รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
offshore-engineer
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2166
ผู้ติดตาม: 8

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 1

โพสต์

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บแล้วนะครับ ปีนี้ book value เติบโตขึ้นอีก 11% มาอยู่แถวๆ 78000 เหรียญ ตอนนี้กำลังไล่อ่านอยู่ครับ

ที่น่าสนใจและน่าเป็นประโยชน์สำหรับ Value Investor ผมว่าลองอ่านอันนี้ดูครับ
I should emphasize that we do not measure the progress of our investments by what their market prices do during any given year. Rather, we evaluate their performance by the two methods we apply to the businesses we own. The first test is improvement in earnings, with our making due allowance for industry conditions. The second test, more subjective, is whether their moats a metaphor for the superiorities they possess that make life difficult for their competitors have widened during the year.
จับใจความได้ว่า การวัดผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ได้ดูที่การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นครับ แต่ดูจาก การเพิ่มขึ้นของกำไรเปรียบเทียบกับสภาพอุตสาหกรรมในขณะนั้น และ การเพิ่ม moat ซึ่งก็คือสิ่งที่บริษัทมีแล้วทำให้บริษัทคู่แข่งดำเนินการได้ลำบาก

อันข้างล่างนี้น่าจะพอใช้สำหรับนักลงทุนที่มักเกิดคำถามว่า เมื่อไหร่ควรจะขายหุ้น Buffett เล่าไว้คร่าวๆดังนี้ครับ
We made one large sale last year. In 2002 and 2003 Berkshire bought 1.3% of PetroChina for $488 million, a price that valued the entire business at about $37 billion. Charlie and I then felt that the company was worth about $100 billion. By 2007, two factors had materially increased its value: the price of oil had climbed significantly, and PetroChinas management had done a great job in building oil and gas reserves. In the second half of last year, the market value of the company rose to $275 billion, about what we thought it was worth compared to other giant oil companies. So we sold our holdings for $4 billion.
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
Future_Investors
Verified User
โพสต์: 37
ผู้ติดตาม: 0

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับ  :idea:
Buchi
Verified User
โพสต์: 67
ผู้ติดตาม: 0

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ พี่ off-shore  :D
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6492
ผู้ติดตาม: 885

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
เป็นรายงานกิจการที่มีคนอ่านมากที่สุดในโลก :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
Popmc
Verified User
โพสต์: 217
ผู้ติดตาม: 0

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณพี่ offshore-engineer ครับ
... No more hobbies! Remember!
beammy
Verified User
โพสต์: 3345
ผู้ติดตาม: 0

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณครับ  :8)  ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
krisy
Verified User
โพสต์: 736
ผู้ติดตาม: 2

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ภาษาอังกฤษเยอะจริงๆ จะพยายามอ่านค่ะ
.....Give Everything but not Give Up.....
ภาพประจำตัวสมาชิก
krisy
Verified User
โพสต์: 736
ผู้ติดตาม: 2

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 8

โพสต์

อ่านไปได้นิดเดียว สงสัยภาษานิดหน่อย แปลไม่ออก ตรงหน้า 7 ย่อหน้าแรก

"There's no rule that you have to invest money where you've earn it. Indeed, it's often a mistake to do so: Truly great business, earning hugh returns on tangible assets, cant for any extended period reinvest a large portion of their earnings internally at high rates of return"

เราแปลว่า "ไม่มีกฎว่าควรลงทุนเพิ่มในที่ที่ได้มันมา จริงๆแล้วมันก็ผิดด้วยซ้ำที่จะทำแบบนั้น" และที่เหลือไม่เข้าใจ แต่คิดว่าเนื้อหาค่อนข้างสำคัญ

อยากรู้จังเลยค่ะ ช่วยแปลให้หน่อย
.....Give Everything but not Give Up.....
Jangster
Verified User
โพสต์: 493
ผู้ติดตาม: 0

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 9

โพสต์

krisy เขียน:อ่านไปได้นิดเดียว สงสัยภาษานิดหน่อย แปลไม่ออก ตรงหน้า 7 ย่อหน้าแรก

"There's no rule that you have to invest money where you've earn it. Indeed, it's often a mistake to do so: Truly great business, earning hugh returns on tangible assets, cant for any extended period reinvest a large portion of their earnings internally at high rates of return"

