การใช้ตลาดหุ้น ขึ้นอยู่กับคน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
areliang
Verified User
โพสต์: 432
ผู้ติดตาม: 1

การใช้ตลาดหุ้น ขึ้นอยู่กับคน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ตลาดหุ้นทุน  คือ ที่ๆมีไว้วางจำหน่าย ซื้อขาย สิทธิ์ การเป็นหุ้นส่วน หรือความเป็นเจ้าของบริษัท
ซึ่งเมื่อเกิด ตลาด เพื่อซื้อขาย หุ้นทุน มาสักระยะ มีผู้คนเข้ามาในตลาด เป็นจำนวน มากพอ แล้วมีการเคลื่อนไหวที่คึกคัก มันก็เกิดการพัฒนาตัวเองขึ้น แต่การพัฒนานั้นไปขึ้นอยู่กับคนนะครับ เพราะ ตลาดหุ้นทุน คือ ที่ๆมีไว้วางจำหน่าย ซื้อขาย สิทธิ์ การเป็นหุ้นส่วน หรือความเป็นเจ้าของบริษัท โดยมีกฎเกณฑ์ และกฎหมายรองรับ เหมือนคล้ายๆจะพูดว่า ตลาด ก็คือตลาด มันอยู่เฉยๆ แต่พอคน เข้าไป มันก็เปลี่ยนไป ตามกลุ่มคน
และคงปฏิเสธ ไม่ได้ว่า ในตลาดหุ้นทุน ที่ใหญ่ถึงระดับนึงแล้ว มักจะมีผลประโยชน์ ในหลายๆรูปแบบ และมากมายอยู่ในนั้น และคน ที่พัฒนาตัวเองได้ถึงจุดใด การใช้ตลาดหุ้นทุน เพื่อหาผลประโยชน์ ก็เปลี่ยนไปเป็นระดับที่แตกต่างกัน
เปรียบเหมือน การมีมีด เล่มหนึ่ง แต่ใช้มีดนั้นสามารถใช้ได้ไปหลายทาง เช่น เมื่อเด็กไม่รู้ว่ามีดใช้ทำอะไร แล้วเกิดได้มีดมาแล้วนำมาเล่น ก็อาจจะพลาด ทำให้ตัวเอง หรือผู้อื่นบาดเจ็บได้อย่างไม่เจตนา , คนๆหนึ่ง รู้ว่ามีดนี้มีคมไว้ตัดสิ่งของได้ก็นำมีดนี้มาเพื่อ หั่น หา อาหารไว้เลี้ยงชีพ หรือ แม้แต่ผู้ร้าย ที่รู้ว่า คนทั่วไป นั้นกลัวอาวุธ รวมถึงมีด แล้วนำมีดนี้ไปใช้ทำร้ายผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง คล้ายๆจะพูดว่า การใช้มีดนั้น ขึ้นอยู่กับคน ว่าคนผู้นั้น จะเข้าใจ มีด มากน้อยเพียงไหน และนำมีดนั้นไปใช้อย่างไร
ดังนั้น ตลาดหุ้นทุน ในปัจจุบัน จึงดูเหมือน เป็นอะไรที่มากกว่า ที่ๆมีไว้วางจำหน่าย ซื้อขาย สิทธิ์ การเป็นหุ้นส่วน หรือความเป็นเจ้าของบริษัท เพราะการนำไปใช้ของคนเรา
ถ้าจะแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ที่พอจะเห็นได้
1. ผู้เริ่มต้น และยังไม่มีความรู้ และยังไม่หาความรู้ คงจะไม่แปลกอะไร ถ้ามีคน ที่มีเงิน แล้วได้รู้ว่า การลงทุนหุ้นนั้น สร้างกำไรงาม แล้วก็เกิด อยากกำไรบ้าง ก็เดินเข้ามาสู่ตลาดหุ้น เคยเห็นหลายๆ ครั้งที่ คนเล่นหุ้น โดยที่ไม่รู้ว่า ชื่อย่อที่เค้าซื้อหุ้นนั้น คือ บริษัทอะไร ทำธุรกิจอะไร  
คิดดูว่ากลุ่มนี้ เค้าทำอะไรอยู่ ถ้าสิ่งที่รู้มีเพียง ชื่อหุ้น ,ราคา ซื้อ ขาย หุ้น
เช่น ถามมาร์เกตติ้งว่า หุ้นตัวไหนดี และมาร์เกตติ้งตอบ ว่า mk แล้วถามว่า ราคาเท่าไหร่ แล้วจะไปเท่าไหร่ แล้วก็ซื้อ ถ้ามองการทำเช่นนี้ ก็ไม่น่าที่จะแตกต่างจากการพนัน เพราะ เหมือนว่า เราแทง หุ้น mk ถ้าขึ้นก็ได้ ลงก็เสีย แต่ที่ยังคงแตกต่างคือ มันอาจไม่ถึงกับเสียทั้งหมดในพริบตา เหมือนการพนัน
กลุ่มนี้ดูเหมือน หุ้นเป็นแค่เพียง ชื่อ และตัวเลข
