แหล่งข้อมูลสำหรับหาRm, Rfและ Beta...ของไทยมีที่ไหนบ้างก้าบบบ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
adi
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0

แหล่งข้อมูลสำหรับหาRm, Rfและ Beta...ของไทยมีที่ไหนบ้างก้าบบบ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

beta ถ้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ก็หาเองได้ครับ

แต่ rm กับ rf ผมว่าเป็นเรื่องของรสนิยม แล้วแต่ความชอบ เลยไม่ขอออกความเห็นครับ
A Cynic Knows the Price of Everything and the Value of Nothing
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
Pallas
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

แหล่งข้อมูลสำหรับหาRm, Rfและ Beta...ของไทยมีที่ไหนบ้างก้าบบบ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

Beta หาได้จาก Broker ครับ

Rf ผมใช้ 10-yr government bond yield จาก www.thaibma.or.th เพราะว่าพันธบัตรรัฐบาลถือว่าไม่มี Default Risk และระยะเวลานานพอที่จะลดความผันผวนของตลาดระยะสั้นได้ อีกทั้งเรากำลังวิเคราะห์การลงทุนที่มองธุรกิจที่ดำเนินการกิจการอย่างต่อเนื่อง

Rm นั้นพูดยาก เหมือนที่คุณ adi บอกว่าเป็นเรื่องของดุลยพินิจแต่ละคน สำหรับผม ใช้เป็นส่วนต่างระหว่าง Rm-Rf แทน เพราะจะได้ค่าที่ไม่แปรผันตาม Rf และ Rm แต่เป็น Premium ที่เราต้องการแทน ซึ่งผมใช้ 6.5%ครับ (ได้จาก Research ของ JP Morgan แต่ตอนนี้หาฉบับนั้นไม่เจอแล้ว)
"As Above, So Below"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sumotin
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1145
ผู้ติดตาม: 52

แหล่งข้อมูลสำหรับหาRm, Rfและ Beta...ของไทยมีที่ไหนบ้างก้าบบบ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

Beta ก็หาพวก unlevered beta แล้วก็ ใช้ Hamada equation หาครับ

Rf นี่ก็ใช้ T-bond เอาคับ

Rm นี่ถ้าผมใช้ ผมจะใช้ return เฉลี่ย ของ ตลาด น่าจะประมาณ 6-7%
Timing is everything, no matter what you do.

CAGR of 34% in the past 15 years of investment
tanapol
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 921
ผู้ติดตาม: 10

แหล่งข้อมูลสำหรับหาRm, Rfและ Beta...ของไทยมีที่ไหนบ้างก้าบบบ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

rf  rm  คืออะไรหรอครับ

... ไม่เคยได้ยินเลย...
batigoal
Verified User
โพสต์: 170
ผู้ติดตาม: 0

แหล่งข้อมูลสำหรับหาRm, Rfและ Beta...ของไทยมีที่ไหนบ้างก้าบบบ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

Rf คือ risk free rate return คับ  จะดูได้จากพวก treasury bill (รัฐบาลค้ำประกัน เลยไม่เสี่ยง  ไม่ต้องมี premium)

Rm คือ Return ของ market คับ  

สูตรเต็มๆก็คือ Rf+Beta(Rm-Rf) หรือก็คือ CAPM คับ
เอาไว้หาพวก cost of equity นะคับ ใน WACC นะคับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 3

แหล่งข้อมูลสำหรับหาRm, Rfและ Beta...ของไทยมีที่ไหนบ้างก้าบบบ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ถ้าจะใช้ CAPM หา cost of equity ละก้อ ระวังไว้อย่างงี้ครับ

1.  ค่า beta ที่หาได้จากวิธี market (ราคาตลาดของหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง) เป็นค่าที่มีความเพี้ยนสูง เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้อง เช่น ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เอง ปัจจัยภายนอกที่ไม่ได้มีผลเกี่ยวกับกิจการเอง (เช่นการปั่นหุ้น ข่าวดีร้ายต่างๆ) ค่า beta จึงไม่ได้เป็นค่าที่ดีที่สุดในการหา cost of equity

2.  ค่า beta เป็นค่าในอดีตซึ่งอาจไม่ได้เป็นค่าเดิมเช่นนี้ในอนาคต

3.  ค่า beta เป็นค่าที่แฝงไว้ซึ่งโครงสร้างทางการเงินของบริษัทอยู่แล้ว ถ้าบริษัทมีหนี้มากๆ ค่า beta ก็จะมีมากตามไปด้วย เมื่อเทียบกับหุ้นที่มีหนี้น้อยๆ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเงินของบริษัท (เช่น บริษัทเพิ่งออกหุ้นกู้) จะทำให้ค่า beta ในอดีตผิดเพี้ยนไป