เราแปลว่า "ไม่มีกฎว่าควรลงทุนเพิ่มในที่ที่ได้มันมา จริงๆแล้วมันก็ผิดด้วยซ้ำที่จะทำแบบนั้น" และที่เหลือไม่เข้าใจ แต่คิดว่าเนื้อหาค่อนข้างสำคัญ

อยากรู้จังเลยค่ะ ช่วยแปลให้หน่อย
ประโยคนี้แปลว่า (ภาษาไทยผมอ่อนแอหน่อยนะ)

"มันไม่มีข้อบังคับว่าคุณต้องลงทุนเงินไปกับแหล่งที่คุณได้มา... จะว่าไปแล้วมันเป็นข้อผิดพลาดบ่อยครั้งไปด้วยซ้ำ.... ธุรกิจที่ดีที่มี Return on Tangible Asset สูงนั้น ไม่สามารถ ในระยะยาวๆ ลงทุนซ้ำด้วยเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากกำไร ในกิจการเดียวกันโดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี"

พูดง่ายๆคือเค้า่กำลังสื่อถึง diminishing return on re-investment น่ะครับ.... คือเค้าบอกว่าควรจะต้อง diversify profits ไปหา opportunity ใหม่ๆ แทนที่จะจมปลักกับสิ่งเดิมๆ...   น่าจะหมายถึงการมี margin ที่น่าจะต่ำลง หรือ barrier of entry ไม่ดีพอ ทำให้คนเห็นโอกาสกำไรเลยเข้ามาแข่งเพิ่มน่ะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
krisy
Verified User
โพสต์: 736
ผู้ติดตาม: 2

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณค่ะ คนนึงอ่อนภาษาอังกฤษ อีกคนอ่อนภาษาไทยนะคะ

เข้าใจแล้วค่ะ ก็คือ การ reinvestment ธุรกิจที่มี ROA สูงโดยหวังที่จะได้ผลตอบแทนเยอะๆเนี่ยมันมักจะเป็นไปได้น้อย ตามเหตุผลที่คุณ jangster กล่าวมาแล้ว

ทำไม warren ถึงคิดแบบนั้นนา เพราะในความจริงกิจการที่ได้ ROA สูงแสดงถึงการบริหารสินทรัพย์ได้ดี (ในที่นี้ สมมติ ROE ปกติไม่มีหนี้สินมาเอี่ยวให้กังวลใจ) ถ้าเราไปลงทุนเพิ่มก็จะเพิ่ม asset อีก ถ้ากิจการดีจริง ก็อาจบริหาร ROA ได้ประมาณเดิม คือ % เท่าเดิมแต่ตัวเงินมันไม่เท่าเดิมนะคะ

สงสัยคุณปู่คงมองว่า มันไม่คุ้ม ไปหากิจการเอ๊าะๆดีกว่า  :D
.....Give Everything but not Give Up.....
ภาพประจำตัวสมาชิก
akkykun
Verified User
โพสต์: 80
ผู้ติดตาม: 0

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ผมคาดเดาว่า คุณ Buffet คงหมายถึง การที่เราไปลงทุนในกิจการที่ดี แล้วเราได้รับคุณค่าของกิจการมามากพอแล้วนะครับ พอได้ผลกำไรหรือปันผลมาแล้วคิดว่าพอสมควรกับคุณค่า ควรที่จะหันไปหากิจการอื่นบ้างที่ยัง undervalue หรือน่าจะมี return ที่ดีกว่านะครับ เพราะไม่อย่างนั้น margin of safety อาจต่ำเกินไป ไม่คุ้มกับการลงทุนนะครับ
Value investor is the first step for investing in the financial world
Jangster
Verified User
โพสต์: 493
ผู้ติดตาม: 0

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 12

โพสต์

[quote="krisy"]ขอบคุณค่ะ คนนึงอ่อนภาษาอังกฤษ อีกคนอ่อนภาษาไทยนะคะ

เข้าใจแล้วค่ะ ก็คือ การ reinvestment ธุรกิจที่มี ROA สูงโดยหวังที่จะได้ผลตอบแทนเยอะๆเนี่ยมันมักจะเป็นไปได้น้อย ตามเหตุผลที่คุณ jangster กล่าวมาแล้ว

