเขาจะใช้อัตราเงินกู้มาคำนวณ (เช่น MLR เป็นต้น) แม้ว่าเงินทุนจะเป็น capital ก็ตาม เพราะเป็นอัตราที่สูงซึ่งถ้าผลกำไรผ่าน (เช่น IRR สูงกว่า MLR ในสามปี) แสดงว่าโครงการใหม่แม้กู้เงินมาทำก็ยังคุ้ม จะยิ่งคุ้มขึ้นเมื่อใช้ capital หรือเงินสดในมือ

เอ่อ ERR คือ error มังครับ แต่ IRR ย่อมาจาก Internal Rate of Return เทียบเท่ากับเมื่อเราเอาเงินไปฝากแบงก์แล้วเขาประกาศอัตราดอกเบี้ยแหละครับ ตัวอย่างง่ายๆถ้า IRR ของผลตอบแทนของเงินลงทุนเราเท่ากับ 6.5% แสดงว่าถ้าเราเอาเงินจำนวนเดียวกันไปฝากแบงก์ที่ให้ดอกเบี้ย 6.5% เราจะได้ผลตอบแทนเท่ากัน

เมื่อก่อนการคำนวณ IRR จะยากมาก ต้องลองไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้สบายครับ ใช้ Excel จึ๋งเดียวจบ

MIRR คือ Modified IRR คือเหมือน IRR แต่แถมว่าสามารถคำนวณ cost of money (finance rate) และ reinvest rate คือเงินที่เอามาลงทุนสมมุติว่ามีดอกเบี้ย และรายรับสามารถเอาไปลงทุนอย่างอื่นเช่นฝากแบงก์แล้วได้ผลตอบแทนมาด้วยครับ เช่นกัน Excel ทำได้ง่ายมาก

EVA ย่อมาจาก economic value added เป็นการวัด return ที่บริษัทมหาชนต่างประเทศชอบใช้ครับ โหดกว่าวิธีอื่น นิยามไว้ว่าคือ fair rate of return on invested capital โดยสรุปคือเป็นวิธีการวัดว่าการลงทุนใหม่เพิ่มค่าให้บริษัทหรือลดค่ากันแน่ เป็นตัวที่ฝ่ายบริหารชอบมาก เพราะผู้ถือหุ้นชอบครับ แต่คนทำโปรเจ็กปวดกบาลครับ ที่แย่คือจะต้องมีการ bullshit กันแหลกรานเพื่อให้ EVA ดูดีสำหรับบริษัทที่มี margin สูงอยู่แล้ว สุดท้ายเลยไม่เกิดโครงการใหม่เลย

พอเข้าใจไหมครับ
genie
Verified User
โพสต์: 1474
ผู้ติดตาม: 1

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ผมขออนุญาติตอบแทนเฮียmonแกนะครับ แกก็เคยบ่นๆให้ฟังเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ปัญหาคือเรื่องมันยากจริงๆครับ และนี่ก็ทำให้ง่ายที่สุดแล้วและไม่รู้จะทำยังไงให้ง่ายกว่านี้ ผมว่าสิ่งที่พอจะช่วยได้คือต้องหาโอกาสมาพบปะกันอีกละครับ เล่นจะให้สรุปหรือโพสให้นี้มันทารุณจริงๆครับ :(
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ก็อันที่เฮีย Mon อธิบายให้พี่ฟังมันก็ง่ายดีนี่ครับ อ่านทีเดียวเข้าใจเลย ไม่ต้องมีรูปประกอบด้วย เอาแบบนี้ขึ้นพี่ว่าก็ดีนะครับ
genie
Verified User
โพสต์: 1474
ผู้ติดตาม: 1

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

อันนี้ผมก็พอเข้าใจอยู่แหละครับ แต่ปัญหาคือการเขียนบทความกับการเขียนกระทู้มันคนละหลักการเลยครับ เพราะการเขียนกระทู้ไม่จำเป็นต้องเขียนให้มีบทนำหรือสามารถสรุปได้ในตัวมันเอง เพราะมันเป็นลักษณะ2way communicationหรือการสื่อสารสองทิศทาง(มีการโต้ตอบกัน) แต่บทความมันคนละเรื่องเลยครับขืนเขียนแบบเหมือนตั้งกระทู้ผมเชื่อครับเละแน่ๆ เพราะผมก็เคยเขียนแบบนั้น(ก็อันที่โพสอยู่นั่นแหละครับ)พอให้เฮียแกอ่าน เขาก็ถามว่าหัวใจของบทความคืออะไร ทำไมมันลอยๆอย่างงี้ เรียบร้อยครับเละ ผมว่าน่าจะเป็นแบบนี้ดีไหมครับ คือไม่เข้าใจจุดไหนเรามาตั้งกระทู้ถามกันดีไหมครับ :)
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