2. นักเก็งกำไรรายย่อย อาจจะเคยเป็น ผู้เริ่มต้น และยังไม่มีความรู้ และยังไม่หาความรู้ หรือไม่ก็ได้ ซึ่งเมื่อเกิดมีความรู้ที่เพิ่มขึ้น ในแง่ของ ลักษณะธุรกิจ กลุ่มอุตสาหกรรม ค่า PE  กราฟ และ กระแสว่ากลุ่มไหนที่จะเป็นที่นิยมในช่วงนั้น การซื้อขายก็เกิดขึ้น การสั่งซื้อสั่งขาย ที่บ่อยครั้ง และรวดเร็ว การกำไรและขาดทุน ในระยะเวลาไม่นาน การที่ดูหุ้น ราวกับว่าเป็นสิ่งที่อันตราย เมื่อได้มา จะต้องปล่อยให้รวดเร็ว
ถ้ามาดูในแง่ของราคา การซื้อขายที่รวดเร็ว เช่น ซื้อวันนี้ ขายพรุ่งนี้ หรือ ถือ 3 วัน บ้าง 7 วันบ้าง 1 เดือนบ้าง ถ้ามาดูในแง่ธุรกิจ มันมีโอกาส น้อยมากที่พื้นฐานธุรกิจ จะเปลี่ยนแปลงภายใน 1 วัน 3 วัน 7 วัน หรือ 1 เดือน แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่มีข่าว ที่ไม่ได้มีการคาดคิดมาก่อน จึงคล้ายว่า โดยส่วนใหญ่ จะไม่ได้อิงราคาจากพื้นฐานทางธุรกิจ แต่เป็นแนวโน้ม และ จิตวิทยา
การเก็งกำไร ดูเหมือนคล้ายการที่ มีปืนลูกโม่ มีช่องใส่กระสุน 6 นัด แล้วใส่กระสุนไว้นัดนึง แล้วก็เสี่ยงไปเรื่อยๆ และเมื่อเสี่ยงอยู่ ก็มีโอกาส จะโดนกระสุนนัดนั้น
กลุ่มนี้ดูเหมือน หุ้นเป็นแค่เพียง ชื่อบริษัท และ ราคาที่ขึ้นลง
3. นักลงทุน การที่รู้ และ เข้าใจ มากพอสมควร ในธุรกิจ ที่จะลงทุน ทั้งในเรื่อง ลักษณะธุรกิจ ผลกำไร เงินปันผล สภาพคล่อง ความนิยม ส่วนต่างราคาหุ้นที่จะเพิ่มขึ้น และชื่อเสียง ซึ่งรวมถึงความน่าเชื่อถือ กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มผู้เลือก เพราะ มีข้อมูล และรายละเอียด ในการลงทุนประเภทต่างๆ ที่เข้าใจ และจะพยายามเลือก การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนโดยรวมได้สูงที่สุด เพื่อความมั่งคั่ง มั่นคง และ การเจริญเติบโตในอนาคต รวมถึง ความต้องการอิสระทางการเงิน
กลุ่มนี้ดูเหมือน หุ้นเป็นเครื่องมือ ที่เป็นสื่อกลาง ในการลงทุนในบริษัท ต่างๆ ซึ่งมีการดำเนินงานอยู่จริง และคาดการณ์ ผลตอบแทนจากการลงทุน ด้วยธุรกิจ ที่ลงทุน
4. นักเก็งกำไรรายใหญ่ หรือ เจ้ามือ คงไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆ ต้องมีทั้งประสบการณ์ และเงินทุน คล้ายการเก็งกำไรมาก เพียงแต่เป็นขนาดใหญ่ ต้องรู้จักพื้นฐานบริษัท พอสมควร แต่จะต้อง เข้าใจ การเคลื่อนไหวของราคาอย่างดีมาก ซึ่งราคาที่ขึ้นลง ก็จะใช้หลัก demand supply
ซึ่งพอการทำเช่นนี้ มีกลุ่มคนหนึ่ง ได้กำไร กำไรนี้ก็ย่อมมาจากกลุ่มคนหนึ่ง ซึ่งขาดทุน โดยเฉพาะถ้าราคาที่ซื้อขายไม่ได้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจ อาจทำให้เป็นการขาดทุนอย่างถาวร
กลุ่มนี้ดูเหมือน หุ้นเป็นเครื่องมือ ในการทำเงิน จากด้านราคา ของหุ้น ซึ่งใช้จุดแข็ง ของตนในด้าน ความรู้ และกำลังของเงิน เพื่อผลประโยชน์ของตน ซึ่งผิด ตามกฎหมาย และดูไม่ถูกต้องตามหลักศีลธรรมอันดี
