จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
newbie_12
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2913
ผู้ติดตาม: 10

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 1

โพสต์

การลงทุนแนว VI ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนหลายท่านได้ทำเป็นตัวอย่างแล้ว ทำได้จริง สำเร็จจริง

หากนักลงทุนเลิกเก็งกำไรกัน กลายมาเป็น VI กันหมด จะมีผลอย่างไรครับ
Pythoon
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 136
ผู้ติดตาม: 0

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ถ้า VI ซื้อแล้วถือ....จนกว่าจะเกินมูลค่าที่คำนวณไว้...

มาร์เกตติ้งจะได้ commission ลดลง

บริษัทหลักทรัพย์ที่มีรายได้จากส่วนนี้เยอะอาจจะต้องปิดลง....

แต่ผมว่าไม่น่าจะเป็นไปได้นะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 46

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 3

โพสต์

โอกาสก็มีครับ
แต่ว่ามีน้อยถึงน้อยมากๆ

คล้ายๆศีล 5 อ่ะครับ
ทุกคนรู้ว่าถ้าทำได้ก็จะเกิดมงคลต่อชีวิต
โลกเราคงจะมีแต่สันติสุข

แต่ผ่านไปสองพันกว่าปี
เราก็ยังผิดศีลกันบ่อยๆทุกเมื่อเชื่อวัน

ความรู้แนววีไอนี้ก็มีมาเกือบร้อยปีแล้ว
แต่วีไอทั่วโลกก็ยังเป็นส่วนน้อยมากของทั้งหมด
ทั้งๆที่รู้ว่าทำแล้วจะได้รางวัลคล้ายๆกับศีล 5

เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นกับปัจจัย "รู้หรือไม่รู้"
ทัศนคติเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้การรู้หรือไม่รู้

แต่สาเหตุหลักของเรื่องนี้
ผมคิดว่าเป็นเพราะแนวทางเหล่านี้
ไม่สอดคล้องกับ  "สัญชาติญาณ" ของมนุษย์ที่ฝังอยู่ใน DNA มากกว่า

ดร.นิเวศน์เคยเขียนบทความทำนองนี้นี้หลายครั้งด้วยกัน

http://www.thaivi.com/article/value-investor/481-.html

http://www.thaivi.com/article/value-inv ... estor.html

http://www.thaivi.com/article/value-inv ... 90-vi.html
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sumotin
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1145
ผู้ติดตาม: 52

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมว่าเป็นไปไม่ได้เลยครับ ตลาดที่มีมาเป็น 100 ปี อย่างในยุโรป หรือ อเมริกา ก็ยังมีการเก็งกำไรกันเยอะ ครับ อีกอย่าง นักลงทุนต่างชาติกับ พวกกองทุน ไม่เป็น VI แน่ๆ  :lol:

แต่ ถ้าในกรณีสมมติ ว่าเป็น VI หมด ความสามารถแต่หละคนก็ไม่เหมือนกันครับ ให้มูลค่าหุ้นไม่เท่ากันอยู่ดีครับ
Timing is everything, no matter what you do.

CAGR of 34% in the past 15 years of investment
ภาพประจำตัวสมาชิก
CEO
Verified User
โพสต์: 1243
ผู้ติดตาม: 0

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สมมติว่าเป็นไปได้ครับ

นักลงทุนวีไอจะหายไปจากจอทีวี และสื่อทุกชนิด
วิชาการเก็งกำไรจะมีค่าเรียนแพงมาก
ทุกคนจะพูดกันแต่เรื่องการเก็งกำไร
ครับ
การซื้อกิจการอาจไม่ใช่การเทคโอเวอร์ และการเทคโอเวอร์ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อหุ้น..
ภาพประจำตัวสมาชิก
CEO
Verified User
โพสต์: 1243
ผู้ติดตาม: 0