อืม พอจะเข้าใจครับน้อง Genie ขอบคุณที่สั่งสอน ถ้างั้นแบบที่เฮีย Mon เขียนมาก็ดีแล้วครับ ถ้าเว็บมาสเตอร์ของ Genie สามารถ link กระทู้ถามตอบเข้าไปในบทความเลยก็จะดียิ่งขึ้น เพราะจะสามารถเปิดโอกาสให้คนอ่านบทความถามหรือแสดงความคิดเห็นได้ ในหน้าบทความเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Meeja
Verified User
โพสต์: 333
ผู้ติดตาม: 0

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอบคุณครับคุณ CK

ปกติผมตรวจคำพูดผมก่อน Post ทุกที
แต่คราวนี้หลุดแฮะ...แอะแอะแอะ

เดี๋ยวไปหาตัวอย่างมาดูใน Excel ก่อน

อีกอย่าง หนังสือที่สรุปเรื่อง ROI ดีๆ พอมีแนะนำไหมครับ
จะได้พอเข้าใจที่คุณ CK พูดอีกซักหน่อย

ขอบคุณครับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ผมไม่ได้อ่านจากหนังสือครับ เลยแนะนำไม่ได้ เฮีย Mon น่าจะบอกได้ รอแกหน่อยละกันครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ตอนนี้ผมกำลังเขียนเรื่องเกี่ยวกับมูลค่ากับส่วนประกอบต่างๆของมันอยู่ครับ คือผมพยายามโยงเรื่องมูลค่ากับปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินงานให้มารวมกัน จริงๆก็เสร็จแล้วละ แต่ขออ่าทวนใหม่หลายๆรอบก่อน เดียวมันจะยากไป รอหน่อยนะครับจะทำให้ง่ายขึ้น

ที่พี่CKว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ผมแอบกระซิบดังๆว่าที่ผมต้องระเห็ดออกมานั่งทำธุรกิจตัวเองอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะไอ้พวกฝรั่งหน้าโง่ อวดดีไม่เข้าใจหลักการลึกซึ้งแล้วนำมาใช้แถมทำว่าข้ารู้จริงใช้ไม่ถูกเรื่องเลยออกมาเละกันไปหมด

เรื่องของการเติบโตของยอดขาย ส่วนแบ่งการตลาด กำไรและมูลค่านั้นมิได้สวนทางกันกันอย่างที่คิด จริงๆแล้วมันไปพร้อมๆกัน เพียงแต่ว่าท่านผู้บริหารเข้าใจโครงสร้างการดำเนินงานหรือเปล่า เช่นถ้าท่านจะขยายส่วนแบ่งตลาดอาจจำเป็นต้องโปรโมชั่น ลดราคา แต่ท่านได้ดูว่าท่านพร้อมหรือเปล่า กำลังการผลิตท่านเพียงพอไหม? ระบบบริการลูกค้าพร้อมไหม? ระบบจัดส่งพร้อมไหม? ที่ทำอยู่มีประสิทธิภาพหรือไม่? ถ้าไม่พร้อมดันไปทำก็ไม่รอดแน่เพราะยิ่งทำต้นทุนก็ยิ่งสูง กำไรน้อย และก็ทำลายมูลค่า และทำลายส่วนแบ่งตลาดไปในตัว แต่ถ้าพร้อมทำไมจะทำไม่ได้ ทีนี้กลับมาถ้าไม่พร้อมก็เร่งทำให้พร้อมเสียก่อนแล้วค่อยทำก็ไม่สาย เรื่องต่างๆเหล่านี้เราพูดกันเรื่องประสิทธิภาพการดำเนินงาน Economic of scale, investment Efficienies, Cost Efficiencies ผมทะเลาะกับฝรั่งมากในเรื่องเหล่านี้ตอนมันบังคับให้ผมขยายตลาด และบังคับให้ผมขายของแพงโดยไม่มีระบบที่มีประสิทธิภาพรองรับ ไม่ได้สร้างความแตกต่างในสินค้า ไม่ได้มีCompetitve advantageเหนือชาวบ้านเขาเลย มันยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่อยากหล่อ ดังนั้นการเลือกบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีหลายๆปีติดต่อกันจึงด้วยเหตุนี้แล