5. การเป็นหุ้นส่วนของบริษัท หรือ เจ้าของกิจการ การลงทุนในหุ้นลักษณะนี้ จะต้องใช้ความละเอียด และความเข้าใจอย่างมาก รวมถึงการมองการลงทุน ในระยะที่ยาวนาน เพราะ การลงทุนแบบนี้ จะอยู่ในรูปแบบการต้องการสิทธิ์ แห่งความเป็นเจ้าของธุรกิจ อยากจะให้มอง ถึงผู้ที่ร่ำรวย และมีจำนวนหุ้นถือครอง มากจนดูเหมือนเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ๆในประเทศไทย ซึ่งผู้บริหารหรือเจ้าของสิทธิ์ หุ้น เหล่านั้น ถือครองหุ้นยาวนาน หลาย10 ปี แม้แต่ต้องผ่านช่วงวิกฤต ก็ยังคงพยายาม ถือครองหุ้น เพื่อรักษาสิทธิ์ ความเป็นเจ้าของนั้นให้คงอยู่ เจ้าของเหล่านี้ เป็นเจ้าของธุรกิจ และเข้าใจในธุรกิจตนเองเป็นอย่างดี และมีเหตุผลใดที่เขาเหล่านั้น ไม่ขายหุ้นของบริษัท ของเขา เมื่อมันมีราคาที่แพง หรือ เมื่อคาดว่าจะเกิดวิกฤต
ดูเหมือนการยกตัวอย่างจากการที่ใช้เงินจำนวนมากเพื่อได้สิทธิ์ การเป็นเจ้าของ ไม่ใช่เลย การที่บริษัท แบ่งการลงทุนออกเป็นหุ้นๆ ทำให้เราลงทุนได้ในอัตราส่วนที่น้อย ก็ได้มาก ก็ได้ ตามกำลัง และผลตอบแทน ก็อยู่ในรูปแบบ %  ซื้อ 1 หุ้น ๆละ100 บาท บริษัททำกำไรได้หุ้นละ 10 บาท ก็ได้ผลตอบแทนที่แท้จริง 10% (กำไร 10 หาร หุ้นราคา 100) ถ้ามีเงินมาก ซื้อ 100 หุ้นๆละ 100 บาทเป็นเงิน 10,000 บาท (จำนวน 100 หุ้น คูณ หุ้นราคาหุ้นละ 100บาท) บริษัททำกำไรได้หุ้นละ 10 บาท ก็ได้กำไร ทั้งสิ้น 1,000 บาท (กำไรหุ้นละ 10 บาท  คูณ จำนวน100 หุ้น)ก็ได้ผลตอบแทนที่แท้จริง 10% (กำไร 1,000 บาท หาร เงินลงทุนทั้งหมด 10,000)
เพราะฉะนั้น การที่จะได้เงินตอบแทนเป็นจำนวนมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับเงินที่ลงทุนซื้อสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ และการออม เก็บเงินก็จะมาช่วยทำให้มีเงินลงทุนมากขึ้น
แต่การลงทุนในกลุ่มนี้ จะต้องใช้ความพยายาม ในการหาข้อมูลค่อนข้างสูงมาก และต้องมีความเข้าใจในธุรกิจให้แท้จริง มีหลาย ทีพอคิดว่าดี แล้วมักจะให้เหตุผลเข้าข้างตัวเองจนเกิดการวิเคราะห์ที่ผิดพลาด และพอเราเข้าใจมันได้ดี เราก็จะพอมองเห็นอนาคตของบริษัท ด้วยความเข้าใจ อาจจะ 5 ปี 10 ปี และมันก็เริ่มดูว่าเป็นความยั่งยืน
กลุ่มนี้ดูเหมือนหุ้นคือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในธุรกิจ
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1288
ผู้ติดตาม: 0

การใช้ตลาดหุ้น ขึ้นอยู่กับคน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับ

ทำไมคนน้อยจัง สงสัยจั๋วหัวไม่ต้องตา :lol:
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
akkhapon
Verified User
โพสต์: 212
ผู้ติดตาม: 0

การใช้ตลาดหุ้น ขึ้นอยู่กับคน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

จั่วหัว ไม่ต้องตา จัดหน้าไม่ต้องใจ อิอิ แซวๆ ครับ
SMITHS
Verified User
โพสต์: 26
ผู้ติดตาม: 0

การใช้ตลาดหุ้น ขึ้นอยู่กับคน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อ่านยากไปหน่อยครับ ติดกันเป็นพรืด
ภาพประจำตัวสมาชิก
BOONPARUEY
Verified User
โพสต์: 184
ผู้ติดตาม: 0

การใช้ตลาดหุ้น ขึ้นอยู่กับคน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

...    :welcome:  :cheers:  :cool:  :man:    ...
... " บุญ คือ เสบียงของคนไม่ประมาท "  พุทธตรัส ...
โพสต์โพสต์