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 6

โพสต์

สูงสุดคืนสู่สามัญ
จะไม่มีใครสนใจเรื่องวีไออีกต่อไป
มันจะเป็นแค่วิถีวีวิตที่เหมือนภูมิปัญญาท้องถิ่นของเราที่ถูกลืมแม้ว่าจะเป็นสิ่งดีๆถึงดีที่สุดก็ตาม
การซื้อกิจการอาจไม่ใช่การเทคโอเวอร์ และการเทคโอเวอร์ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อหุ้น..
ภาพประจำตัวสมาชิก
Juninho
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1054
ผู้ติดตาม: 17

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 7

โพสต์

หากนักลงทุนเป็น VI กันหมดคงหาหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าได้ยากขึ้น  หรืออาจหาได้แต่ mos คงไม่มากเท่าไรในแต่ละตัว
และผลตอบแทนของชาววีไอโดยรวม น่าจะลดลง

ผมคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ในตลาดจะมีแต่วีไอ
แต่ถ้าคำพูดที่ว่านักเล่นหุ้นแนวนี้มากขึ้นทุก ๆ ปี น่าจะเป็นความจริง ก็ดูกระทู้ผลตอบแทนเท่าไรกันบ้างของชาววีไอ ที่มีการทำโพลล์ทุก ๆ ปี ไม่ว่าใครก็ต้องเหลียวมามองล่ะครับ

แหม...... ทำ(กัน)ไปได้  :D
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
akekarat
Verified User
โพสต์: 1746
ผู้ติดตาม: 0

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 8

โพสต์

อันดับแรกเลยคือ Broker จะเจ๊ง และ marketing กับ analyst จะตกงานครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Isamu
Verified User
โพสต์: 167
ผู้ติดตาม: 0

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมเห็นด้วยกับคุณสามัญชนนะครับ ยกตัวอย่างได้เข้าใจดี ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า สมัยนี้บางคนชอบพูดว่าตัวเองเป็นคนมีศีลมีธรรม แต่เอาเข้าจริง มันไม่ได้ลงไปในชีวิตประจำวัน ไม่ได้หัดจนเป็นธรรมชาติ
      น้องๆนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มหลายคน ช่วงสองสามปีมานี้ มักจะพูดว่าตัวเองอยากลงทุนแบบ VI จนดูเหมือนว่าเป็นแฟชั่นแบบหนึ่งไปแล้ว จริงๆแล้ง VI เป็นวิถีชีวิตทั้งหมด ไม่ใช่แค่เรื่องการลงทุนอย่างเดียว คนที่จะอาศัยวิธีนี้แล้วประสบผลสำเร็จมากๆ จึงต้องเป็นคนที่เข้าใจและนำไปปฏิบัติ เหมือนศีลห้า ที่ถ้าปฏิบัติจนเป็นปกติในชีวิตประจำวันแล้วก็จะไม่รู้สึกว่าเป็นคนถือศีลข้อใด ก็แปลว่าได้ว่าหัดจนเป็นธรรมชาติ ได้ผลแห่งศีล และไม่ค่อยเอาการถือศีลหรือไม่ ไปแบ่งแยกหรือตัดสินใครๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
SEHJU
Verified User
โพสต์: 1238
ผู้ติดตาม: 3

ครับๆ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ถ้าเกิดเป็นไปได้จริงๆนี่ ผมว่าประเทศชาติพัฒนาแน่ๆครับ
เพราะทุกคนจะมองอะไรเป็นคุณค่าไปหมด จะซื้อจะใช้ของอะไรก็ให้
สมเหตุสมผล
ส่วนทางฝ่ายโบรกเกอร์ก็จะร่วมมือกันหาช่องทางใหม่ๆ และ ออกกฎระเบียบออกมาแก้ทางวีไอเพื่อให้ได้ตังจากวีไอเพิ่มขึ้น
และก็เห็นด้วยที่ว่าอีกสิบปีวีไอต้องเพิ่มขึ้นอีกมาก เพราะจากอาจารย์นิเวศน์
ก็ แตกเหล่าแตกกอ วีไอออกมามากมาย เก่งๆก็เยอะเดี๋ยวก็ขยายออกไป
แบบ mlm เป็นแผนภูมิต้นไม้ เอ้อ.. ทำเป็นเล่นไป
พูดถึงว่าจะเป็นวีไอทั้งหมดนั้น ในทางทฤษฎีก็ผมว่าก็เป็นไปได้นะครับ แต่ในทางปฏิบัติแล้วผมว่ายังไงๆก็เป็นไปไม่ได้อ่ะครับ
qingwen
Verified User
โพสต์: 487
ผู้ติดตาม: 0