จำไว้เราคนไทย มีมันสมองไม่แพ้ฝรั่งหรอกฉลาดกว่าด้วย อย่าปล่อยให้พวกมันมาหรอกเราได้นะพี่น้อง
genie
Verified User
โพสต์: 1474
ผู้ติดตาม: 1

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

เรียนพี่CKครับ สิ่งที่ผมพูดไมใช่การสั่งสอนพี่นะครับ และไม่เคยคิดด้วยครับ :( เพราะผมรู้ตัวว่าแม้พอมีความสามารถและได้รับความเชื่อถืออยู่บ้าง แต่ประสบการณ์ทั้งประสบการณ์การลงทุนและประสบการณ์ชีวิตผมก็ยังถือว่าอ่อนด้อยมาก ผมไม่อาจถือวิสาสะสั่งสอนพี่CKหรอกครับ ผมเองต่างหากที่จะต้องขอฝากเนื้อฝากตัวและขอคำแนะนำจากพี่ๆ ส่วนเรื่องบางเรื่องที่ผมโพสที่อาจดูซีเรียสไปบ้างก็เหตุที่ผมได้รับความไว้วางใจให้เป็นmoderator อันถือได้ว่าหลายๆอย่างที่ตั้งกระทู้ไว้ก็เพราะเป็นไปตามหน้าที่หากมีสิ่งใดกระทบกระทั่งไปบ้างผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

สองคนนี้เขาเป็นอะไรกันหรือ พี่CKน้อยใจเปล่าคืนนี้หายไปเลย ถึงจะหมั่นไส้genieแต่ก็ยังมีผมและน้องๆอีกหลายคนนะครับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ฮ่าๆ ผมหรือครับน้อยใจ tvi มีแต่คนดีๆทั้งนั้น ผมรู้สึกเป็นเกียรติจะตายอยู่รอมมะล่อแล้วที่มีคนโพสต์ชื่อ CK ในหลายกระทู้ทีเดียว

ขอโทษน้อง Genie ที่พี่ฟังดูเหมือนประชด ความจริงไม่ได้น้อยใจครับ พิมพ์ไปยิ้มไปด้วยซ้ำ (แต่ลืมใส่ smilie) อย่า overreact สิครับ

วันนี้โมโหเล็กๆที่เว็บตลาดหุ้นต่างหาก มีคนด่าพี่เมื่อวานนี้ (แต่เพิ่งมาอ่านเจอวันนี้) เลยฉุนนิดๆ (ก็เรื่อง seamico มีค่าคอมฯขั้นต่ำแล้วน่ะสิ)

น้อง Genie ทำหน้าที่ผู้อาวุโสพิทักษ์กฎดีอยู่แล้วครับ พี่ชอบมาก ตอนนี้ที่ taladhoon.com ก็อ่านเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่นี่ทั้งอ่านทั้งเขียนเข้ามา ความรู้หางอึ่งก็หวังว่าจะช่วยๆคนอื่นได้บ้าง หลังจากรับมาเยอะ to take and to give

อย่าซีเรียสครับ ถ้าพี่โกรธเมื่อไหร่ จะเห็นอีเมลยาวแปดลี้ เป็นคนไม่ยอมแพ้ใครอยู่แล้ว ถ้าไม่เชื่อไปอ่านกระทู้คุณดรรชนีไทยเรื่อง ความเข้าใจ vs. ความเชื่ออะไรนี่แหละที่ taladhoon.com
genie
Verified User
โพสต์: 1474
ผู้ติดตาม: 1

ถามพี่CK และพี่ทุกท่านที่พอจะช่วยแนะนำหน่อยครับ

โพสต์ที่ 22

โพสต์

โถ ก็พี่เล่นโพสว่าผมสั่งสอนพี่ผมก็จุกซิครับ ผมแค่ชี้แจงเฉยๆครับ :lol:
ล็อคหัวข้อ