LST-UPOICเล่นได้ไม่ผิดหวัง:ไตรมาส2กำไรเท่าตัว ราคาน้ำมันปาล์มวิ่งยาว
หุ้นน้ำมันปาล์ม LST-UPOIC ไตรมาส 2 มีแนวโน้มเติบโตสูง กำไร LST โต 135% ส่วนUPOIC โต 90% จากราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความต้องการที่เพิ่มขึ้น LST กำไรปีนี้โต 135% โดย LST ถือหุ้น UPOIC ถึง 70%ช่วยลดผลกระทบด้านต้นทุนการผลิต ขณะที่ UPOIC มีความเสี่ยงปริมาณหุ้นตลาดน้อย โบรกฯเชียร์ซื้อ LST เป้าหมาย 5.70 บาท
จากประมาณการราคาเฉลี่ยน้ำมันปาล์มดิบปี 2551 ที่ 1,080 เหรียญสหรัฐต่อตัน สูงกว่าประมาณ 38% จากราคาน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยปี 50 ที่ 779.7 เหรียญสหรัฐต่อตัน เนื่องจากความต้องการใช้ไบโอดีเซลที่เพิ่มขึ้น รวมถึงผลผลิตที่คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อน เพราะปริมาณน้ำมันฝนที่เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อน
ดังนั้น ผลประกอบการในไตรมาส 2/51 ของบริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST ผู้ประกอบธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันปาล์มรายใหญ่ และผู้จำหน่ายน้ำมันพืชตรา
"หยก" และบริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UPOIC ผู้ปลูกปาล์มรายใหญ่ น่าจะมีแนวโน้มที่เติบโตจากปีก่อน
บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก ประเมินว่า จากรายงานกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา ประมาณการ อุปสงค์ และอุปทานน้ำมันปาล์มในตลาดโลก ประจำเดือน ก.ค.51 โดยปริมาณ
Ending Stocks ของน้ำมันปาล์มปีนี้จะลดต่ำลงจากปีก่อนประมาณ 6% และยังลดต่ำลงจากประมาณการประจำเดือนมิ.ย.51 ประมาณ 1.3% ดังนั้นอุปสงค์ และอุปทานที่ค่อนข้างตึงตัวในปีนี้ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันปาล์มดิบที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการพลังงานทดแทน เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ถ้า LST ไม่ได้ถือหุ้น UPOIC ไว้ 70% ก็จะได้รับผลกระทบด้านต้นทุนการผลิต
โดยผลประกอบการของ LST ในปี 51 จะดีกว่าปีก่อนเล็กน้อย จากการได้ปรับขึ้นราคาขายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี นอกจากนี้การถือหุ้น UPOIC ซึ่งเป็นผู้ปลูกปาล์มรายใหญ่ของไทย 70% ส่งผลให้กำไรสุทธิของ LST ในปีนี้เติบโตสูงถึง 135% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกันผลประกอบการของ UPOIC น่าจะเติบโต 90% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามราคาน้ำมันปาล์มดิบที่พุ่งสูงขึ้น
ในด้านของผลประกอบการเฉพาะกิจของ LST อาจจะไม่โดดเด่น เนื่องจากน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ถูกครมการค้าภายในควบคุมการราคาขายปลีกเอาไว้ แต่จากการที่ LST ถือหุ้น UPOIC ทำให้ผลประกอบการในงบการเงินรวมของ LST มีการรวมผลประกอบการของ UPOIC ไว้ และคาดว