สงสัยเกี่ยวกับ WACC

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2502
ผู้ติดตาม: 9

สงสัยเกี่ยวกับ WACC

โพสต์ที่ 1

โพสต์

การที่เราใช้ WACC (ซึ่งเกิดจากการรวมกันระหว่างต้นทุนของเจ้าหนี้กับต้นทุนเงินทุนของเจ้าของตามอัตราส่วนของ Debt กับ Equity) เป็นส่วนคิดลดใน DCF เท่ากับว่าเราตั้งสมมติฐานว่า บริษัทจะรักษาค่า D/E ให้เป็นค่าเดิมไปเรื่อยๆ ยิ่งโตขึ้นยิ่งก่อหนี้

ทั้งๆที่ความเป็นจริงๆ เวลาบริษัททำกำไรเงินสดได้ ก็น่าจะใช้หนี้เงินกู้ซึ่งทำให้ D/E ลดลงเรื่อยๆในแต่ละปี (ถึงไม่ใช้หนี้ การที่มีกำไรสะสมก็จะทำให้ Equity โตขึ้นในขณะที่ Debt ยังเท่าเดิม ก็หมายความว่า D/E ลดลงอยู่ดี)

หมายความว่า WACC ที่ใช้คิดลดน่าจะเปลี่ยนไปเรื่่อยๆในแต่ละปีมากกว่าจะใช้เป็นค่าคงที่ค่าเดียวหรือเปล่าครับ

ปล. ผมลองใช้กับบริษัทที่มี D/E เท่ากับ 1.25 ปรากฏว่าการที่เราคิด WACC เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (เพราะต้นทุนของเจ้าของสูงกว่าต้นทุนของเจ้าหนี้) ให้มูลค่าหุ้นที่เหมาะสมตามสูตร DCF น้อยกว่า การที่ให้ค่า WACC คงที่เกือบ 1/3 ซึ่งมีนัยสำคัญกับการลงทุนมากเลยครับ  :roll:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sumotin
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1145
ผู้ติดตาม: 52

สงสัยเกี่ยวกับ WACC

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เรื่องนี้ผมว่าต้องมองหลายๆมุมครับ WACC ของบริษัทปรกติก็ไม่คงที่อยู่แล้ว บริษัทมีการกู้ยืมหรือคืนหนี้อยู่ให้หลายๆครั้งใน 1 ปี อีกทั้งยังมีโครงการต่างๆหลายโครงการ

ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว บริษัทควรจะรักษาระดับของ WACC ให้ อยู่ในระดับที่น้อยที่สุดครับ นี้น่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเค้าถึงให้ WACC คงที และอีกอย่างน่าจะเป็นเรื่องที่ว่า WACC คือ cost ในปัจจุบันของบริษัทครับ เค้าจึงคิดที่ปัจจุบันไม่ใช่ โอกาสที่จะเป็นในอนาคตครับ

WACC = We*(Rf+(Bu[1+(1-T)*(D/E)])(Rm-Rf))+Wd*kd(1-T)

จากสูตรถ้าดูในหนึ่งปี WACC ก็มีโอกาสแกว่งไม่มากนะครับ
Bu 1         1      1      1      1   1
Tax 30%   30%   30%    30%    30% 30%
D 50            40    30    20    10 0
E 50     90    80    70    60 50
Rf 5%   5%     5%     5%     5% 5%
Kd 8%   8%     8%     8%     8% 8%
Rm 13%      13%   13%   13%   13% 13%
We 50%       69%   73%   78%   86% 100%
Wd 50%       31%   27%   22%  14% 0%
D/E 1.00 0.44 0.38 0.29 0.17 -  
B L 1.700 1.311 1.263 1.200 1.117 1.000
Ke 18.60% 15.49% 15.10% 14.60% 13.93% 13.00%
WACC 12.10% 12.45% 12.51% 12.60% 12.74% 13.00%

ใน case ข้างบนนี้ผมดูแต่ว่าถ้าเค้าจ่ายหนี้และเก็บเงินไว้ เป็น retain earning นะครับ โดยให้ NI = 50 ค่าก็จะเปลี่ยนไปทำให้ WACC มากขึ้นซึ่งเป็นผลให้ บริษัทมี cost สูงขึ้นทางทฤษฎี ครับ ถ้าใน case ที่มีการจ่าย dividend จะไม่ต่างกันมากครับ max สุดก็ 13% เหมือนกัน

อันนี้ตามที่ผมเข้าใจนะครับมีอะไร แย้งได้ครับ
:D
Timing is everything, no matter what you do.