ทำไม warren ถึงคิดแบบนั้นนา เพราะในความจริงกิจการที่ได้ ROA สูงแสดงถึงการบริหารสินทรัพย์ได้ดี (ในที่นี้ สมมติ ROE ปกติไม่มีหนี้สินมาเอี่ยวให้กังวลใจ) ถ้าเราไปลงทุนเพิ่มก็จะเพิ่ม asset อีก ถ้ากิจการดีจริง ก็อาจบริหาร ROA ได้ประมาณเดิม คือ % เท่าเดิมแต่ตัวเงินมันไม่เท่าเดิมนะคะ

สงสัยคุณปู่คงมองว่า มันไม่คุ้ม ไปหากิจการเอ๊าะๆดีกว่า
iceberg
Verified User
โพสต์: 258
ผู้ติดตาม: 0

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 13

โพสต์

Jangster เขียน: สมมุติบริษัทมี Business segment A อย่างเดียว มี asset 5000 อาจจะกำไร 1000... พอเพิ่มเป็น 6000 (reinvest all) มันไม่ยอมไปที่ 1200ตามสัดส่วน แต่อาจเพิ่มเป็นเพียง 1100 ทำให้ ROA ลดลงน่ะครับ
เห็นด้วยครับ งั้นที่วอร์เรนเขียนคงรวมบริษัทที่ไม่จ่ายเงินปันผลด้วย
Berkshirehathaway ของวอร์เรนเอง ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ
offshore-engineer
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2166
ผู้ติดตาม: 8

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ผมคิดว่า section นี้น่าสนใจมากๆ ครับ ส่วนตัวผม ผมกำลังหา The Great แต่หาไม่ค่อยจะเจอ ดังนั้น The Good ก็พอโอเคสำหรับพอร์ตของผมครับ แล้งก็หวังว่าคงไม่ไปเจอกับ the Gruesome เข้าครับ

Buffett ยกตัวอย่าง See's Candy ว่าเป็น The Great เนื่องจากใช้เงินลงทุนน้อยเมื่อเทียบกับการเติบโตของรายได้และกำไร สำหรับ The Good นั้น Buffett ใช้ FlightSafety เป็นตัวอย่างครับ

ด้านล่างเป็นบางตอนที่ผมคิดว่าเป็นเนื้อหาสำคัญครับ

Businesses The Great, the Good and the Gruesome
A truly great business must have an enduring moat that protects excellent returns on invested capital. The dynamics of capitalism guarantee that competitors will repeatedly assault any business castle that is earning high returns. Therefore a formidable barrier such as a companys being the lowcost producer (GEICO, Costco) or possessing a powerful world-wide brand (Coca-Cola, Gillette, American Express) is essential for sustained success. Business history is filled with Roman Candles, companies whose moats proved illusory and were soon crossed.
Long-term competitive advantage in a stable industry is what we seek in a business. If that comes with rapid organic growth, great. But even without organic growth, such a business is rewarding. We will simply take the lush earnings of the business and use them to buy similar businesses elsewhere. Theres no rule that you have to invest money where youve earned it. Indeed, its often a mistake to do so: Truly great businesses, earning huge returns on tangible assets, cant for any extended period reinvest a large portion of their earnings internally at high rates of return.
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 9

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ยังไม่มีโอกาสอ่านเลยครับ แต่ดาวน์โหลดมาแล้วคิดว่าจะเริ่มอ่านซะคืนนี้เลย

BRKA เป็นกิจการที่แม้ชื่อจะยาว ไม่สื่ออะไรกับภาพลักษณ์ของธุรกิจ แต่เป็นสุดยอดของกิจการเพราะผู้บริหารจริง ๆ

.. นี่ก็เพิ่งได้อันดับ 2 ใน Top 20 Most Admired Companies

http://money.cnn.com/galleries/2008/for ... ml?cnn=yes
Berkshire Hathaway
Top 20 rank: 2
Rank in Insurance: Property and Casualty: 1

To see "admiration" in action, just look at Berkshire Hathaway's stock chart from last fall. As other financial shares were getting hammered -- some Berkshire investments among them -- investors bid up Berkshire's own stock by 27%.

Why? Wall Street believes that Berkshire and its acclaimed leader, Warren Buffett, possess a matchless ability to turn today's problems into tomorrow's profits. The key to this ability: "An absence of any regard for short-term results," says Don Graham, CEO of the Washington Post Co. (of which Berkshire owns 18%). Indeed, Berkshire has just launched a bond insurance company to compete with troubled MBIA and Ambac. It has also invested $800 million in subprime-battered Swiss Re.