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ผมมีความรู้สึกว่าคนจะเป็น VI ได้ต้องมีลักษณะทางธรรมชาติเฉพาะเจาะจงอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นชนส่วนน้อยในโลกอันยุ่งเหยิงใบนี้

ผมไม่เชื่อว่าการลงทุนแนว VI ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (มีข้อมูลใดที่แสดงว่าได้รับความนิยม) ผมฟังวิทยุก็ได้ยินแต่คนถามเทคนิคแนวรับแนวต้านทั้งรายการ ผมไปโพสการลงทุนในหุ้นไว้ในบางเว็บก็เห็นคนมาร่วมแจมพุดแต่เรื่องกราฟ ไม่เห็นใครสนใจบัญชีหรือกิจการของบริษัทใดๆเลย

ยุคสมัยนึงเราก็กลัวว่าคอมมิวนิสต์จะครองโลก ใครๆก็จะเป็นสังคมนิยม สุดท้ายก็แพ้ทุนนิยม เพราะทุนนิยมมันกระตุ้นกิเลสและความเป็นตัวตนของมนุษย์ได้ดีกว่า เช่นเดียวกับการเก็งกำไรมันตรงกับนิสัยของคนส่วนใหญ่ในโลก สามารถดึงความเป็นตัวตนของคนส่วนใหญ่ได้ดีกว่า คนเป็น VI ก็มีอยู่เท่าเดิมนั่นแหละ
对不起,请问一下.
存货是什么意思 ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 46

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ช่วงนี้แนวทางวีไอดูเหมือนจะกลายเป็นกระแสสังคม(เพราะได้ออกทีวีบ่อยขึ้น) มั้งครับ  :lol:

แต่วีไอในเมืองไทยนี้
ดร.นิเวศน์นำมาเผยแพร่เมื่อไม่ถึงสิบปีนี้เอง
เมืองไทยจึงเหมือนเริ่มต้นจากศูนย์
อัตราการเติบโตจึงดูเหมือนจะสูง
แต่ผมว่าคล้ายๆ ขาแรกหรือขาสองของ s-curve จึงดูน่าตื่นเต้นหวือหวา
แต่เมืองนอกเขาเริ่มมาร้อยปีแล้ว
เขาเข้าสู่ขาสามของ s-curve ไปแล้ว  
อัตราการเติบโตแทบไม่เพิ่มขึ้นเลย
อาจจะลดลงด้วยซ้ำ
เดี๋ยวเมืองไทยก็จะเป็นเหมือนกัน

เหมือนตอนศาสนาพุทธถือกำเนิดใหม่ๆบนโลก
พระพุทธเจ้าท่านก็สั่งสอนจนเกิดพระอรหันต์
ได้มากถึง 1,250 รูปในเวลาไม่กี่ปี
แต่ปัจจุบันนี้ทั้งๆที่ประชากรมากถึงหกพันล้านคน  
โลกเราก็มีพระอรหันต์ไม่มากนัก
ทั้งๆที่ธรรมมะของพระพุทธเจ้านั้น
ผมว่าสุดยอดสุดๆแล้วในบรรดาทฤษฎีต่างๆที่ปรากฎบนผืนโลก