CAGR of 34% in the past 15 years of investment
adi
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเกี่ยวกับ WACC

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ตอนเรียน valuation ก็มีปัญหานี้เหมือนกันครับ อาจารย์แนะนำว่าให้ใช้ "company's targeted d/e" แทนปัจจุบัน พอถามว่า แล้วจะรู้ได้ไง เค้าบอกให้โทรถามเจ้าของ 55555555 :P
A Cynic Knows the Price of Everything and the Value of Nothing
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
akekarat
Verified User
โพสต์: 1746
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเกี่ยวกับ WACC

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เป็น Point ที่ดีจริง ๆ ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2502
ผู้ติดตาม: 9

สงสัยเกี่ยวกับ WACC

โพสต์ที่ 5

โพสต์

Sumotin เขียน:ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว บริษัทควรจะรักษาระดับของ WACC ให้ อยู่ในระดับที่น้อยที่สุดครับ นี้น่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเค้าถึงให้ WACC คงที และอีกอย่างน่าจะเป็นเรื่องที่ว่า WACC คือ cost ในปัจจุบันของบริษัทครับ เค้าจึงคิดที่ปัจจุบันไม่ใช่ โอกาสที่จะเป็นในอนาคตครับ
ผมว่ามันน่าแยก WACC ในมุมมองสำหรับการลงทุน่โดยบริษัท กับการลงทุนในตลาดหุ้นของผู้ถือหุ้นครับ

WACC ในมุมมองสำหรับการลงทุนของบริษัท แน่นอนบริษัทต้องพยายามทำให้ต่ำที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ด้วยการกู้เงิน มากกว่าที่จะเพิ่มทุน (เพราะต้นทุนของผู้ถือหุ้นมันสูงกว่า)

ฉะนั้นบริษัทต้องพยายามรักษาระดับ D/E ให้อยู่ในระดับสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ที่เจ้าหนี้ยอมรับ ในช่วงเวลาที่ต้องการใช้เงินลงทุนสูงๆ

หลังจากที่ลงทุนใหญ่เสร็จสิ้นไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยว

บริษัทก็เอากำไรเงินสดที่ได้มาจ่ายหนี้และปันผลไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ D/E ในปีต่อๆมาจะลดลงเรื่อยๆ (เพราะมันไม่ make sense ที่บริษัทสามารถทำกำไรเงินสดได้ แต่ไม่ยอมใช้หนี้ ทั้งๆที่ไม่มีการลงทุนใหญ่ๆอีก)

ฉะนั้น WACC ในมุมมองสำหรับการลงทุนของผู้ถือหุ้นไม่น่าจะเป็นค่าคงที่ แต่น่าจะเป็นค่าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะ D/E ลดลงเรื่อยๆจนเหลือ 0

ปล1. ผมว่าผม get และว่าทำไมปกติเค้าถึงใช้ WACC คงที่กัน

เพราะสมมติฐานของ DCF คือ FCF ผู้ถือหุ้นจะได้ไปทั้งหมด (แต่ในโลกความเป็นจริงๆ บริษัทไม่ได้ปันผล 100% กันทุกบริษัทอยู่แล้ว)

ส่วนหนี้ก็จะไม่ยอมจ่ายต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ

ฉะนั้น E จะไม่เพิ่มเพราะไม่มีกำไรสะสมจากงวดที่แล้ว ส่วน D ก็ไม่ลดเพราะไม่ยอมจ่ายต้น ฉะนั้น WACC ที่ใช้ในแต่ละปีจึงเป็นค่าคงที่ได้ เพราะรักษา D/E ให้เท่าเดิมเสมอ

ปล2. ผมคิดเองจากความรู้ที่ได้มาเป็นชิ้นๆนะครับ ถ้าผิดพลาดยังไงช่วยแก้ไขเพิ่มเติมด้วยนะครับ :oops:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sumotin
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1145
ผู้ติดตาม: 52

สงสัยเกี่ยวกับ WACC

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เวลาหา ของผู้ถือหุ้นเราใช้ Ke ไม่ใช่หรอครับ WACC คือมองทั้งองค์กรนะครับ
Timing is everything, no matter what you do.

CAGR of 34% in the past 15 years of investment
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2502
ผู้ติดตาม: 9

สงสัยเกี่ยวกับ WACC

โพสต์ที่ 7

โพสต์

Sumotin เขียน:เวลาหา ของผู้ถือหุ้นเราใช้ Ke ไม่ใช่หรอครับ WACC คือมองทั้งองค์กรนะครับ
ใช่ครับ สงสัยผมจะให้ชื่อไม่ชัดเจน :oops:

งั้นเอาเป็น WACC ในมุมมองสำหรับการลงทุนของบริษัท

กับ WACC ในมุมมองของผู้ลงทุน (เพื่อใช้ในการหามูลค่าของบริษัท)

ดีขึ้นไหมครับ  :wink:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
โพสต์โพสต์