Can Buffett, 77, continue making lemonade from lemons? There's no reason to think otherwise. Of greater concern: Who takes over once the legend is gone?  -Jon Birger

Eight key attributes of reputation       Industry rank
Innovation                                                1
People management                                   1
Use of corporate assets                               1
Social responsibility                                      1
Quality of management                               1
Financial soundness                                    1
Long-term investment                                 1
Quality of products/services                         1
แม้จะเป็นรอง Apple ในภาพรวม แต่พอดู Key attributes แล้ว BRKA เหนือกว่าเยอะ
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
tankhun
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 195
ผู้ติดตาม: 0

รายงานประจำปี 2007 Berkshirehathaway

โพสต์ที่ 16

โพสต์

เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ชี้แจงการเผยแพร่รายงานผลประกอบการ

        โอมาฮา, เนบราสก้า--(บิสิเนส ไวร์)--1 มี.ค. 2550

        ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (NYSE:BRK.A)(NYSE:BRK.B) มีธรรมเนียมปฏิบัติในการเผยแพร่รายงานประจำปีของเราในเช้าวันเสาร์ ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะทำให้สาธารณชนมีเวลามากที่สุดสำหรับอ่านข้อมูลทางการเงินและบทวิจารณ์ของเราขณะที่ตลาดปิดทำการ แม้แต่นักวิเคราะห์หรือผู้สื่อข่าวทางการเงินที่มีประสบการณ์ก็อาจพบว่า การอ่านรายงานดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง
        เรายังต้องการให้การรายงานของเรามีความถูกต้อง ซึ่งการพิจารณาบริษัทในเครือที่มีอยู่หลายแห่งของเรานั้นต้องใช้เวลาตรวจทานและการประเมินอย่างมาก แต่ถึงกระนั้น ในช่วงที่ผ่านมา เราก็ยังสามารถเตรียมรายงานประจำปีของเราได้ทันเวลาเพื่อออกเผยแพร่ในวันเสาร์ก่อนถึงวันที่กำหนด
        อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป กำหนดสำหรับการยื่นรายงาน 10-K ของเราต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นั้นถูกลดลงไป 15 วัน และเราไม่สามารถจัดเตรียมรายงานให้เสร็จทันการเผยแพร่ในวันเสาร์ ทั้งนี้ ในอนาคตหากเราสามารถทำได้ เราจะกำหนดให้มีการเผยแพร่รายงานประจำปีของเราในวันเสาร์ (หรือช่วงท้ายภาคบ่ายของวันศุกร์) ส่วนรายงานประจำไตรมาสของเราจะมีการเผยแพร่ตามปกติหลังจากปิดทำการวันศุกร์ก่อนถึงวันกำหนดเผยแพร่รายงาน 10-Q
        เราขอแนะนำให้ผู้ลงทุนและผู้สื่อข่าวอ่านรายงาน 10-K และรายงานประจำปีของเรา ที่มีการเผยแพร่บนเว็บไซท์ www.berkshirehathaway.com แต่ข้อมูลที่มีจำกัดซึ่งออกมาหลังข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจลงทุนแบบมีข้อมูล และด้วยคำเตือนดังกล่าว ข้อความต่อไปนี้เป็นข้อความ 3 ย่อหน้าแรกในจดหมายของประธานกรรมการของเราถึงผู้ถือหุ้น และหลังจากนั้นเป็นข้อมูลทางการเงินแบบสรุป
        กำไรในทรัพย์สินสุทธิของเราในช่วงปี 2549 อยู่ที่ 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นของทั้งหุ้น Class A และ Class B ของเราเพิ่มขึ้น 18.4% และในช่วง 42 ปีที่ผ่านมา (หรือนับตั้งแต่ฝ่ายบริหารชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารงาน มูลค่าตามบัญชีก็พุ่งขึ้นจาก 19 ดอลลาร์ สู่ 70,281 ดอลลาร์ หรือในอัตรา 21.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี
        เราเชื่อว่า กำไร 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์เป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับกำไรในช่วง 1 ปีของทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งมากกว่าธุรกิจใดๆของสหรัฐ ทั้งที่เราไม่ได้ระบุถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการควบกิจการ (ตัวอย่างเช่น การซื้อบริษัทไทม์ วอร์เนอร์ของเอโอแอลในปี 2543) แน่นอน บริษัทเอ็กซอนโมบิลและบริษัทอื่นๆย่อมมีรายได้สูงกว่าเบิร์กเชียร์อย่างมาก แต่กำไรของบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่นำไปจ่ายเป็นเงินปันผล และ/หรือการซื้อคืนหุ้น แทนที่จะนำไปสร้างทรัพย์สินสุทธิ
        การเปิดเผยผลกำไรในปี 2549 ของเราเป็นเรื่องที่เหมาะสม ธุรกิจที่สำคัญที่สุดของเราคือธุรกิจประกันได้รับประโยชน์จากความมีโชคดีมากมาย ธรรมชาติเมตตาเรา เพราะหลังจากที่พายุเฮอริเคนพัดกระหน่ำเราในปี 2547 และ 2548 ซึ่งทำให้เราต้องจ่ายเงินค่าประกันจำนวนมากนั้น ก็ไม่มีพายุเกิดขึ้น และเมื่อปีที่แล้ว ตัวเลขขาดทุนจากธุรกิจนี้ก็เปลี่ยนเป็นตัวเลขกำไร เป็นกำไรที่สูงมาก
        กำไรของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ อิงค์ และบริษัทในเครือสำหรับไตรมาส 4 และรอบ 12 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2549 และ 2548 มีการสรุปโดยย่อดังต่อไปนี้ โดยกำไรดังกล่าวอิงตามการคำนวณหลังหักภาษี (หน่วยเป็นล้านดอลลาร์ ยกเว้นข้อมูลต่อหุ้น)

