คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตัว ?

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
murder_doll
Verified User
โพสต์: 1644
ผู้ติดตาม: 2

Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั

โพสต์ที่ 61

โพสต์

Hmpro ของเรามีแค่ตัวเดียวเอง :oops:
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
kasam
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 313
ผู้ติดตาม: 0

Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั

โพสต์ที่ 62

โพสต์

ของผม PTT ครับ 34.5 ขายตอน 72 ครับ (แล้วจะกลับไปซื้อก็ไม่ลงมาแล้ว)
กำลังจะ 1 เดังก็ EASTW ครับ
David TON
Verified User
โพสต์: 1047
ผู้ติดตาม: 1

Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั

โพสต์ที่ 63

โพสต์

N-PARK ซื้อ 0.01 ขาย 0.02 ได้ 1 เด้งเป๊ะๆ หลังจากนั้นเข้าคิวต่อแถวไม่เคยจั่วติด :B
เลือกเด็กที่เรียนดี แล้วให้เค้าพาเราไป
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18398
ผู้ติดตาม: 75

Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั

โพสต์ที่ 64

โพสต์

พวกตระกูลเด้งทั้งหลายทั้งแหล่
UEC (อันนี้เด้งแรกของชีวิต)
BOL
IFEC
SCNYL(ปัจจุบันเป็นSCBLIF)
BLA (IPO)
TCC
NIPPON
ARIP (IPO และเป็นหุ้นที่ได้เด้งเร็วที่สุด แค่ วันแรกของการเข้าซื้อขาย)

เฉลี่ยปีละ 1 ตัว
:)
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18398
ผู้ติดตาม: 75

Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั

โพสต์ที่ 65

โพสต์

พวกเจ็งนี้นับตัวได้เลย
หนักสุด ทุ่งคาฮาเบอร์ (ตัวนี้พี่คลายเครียดได้กำไรเป็นเด้ง แต่ผมเสียไป เกือบ 80% ของเงินทุนที่ลงในหุ้นตัวนี้)
:)
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
TBJTBT
Verified User
โพสต์: 404
ผู้ติดตาม: 0

Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั

โพสต์ที่ 66

โพสต์

พวกที่ได้เกิน 1 เด้ง (ไม่นับปันผล)
GFPT : เริ่มซื้อ 31 บาทก่อนแตกพาร์
CPF : เริ่มซื้อ 9.55 บาท ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ตอนราคาปรับฐาน
MODERN : เริ่มซื้อ 26 บาทก่อนแตกพาร์ ตัวนี้แค่ปันผลก็จุใจแล้ว
CPN เริ่มซื้อ 23 บาท ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ตอนราคาปรับฐาน
SINGER : เริ่มซื้อ 4-6 บาท ซื้อเฉลี่ยอีกครั้ง ตอนราคาปรับฐานครั้งใหญ่ (พอซื้อเฉลี่ยไ้ปเลยทำให้ไม่ถึงเด้งแล้ว)

กลุ่มที่เจ๊งสนิทใจ
BNP Paribas : ธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งฝรั่งเศส ซื้อเพราะใช้สิทธิพนักงาน(บริษัทลูก) ได้ส่วนลดพอควร
ใครก็บอกว่าดีๆ แจ๋วๆ สุดยอด พี่ๆที่ทำงาน รวมถึงหัวหน้าบอก มีเท่าไหร่ให้ใส่ให้หมด
เราก็จัดไปก่อนซับไพรม์หลายปีอยู่ ราคาหุ้นเกิน 80 ยูโร ที่อัตราแลกเปลี่ยนเกือบๆ 50 บาท
ตอนนั้นอย่ามาถามนะว่า PE BV EPS Yield คืออะไร ผมไม่รู้ทั้งนั้น 555 :mrgreen:
หลังจากโดนแฮมเบอเกอร์เข้าไป ยังไม่ทันฟื้นเท่าไหร่เลย โดนกรีซกระหน่ำเข้าไปอีก
ตอนนี้ราคาหุ้นเหลือไม่ถึง 30 ยูโร อัตราแลกเปลี่ยน 38-41 บาท (ขาดทุน 2 ต่อ)
ช่วงที่ราคาดิ่งสุดๆนี่คิดเป็นเงินไทยแล้ว ลบ > 90% เห็นครั้งแรกลมแทบใส่ 555
ยังไม่ขาย เก็บไว้ดูเล่นๆ ตอนนี้ชิวมากๆ :D

ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าลงทุนในที่ทำในสิ่งที่เราไม่รู้ ไม่มีความเชี่ยวชาญ
อย่าลงทุนเพียงเพราะเขาบอกกันต่อๆมาว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หุ้นพรายกระซิบ)
อย่าลงทุนแล้วถือหุ้นไว้เฉยๆ ติดตามผลงานมันบ้าง 1-2 ไตรมาสต่อครั้งก็๋ยังดี
และที่สำคัญ ฝึกจิตใจผมได้ดีพอสมควรเลยทีเดียวในครั้งนี้


กลุ่มที่ซื้อแล้วขาดทุน (ไม่ถึงกับเจ๊ง)
CIMBT : ลองเล่นหุ้นปั่นดู วันเดียว หายไป 30% โชคดีที่เล่นไม่เยอะ จำไว้เป็นบทเรียน
PTTEP : ซื้อสมัยยังไม่ค่อยอะไรกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามากนัก ซื้อแล้วราคาก็ลง
แล้วเราก็ไปซื้อเฉลี่ยเพิ่ม ราคาก็ยังลงต่อ นานวันเข้าก็ถอดใจ ขายออกมา
หลังจากนั้นราคาวิ่งกระจุยกระจาย ครบสูตรแมงเม่า
TNH : ซื้อตามเซียนสมันนั้น (ไม่โทษใครทั้งนั้น) พองบไตรมาสถัดไปออกมาไม่ดีอย่างที่คิด ราคาค่อยๆย่อลง
ซื้อเฉลี่ยเข้าไปอีก งบไตรมาสถัดไปไม่ดีอีก เลยยอมขายขาดทุนออกมา
TGCI : มองเป็นหุ้นกลับตัว แต่ซื้อช้าเกินไป มัวแต่มองไป มองมา พอซื้อแล้ว EPS ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับพบตัวอื่นที่มั่นใจมากกว่าเลยขายออกไปซื้อตัวนั้นๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
TBJTBT
Verified User
โพสต์: 404
ผู้ติดตาม: 0

Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั

โพสต์ที่ 67

โพสต์

ตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียน:พวกที่ได้เกิน 1 เด้ง (ไม่นับปันผล)
GFPT : เริ่มซื้อ 31 บาทก่อนแตกพาร์
CPF : เริ่มซื้อ 9.55 บาท ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ตอนราคาปรับฐาน
MODERN : เริ่มซื้อ 26 บาทก่อนแตกพาร์ ตัวนี้แค่ปันผลก็จุใจแล้ว
CPN เริ่มซื้อ 23 บาท ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ตอนราคาปรับฐาน
SINGER : เริ่มซื้อ 4-6 บาท ซื้อเฉลี่ยอีกครั้ง ตอนราคาปรับฐานครั้งใหญ่ (พอซื้อเฉลี่ยไ้ปเลยทำให้ไม่ถึงเด้งแล้ว)