ดังนั้นถ้าเราห่วงว่า
เราเผยแพร่ความรู้วีไอมากๆ
แล้วเราจะหาหุ้นยากขึ้น
ซื้อได้ยากขึ้น  
ขายยากขึ้น
กำไรน้อยลง  ก็เลิกห่วงได้เลย
ตรงกันข้าม
ยิ่งเราหาความรู้มากขึ้น  เป็นผู้ให้(และรับ)มากขึ้น
เราก็(น่า)จะเก่งมากขึ้น
เขาเรียกว่า "ยิ่งให้  ยิ่งมีเยอะ"  :lol:
แต่ถ้าไม่ห่วงประเด็นนี้
ก็แล้วไปครับ  :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
Dech
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 5016
ผู้ติดตาม: 145

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 13

โพสต์

หวังว่าจะเห็น หุ้นมีแต่ขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่มีลงๆขึ้นๆแบบนี้
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 327

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 14

โพสต์

สมมติว่าเกิดขึ้นจริง ผลตอบแทนของ VI คงจะต่ำลง แล้วผมก็คงจะเลิกเป็น VI แล้วไปหาทางลงทุนแบบอื่นที่ไหนผลตอบแทนมากกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Isamu
Verified User
โพสต์: 167
ผู้ติดตาม: 0

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ขอให้ความเห็นเรื่องการสวนกระแส (contary) ซึ่งเป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาก
   จริงๆ แม้ว่าทุกคนจะคำนึงถึงเรื่อง VI กันหมด ก็ไม่ได้หมายความว่าการลงทุนที่ดีต้องสวนกระแสโดยการไม่ใช้หลักการ VI ไปใช้แบบอื่นๆแทน
   สังเกตดูในร้อยคนร้อยหุ้นนะครับ จะเห็นว่ามีหลายคนหลายแบบ ตามความถนัดหรือความเชื่อแต่ละคนจริงๆ ผมคิดว่าเราใช้หลักการคล้ายคลึงกัน แต่ศิลปะทำให้การลงทุนแต่ละคนไม่เหมือนกัน แค่สวนกระแสข้อมูลหรือความนิยมใน board นี้บ้าง ก็น่าจะเพียงพอ ไม่น่าถึงขนาดเลิกไปเลย จริงๆผมว่าถ้าเป็นพันธ์แท้คงเลิกยากเพราะมันเป็นความปกติไปแล้ว
  สถานการณ์มักจะสร้างวีรบุรุษ ผมคิดว่าพวก contary คงจะรอวันนั้น
MrRobot
Verified User
โพสต์: 1291
ผู้ติดตาม: 1

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 16

โพสต์

หุ้นคุณค่า น่าจะเป็นหุ้นคุณค่าตลอดไป  :lol:  เเน่ๆเลยครับกระผม
VI Robot The Great
ภาพประจำตัวสมาชิก
Saran
Verified User
โพสต์: 2377
ผู้ติดตาม: 4

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ผมว่าคงใกล้เคียงกับทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพนะครับ เพราะทุกคนซื้อขายหุ้นกันอย่างมีเหตุผล
ภาพประจำตัวสมาชิก
BOONPARUEY
Verified User
โพสต์: 184
ผู้ติดตาม: 0

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 18

โพสต์

...     ผลที่ได้น่าจะเป็น  WIN  - WIN  กับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เช่น     ...

...     ตลาดจะมีขนาดใหญ่มากขึ้น     ...

...     ตลาดจะมีภาพพจน์ที่ดีขึ้นจากที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งรวมนักพนัน      ...      

...     ผู้คนที่มีเงินทุนที่แต่เดิมไม่กล้าเข้ามาลงทุนก็จะกล้าเข้ามา     ...

...      ธุรกิจที่ดี ๆ จะเติบโตมากขึ้น  อาจหมายถึงมีโอกาสเติบโตไปสู่สากล    ...

...      ตลาดจะมีส่วนสร้างให้ระบบเศรษฐกิจไทยแข็งแรงขึ้น     ...

...      จะเกิดการพัฒนาในบริษัท , นักลงทุน , ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน     ...