               ไตรมาส 4                   ทั้งปี
                         --------------------- ---------------------
                             2549       2548       2549      2548
                          ---------- ---------- ---------- ----------

กำไรสุทธิ....................   $3,583     $5,130    $11,015     $8,528
กำไร/ขาดทุนจากการ
ลงทุนและตราสารอนุพันธ์..........      715      3,287      1,709      3,530
                          ---------- ---------- ---------- ----------
กำไรจากการดำเนินงาน............   $2,868     $1,843     $9,306     $4,998
                          ========== ========== ========== ==========

กำไรสุทธิ
ต่อหุ้นที่เทียบเท่าหุ้น Class A.....   $2,323     $3,330     $7,144     $5,538
กำไรจากการลงทุนและ
ตราสารอนุพันธ์ต่อหุ้น
ที่เทียบเท่าหุ้น Class A.........      464      2,134      1,108      2,292
                          ---------- ---------- ---------- ----------
กำไรจากการดำเนินงานต่อ
หุ้นที่เทียบเท่าหุ้น Class A.......   $1,859     $1,196     $6,036     $3,246
                          ========== ========== ========== ==========

จำนวนหุ้นคงเหลือที่เทียบเท่า
หุ้น Class A โดยเฉลี่ย........ 1,542,503  1,540,428  1,541,807  1,539,775

   หมายเหตุ: ตัวเลขสำหรับหุ้น Class B เท่ากับ 1/30 ของตัวเลขที่แสดงไว้สำหรับหุ้น Class A

   การวิเคราะห์กำไรจากการดำเนินงานของเบิร์กเชียร์มีข้อมูลดังต่อไปนี้ (หน่วยเป็นล้านดอลลาร์)

                                     ไตรมาส 4          ทั้งปี
                                     --------------- ---------------
                                  549    2548    2549    2548
                               ------- ------- ------- -------

 การประกัน-การรับประกัน...............  $867    $502   $2,485     $27
 การประกัน-รายได้จากการลงทุน..........   876     672    3,120   2,412
 ธุรกิจที่ไม่ใช่การประกัน................ 1,075     721    3,748   2,683
 อื่นๆ...........................    50     (52)     (47)   (124)
                               ------- ------- ------- -------
 กำไรจากการดำเนินงาน.................$2,868  $1,843  $9,306  $4,998
                               ======= ======= ======= =======