กลุ่มที่เจ๊งสนิทใจ
BNP Paribas : ธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งฝรั่งเศส ซื้อเพราะใช้สิทธิพนักงาน(บริษัทลูก) ได้ส่วนลดพอควร
ใครก็บอกว่าดีๆ แจ๋วๆ สุดยอด พี่ๆที่ทำงาน รวมถึงหัวหน้าบอก มีเท่าไหร่ให้ใส่ให้หมด
เราก็จัดไปก่อนซับไพรม์หลายปีอยู่ ราคาหุ้นเกิน 80 ยูโร ที่อัตราแลกเปลี่ยนเกือบๆ 50 บาท
ตอนนั้นอย่ามาถามนะว่า PE BV EPS Yield คืออะไร ผมไม่รู้ทั้งนั้น 555 :mrgreen:
หลังจากโดนแฮมเบอเกอร์เข้าไป ยังไม่ทันฟื้นเท่าไหร่เลย โดนกรีซกระหน่ำเข้าไปอีก
ตอนนี้ราคาหุ้นเหลือไม่ถึง 30 ยูโร อัตราแลกเปลี่ยน 38-41 บาท (ขาดทุน 2 ต่อ)
ช่วงที่ราคาดิ่งสุดๆนี่คิดเป็นเงินไทยแล้ว ลบ > 90% เห็นครั้งแรกลมแทบใส่ 555
ยังไม่ขาย เก็บไว้ดูเล่นๆ ตอนนี้ชิวมากๆ :D

ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าลงทุนในที่ทำในสิ่งที่เราไม่รู้ ไม่มีความเชี่ยวชาญ
อย่าลงทุนเพียงเพราะเขาบอกกันต่อๆมาว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หุ้นพรายกระซิบ)
อย่าลงทุนแล้วถือหุ้นไว้เฉยๆ ติดตามผลงานมันบ้าง 1-2 ไตรมาสต่อครั้งก็๋ยังดี
และที่สำคัญ ฝึกจิตใจผมได้ดีพอสมควรเลยทีเดียวในครั้งนี้


กลุ่มที่ซื้อแล้วขาดทุน (ไม่ถึงกับเจ๊ง)
CIMBT : ลองเล่นหุ้นปั่นดู วันเดียว หายไป 30% โชคดีที่เล่นไม่เยอะ จำไว้เป็นบทเรียน
PTTEP : ซื้อสมัยยังไม่ค่อยอะไรกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามากนัก ซื้อแล้วราคาก็ลง
แล้วเราก็ไปซื้อเฉลี่ยเพิ่ม ราคาก็ยังลงต่อ นานวันเข้าก็ถอดใจ ขายออกมา
หลังจากนั้นราคาวิ่งกระจุยกระจาย ครบสูตรแมงเม่า
TNH : ซื้อตามเซียนสมันนั้น (ไม่โทษใครทั้งนั้น) พองบไตรมาสถัดไปออกมาไม่ดีอย่างที่คิด ราคาค่อยๆย่อลง
ซื้อเฉลี่ยเข้าไปอีก งบไตรมาสถัดไปไม่ดีอีก เลยยอมขายขาดทุนออกมา
TGCI : มองเป็นหุ้นกลับตัว แต่ซื้อช้าเกินไป มัวแต่มองไป มองมา พอซื้อแล้ว EPS ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับพบตัวอื่นที่มั่นใจมากกว่าเลยขายออกไปซื้อตัวนั้นๆ

เพิ่มเติม

ตัวที่ซื้อแล้วขาดทุนเยอะๆนั้น เกือบทั้งหมดเป็นมาจากสมัยที่ยังลงทุนด้วยวิธีของนักเก็งกำไร
ที่ไม่มีอาวุธอะไรไปสู้กับคนอื่นๆในตลาดได้เลย พอมารู้จักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว
ผลตอบแทน กับความสบายใจกลับเพิ่มพูนกว่าสมัยก่อนอย่างมากมาย

คงมีเพียง TGCI เท่านั้นพี่ยอมรับว่าพลาดจริงๆ (ยังดีที่ใส่เข้าไปไม่ถึง 5% ของพอร์ต)
ส่วน TNH สมัยนั้นยังไม่เรียกตัวเองว่าเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าละกัน
แค่รู้จักเว็บ ThaiVI ใหม่ๆ และที่สำคัญซื้อเพียงเพราะว่าโรงพยาบาลมันอยู่ใกล้บ้าน
เป็นธุรกิจที่เรารู้จัก (เราหลอกตัวเองว่าเรารู้จัก 555)
แล้วมีเซียนในเว็บนี้ถืออยู่ เพียงแค่นั้น