...       มีเงินออมมากกว่า 5 ล้านล้านบาทที่ไม่กล้าเข้ามาในตลาด ซึ่งมีีหลายสาเหตุ  แต่หนึ่งในหลายสาเหตุนั้น คือ ภาพพจน์ที่เสียของตลาดหุ้นไทยจากกรณีย์ปั่นหุ้นในหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา  , ปัญหาการตกแต่งบัญชี , ฯ  ล  ฯ  .....ความสำเร็จของภาค VI จะช่วยแก้ปัญหานี้่ได้   ...

...        ตลาดจะมีประสิทธิภาพขึ้นตามสัดส่วนขนาดตลาดที่โตขึ้น และ ตามเวลา     ...

...        การเก็งกำไรก็คงโตขึ้นตามสัดส่วนตลาดที่โตขึ้น    ...

...         คงเป็นไปไม่ได้ที่ตลาดจะมีแค่ระบบ VI เพราะคนมีความคิดแตกต่างกันจากหลายเหตุปัจจัย     ...

...         และ ก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณหมอ สามัญชน     ...

...         ความคิดเห็นทั้งหมดมาจากการพิจารณาจากประวัติการเติบโตในต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว     ...


:lol:  :lol:  :lol:  :man:
... " บุญ คือ เสบียงของคนไม่ประมาท "  พุทธตรัส ...
Tlk
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 406
ผู้ติดตาม: 9

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 19

โพสต์

set จะคุยกันที่  + 15- 20%ทุกปีหรือ มากกว่าเพราะทุกคนซื้อแล้วถือ
หุ้นคุณค่าจะแพงมากจนต้องซื้อที่ P/E 40-50 แต่ข้อสำคัญก็คือ พวกเราชาว VI ที่ถือหุ้นอยู่ก่อนจะรวยมั่กๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
charnengi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2395
ผู้ติดตาม: 6

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 20

โพสต์

PE ตลาดจะเหลือ 7-8 เท่าครับ

เพราะ VI ชอบของถูกๆ :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
krisy
Verified User
โพสต์: 736
ผู้ติดตาม: 2

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ถ้าเป็นไปได้จริง

ผู้บริหารจะทำงานอย่างตั้งใจมากขึ้น เพราะราคาหุ้นจะสะท้อนผลประกอบการ

ตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้น

นักลงทุนสุขภาพดีขึ้น ไม่ต้องเฝ้าจอ ทั้งเจ็บตา ทั้งอ้วน ก้นโต พุงพลุ้ย จะได้มีเวลาไปไหนมาไหนมากขึ้น

นายจ้างมีความสุขเพราะลูกน้องทำงานดีขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเฝ้าหุ้นมากนัก สมาธิบังเกิด

ความตื่นเต้นในชีวิตลดลง คาดว่าการเล่นหวยน่าจะบูมขึ้น อิอิ
.....Give Everything but not Give Up.....
ภาพประจำตัวสมาชิก
pavilion
Verified User
โพสต์: 1726
ผู้ติดตาม: 0

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ไม่มีแมงเม่า - ไม่มีใครตามกระแส
ซื้อหุ้นยากขึ้น - มีแต่คนถือ ไม่มีคนขาย
มีแต่หุ้นถูก - ไม่มีใครยอมซื้อแพง
ขายหุ้นก็ยากขึ้น - พอเราจะขาย ก็ไม่ค่อยมีคนจะซื้อ

แต่ผมว่าเป็นไปได้ยากนะอีก 10 ปี ต่อให้อีก 100 ปีผมว่าก็ไม่ได้มีแต่ VI ในตลาดหรอก คนเราต่างคิดต่างจิตต่างใจจะให้คิดเหมือนกันหมดคงเป็นไปได้ยาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
chaiyos
Verified User
โพสต์: 177
ผู้ติดตาม: 0

จะเป็นอย่างไร หากอีกสิบปีข้างหน้า นักลงทุนกลายเป็น VI กันหมด

โพสต์ที่ 23

โพสต์

VI ก็มีเป้าหมายต่างกัน และต้นทุนต่างกัน
^.^
Tick...Tick...Tick...Tick...Tick
โพสต์โพสต์