        ในการสรุปผลกำไรของเรา เราสร้างความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เราเรียกว่าเป็น กำไรจากการดำเนินงาน และกำไร/ขาดทุนจากการลงทุนและตราสารอนุพันธ์ โดยเบิร์กเชียร์มีทุนสำรองจำนวนมหาศาล (ประมาณ 3.48 หมื่นล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2549) ของกำไรจากการลงทุนที่ยังไม่มีการรับรู้ก่อนหักภาษี การได้ รับกำไรดังกล่าวในไตรมาสที่กำหนด (หรือการรับรู้ผลขาดทุนสำหรับกรณีนั้น) สามารถทำให้ตัวเลขรายได้สุทธิตลอดจนการเปรียบเทียบระหว่างช่วงเวลาบิดเบือนไปอย่างมากได้ เราไม่ต้องการให้ผู้ลงทุนให้ความสน ใจกับตัวเลขขาดทุนหรือกำไรที่ได้รับกระทบจากกำไรจากการลงทุนจำนวนมากซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากความสำ เร็จทางธุรกิจในช่วงเวลาที่มีการรายงาน และนั่นไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าที่เป็นสาระสำคัญของบริษัท ทั้งแนว โน้มในธุรกิจที่ประกอบการอยู่ของเราและภาวะของธุรกิจต่างก็ได้รับการพิจารณาอย่างดีที่สุดจากรายได้ก่อนหักกำไรหรือขาดทุนจากการลงทุน
        เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์และบริษัทในเครือดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภท ซึ่งได้แก่การประกันวินาศภัยที่ดำเนินงานทั้งแบบรับประกันภัยโดยตรงและรับประกันภัยต่อ สาธารณูปโภคและพลังงาน การเงิน การผลิต ค้าปลีก และบริการ หุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยใช้สัญลักษณ์ BRK.A และ BRK.B
        ข้อความบางส่วนในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็น แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า ตามความหมายของพ.ร.บ. Private Securities Litigation Reform Act of 1995 ข้อความเหล่านี้ไม่ได้เป็นการรับประกันผลประกอบการในอนาคต และผลการดำเนินงานที่แท้จริงอาจแตกต่างไปอย่างมากจากสิ่งที่คาดการณ์ไว้

        ความเห็นเกี่ยวกับกฎข้อบังคับ G
        ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมาตรการทางการเงินแบบ non-GAAP บางอย่าง การปรับมาตรการเหล่านี้ให้สอดรับกับตัวเลขแบบ GAAP ที่เปรียบเทียบได้มากที่สุดเพื่อให้เป็นไปตามกฎข้อบังคับ G นั้นจึงมีการรวมไว้ในที่นี้ด้วย
        เบิร์กเชียร์นำเสนอผลการดำเนินงานในลักษณะที่เชื่อว่าจะมีความหมายและเป็นประโยชน์มากที่สุด รวมทั้งมีความโปร่งใสมากที่สุดต่อกลุ่มผู้ลงทุนและบุคคลอื่นๆที่ใช้ข้อมูลทางการเงินของเบิร์กเชียร์ การนำเสนอดัง กล่าวรวมถึงการใช้มาตรการทางการเงินแบบ non-GAAP บางส่วน นอกเหนือไปจากการเสนอผลกำไรสุทธิแบบ GAAP แล้ว เบิร์กเชียร์ยังแสดงผลกำไรจากการดำเนินงานในรูปกำไรสุทธิที่ยกเว้นกำไร/ขาดทุนจากการลงทุนและตราสารอนุพันธ์
        แม้การนำเบี้ยประกันและเบี้ยประกันภัยต่อไปลงทุนเพื่อสร้างรายได้จากการลงทุนและกำไรหรือขาดทุนจากการลงทุนเป็นส่วนที่สำคัญของการดำเนินงานของเบิร์กเชียร์ แต่การสร้างกำไรหรือขาดทุนจากการลงทุนก็เป็นอิสระจากกระบวนการการรับประกัน นอกจากนี้ ภายใต้ข้อกำหนดการทำบัญชีตามแบบ GAAP ผลขาด ทุนสามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากการลดลงชั่วขณะของมูลค่า โดยปราศจากการรับรู้ที่แท้จริง หรือในช่วงที่มีการปรับปรุงผลกำไร-ขาดทุน (marked-to-market) การลงทุนบางประเภทผ่านผลกำไร ทั้งนี้ กำไร/ขาดทุนจากการลงทุนและตราสารอนุพันธ์สำหรับช่วงเวลาหนึ่งๆไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ผลประกอบการทางธุรกิจประจำไตรมาส

        ติดต่อ: เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ อิงค์
        มาร์ค ดี. แฮมเบิร์ก, 402-346-1400

ที่มา: http://www.thaibusinessnews.com/readnew ... af5c1ac6e9
เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง
โพสต์โพสต์