ปล. รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเว็บนี้ และคนในเว็บนี้อย่างไรไม่รู้ :D :D :D :D :D
kasam
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 313
ผู้ติดตาม: 0

Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั

โพสต์ที่ 68

โพสต์

ที่เจ๊งหนักก็ SC ครับ
เล่นตามเพื่อนโดยคำแนะนำของโบรคเกอร์เพิ่งเข้าทำงานครับ
ขึ้นไปถึง 80 ถ้าจำไม่ผิดแล้วขายไปตอน 25 หนักเลยเพราะมีครึ่งพอร์ตเลย
ก็เป็นบทเรียนครับก็เห็นหลายตัวตอนนี้เล่นแบบเดิมเลยครับปั่นหุ้นที่เป็นข่าว
ส่วนผมเลิกซื้อหุ้นแบบไล่ราคาแล้ว
ต้องดูราคาพื้นฐานกับปันผลและอื่นประกอบเสมอ
คลายเครียด
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1741
ผู้ติดตาม: 6

Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั

โพสต์ที่ 69

โพสต์

จริงๆแล้ว ผมคิดว่า

กำไรมากี่เด้ง เจ๊งมาเท่าไร
ก็ไม่สำคัญเท่ากันว่า

กำไรส่วนเกินทุนทั้งหมด
ที่เราได้มาจากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน และการกระทำของคนในตลาดหุ้น
ต้องมากกว่ายอดขาดทุนทั้งหมด

ข้อดีของการลงทุน ไปตามการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนก็คือ
บางทีเราขาดทุนจากการกระทำของคนในตลาดหุ้น
แต่จะได้รับชดเชยคืน จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน

คนที่เล่นแบบเก็งกำไร ยิ่งระยะสั้นมากเท่าไร
ก็ยิ่งไม่มีทางได้รับการชดเชยในส่วนนี้ครับ


:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tibular
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 532
ผู้ติดตาม: 4

Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั

โพสต์ที่ 70

โพสต์

คลายเครียด เขียน:จริงๆแล้ว ผมคิดว่า

กำไรมากี่เด้ง เจ๊งมาเท่าไร
ก็ไม่สำคัญเท่ากันว่า

กำไรส่วนเกินทุนทั้งหมด
ที่เราได้มาจากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน และการกระทำของคนในตลาดหุ้น
ต้องมากกว่ายอดขาดทุนทั้งหมด

ข้อดีของการลงทุน ไปตามการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนก็คือ
บางทีเราขาดทุนจากการกระทำของคนในตลาดหุ้น
แต่จะได้รับชดเชยคืน จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน

คนที่เล่นแบบเก็งกำไร ยิ่งระยะสั้นมากเท่าไร
ก็ยิ่งไม่มีทางได้รับการชดเชยในส่วนนี้ครับ


:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:

เห็นด้วยมากครับพี่คลายเครียด
เราควรสนใจการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนให้มากขึ้น
ส่วนการกระทำของคนในตลาดหุ้นถือเป็นโอกาสให้เราซื้อขายหุ้นได้ในราคาที่ดี

วอแรน เคยเขียนจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเบิร์คไซร์ว่า ถึงเค้าชอบที่จะซื้อหุ้นทั้งบริษัท
มากกว่า แต่ราคาที่ซื้อทั้งบริษัท นอกตลาดมักจะสมเหตุผล คือไม่ได้ส่วนลดมากมายนัก
ผิดกับการซื้อบางส่วนของธุรกิจในตลาดหุ้น ตลาดหุ้นมักจะให้ส่วนลดมากกว่า
และมักจะได้ราคาดีเกินไปในการขาย

ตัววอแรนเอง ชอบที่จะให้ตลาดหุ้นกำหนดราคาหุ้นให้เหมาะสมกับธุรกิจ
เพราะผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับการทำธุรกิจ ซึ่งวอแรนคิดว่า
เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลของการลงทุนมากที่สุด