จริงๆ ที่คุณอยากหาคือ WACC (Weigthed average cost of capital) ใช่มั้ยครับ ไม่ต้องไปสนใจองค์ประกอบหรอก ว่าโครงสร้างทางการเงินเป็นเท่าไหร่ เพราะ debt/equity ratio ไม่ทำให้ WACC เปลี่ยนไปเท่าไหร่หรอก (ถ้าไม่คิด tax saving จากดอกเบี้ย)  และหากต้องการทำ benchmark จริงๆ เค้าจะไม่เล่นกันที่โครงสร้างทางการเงินหรอกครับ

WACC จริงๆ แล้วเป็นต้นทุนทางการเงินที่เกิดจากความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจไม่ว่าโครงสร้างทางการเงินเป็นอย่างไร (ถ้าไม่คิด tax-saving)

ผมอยากแนะนำว่าถ้าอยากหา WACC ของบริษัทคุณและบริษัทที่คุณจะ benchmark ลองหน้าด้านโทรไปถามเลยคับ ถ้าบริษัทที่คุณจะเอามา benchmark นะอยู่ในตลาด และมีการลงทุนใหม่ๆ ก็ลองสะเออะจังถามเลยว่าเวลาคำนวณโปรเจกต์นี้คิด wacc กี่เปอร์เซนต์ (ผมเคยรู้ว่าปูนใหญ่อยู่ที่ 10% ครับ)

ส่วนของบริษัทคุณเองก็ลองถามพนักงานฝ่ายการเงินดูครับ

จริงๆ ถ้าอ่านหนังสือของ stern stewart แล้วเค้ามีอีกวิธีที่ไม่ได้ใช้วิธีวัดค่า cost of equity โดยใช้ตลาดแต่เป็นค่าภายใน แต่ผมหาหนังสือไม่เจอแล้วนะสิเลยช่วยไม่ได้  :oops:

วิธีสุดท้ายที่หาทางอื่นๆไม่ได้แล้วจึงจะเลือก CAPM ครับ

พูดมาเสียยืดยาว ไม่รู้ว่าจะพาออกทะเลหรือปล่าวเนี่ย 555
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
จิวยี่
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 21
ผู้ติดตาม: 0

แหล่งข้อมูลสำหรับหาRm, Rfและ Beta...ของไทยมีที่ไหนบ้างก้าบบบ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

สองอาทิตย์ที่แล้วผมก็เพิ่งทำการบ้านหา WACC ไปเองครับ

rf จะง่ายสุด คือเอา T-bill 10 ปีมาเลย

rm ยากขึ้นอีกนิด ผมคำนวนโดยใช้ราคาย้อนหลัง 3 ปี(รายเดือน) เอามารัน excel โดยบวก capital gain และ dividend เข้าไป ทำได้ไม่ยากนัก

แต่เบต้าออกจะเป็นอะไรที่งงๆสักหน่อย ผมเก็บข้อมูลราคาย้อนหลัง 3 ปี (รายวัน) เอาไปรันด้วย excel เทียบกับ set index ย้อนหลัง 3 ปี แล้วพบว่า ค่าที่ได้ มัน varie มากๆ โดยลองเทียบกับค่าเบต้าของโบรก Trinity (หาได้อันเดียวบนเนต) ก็พบว่ามันไม่ค่อยจะใกล้กันเลยครับ โดยบางทีผมคำนวนค่าเบต้าออกมาเป็นลบ แต่ของ Trinity เป็นบวก ทำให้เห็นว่าแค่วิธีคำนวนเบต้าต่างกัน (อาจจะ จำนวนปี และความถี่) ก็ทำให้ค่าเบต้ามันต่างกันอย่างมีนัยสำคัญแล้วครับ

อีกเรื่องที่ปวดหัวตอนหา WACC คือแกะงบครับ ไปอ่านงบเจอบริษัทนึงเค้าจ่ายภาษีสี่ปีย้อนหลัง 0% 20% 30% 13% ตามลำดับ และมีพวก footnote เต็มไปหมด แต่ไม่มีตรงไหนบอกเลยว่าปีนั้นทำไมจ่าย 0% ยุ่งยากมากๆครับ

จนได้บทสรุปว่า CAPM เนี่ย เอาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้ยากครับ ใช้ได้แค่ในทฤษฎี




อ้อ เกือบลืมให้แหล่งข้อมูลครับ
สำหรับข้อมูลย้อนหลังมาจาก www.setsmart.com (ต้องจ่ายตัง)
และ http://www.trinitythai.com/Inter/resear ... beta-t.jsp
ภาพประจำตัวสมาชิก
MacroArt
Verified User
โพสต์: 265
ผู้ติดตาม: 0

แหล่งข้อมูลสำหรับหาRm, Rfและ Beta...ของไทยมีที่ไหนบ้างก้าบบบ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

rm ผมใช้วิธีคำนวณดัชนี SET ของปัจจุบันเทียบกับเมื่อ 30 กว่าปีก่อน คิดออกมาว่าโตเฉลี่ยปีละกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วบวกปันผลเฉลี่ยต่อปีครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอยู่ราวๆ 12%
โพสต์โพสต์