วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
bankniti
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 627
ผู้ติดตาม: 0

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อันนี้เอามาจาก http://speculator.diaryclub.com/?date=20070713 ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเขียนขึ้นราวๆ ปี 2546 เนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการโจมตีค่าเงินบาทในช่วงปี 2539-2540 โดยในเวปไซด์ดังกล่าวบอกว่าเป็นบทความจาก  รศ. ดร. ถวิล นิลใบ เนื้อหามีดังนี้

ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน 2549 ที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จนเป็นที่วิตกว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกและต่อภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจ รัฐบาลให้คำอธิบายว่าเป็นภาวะปกติที่เป็นผลเนื่องมาจากดุลการค้าเกินดุลและภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตในระดับสูง จึงเป็นสิ่งจูงใจให้มีเงินทุนไหลเข้ามา ค่าเงินบาทจึงแข็ง แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยผู้ซึ่งดูแลเงินทุนไหลเข้าออกอย่างใกล้ชิดเห็นว่ามีเงินทุนระยะสั้นไหลเข้ามาสู่ประเทศสูงผิดปกติ และได้เปิดเผยว่ามีการเก็งกาํไรค่าเงินบาทเกิดขึ้น จึงได้มีมาตรการตอบโตบรรดานักเกร็งกำไรดังกล่าว ทำให้นึกถึงเรื่องการโจมตีค่าเงินบาทที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2539 และต้นปี 2540 ซึ่งนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุดของประวัติศาสตร์ชาติไทย

การโจมตีค่าเงินบาทในครั้งนั้น ทำให้ประเทศไทยต้องเสียทุนสำรองระหว่างประเทศเกือบหมดประเทศต้องขอความช่วยเหลือจาก IMF พร้อมทั้งต้องเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนจากคงที่เป็นลอยตัว สถาบันการเงินและภาคธุรกิจต้องประสบกับปัญหาหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากต้องล้มละลายและฉุดให้เศรษฐกิจตกตํ่าอย่างรุนแรง การโจมตีค่าเงินถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทยและสังคมไทย ในอดีตประเทศไทยเป็นประเทศเล็กและอยู่นอกสายตาของนักเก็งกำไรค่าเงิน เราจึงไม่คิดว่าคนกลุ่มนี้จะมาสนใจโจมตีค่าเงินเราแต่ในช่วง 2530 2539 ประเทศไทยเป็นที่รู้จักกันดีในสายตาของชาวโลกในฐานะที่เป็นประเทศที่มีการเติบโตสูงในลำดับต้น ๆ ของโลก รวมทั้งได้รับคำชมเชยจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น IMF และ World Bank ในการบริหารจัดการประเทศจนเติบโตในระดับที่สูงและต่อเนื่อง
ความโดดเด่นของประเทศไทยจึงเป็นที่จับตามองของนักลงทุนต่างประเทศและนักเก็งกำไร เมื่อโอกาสและเงื่อนไขต่างๆ เอื้ออำนวย กลุ่มนักเก็งกำไรจึงทำการโจมตีค่าเงินบาท โดยที่เราไม่คาดคิดมาก่อน บทความนี้จะย้อนกลับไปในอดีตนำเสนอวิธีการที่นักเก็งกำไรใช้โจมตีค่าเงินบาทที่เกิดขึ้นในปลายปี 2539 และในช่วงต้นปี 2540 ทั้งนี้เพื่อเป็นบทเรียนและข้อคิดให้กับเรา  
     
ก่อนที่จะกล่าวถึงวิธีการโจมตีค่าเงินบาท เรามาทำความเข้าใจเบื้องต้นถึงความหมายของการโจมตีค่าเงิน (currency attack) ซึ่งหมายถึงการที่นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาแสวงหากำไรจากการซื้อขายเงินตราของสกุลหนึ่ง
เพื่อทำกำไรจากผลต่างระหว่างอัตราที่ซื้อและอัตราที่ขาย เป็นวิธีการหารายได้รูปแบบหนึ่งของนักลงทุนระหว่างประเทศ ถ้าจะเปรียบเทียบกับ การเก็งกำไรค่าเงิน (currency speculation) จะมีนิยามเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่การโจมตีนั้นมุ่งหวังให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง ดังนั้น ขนาดของการเก็งกำไรจึงมีจำนวนมากและกระทำอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะต่อสู้กับมาตรการที่ธนาคารชาติออกมาตอบโต้ โดยปกติการโจมตีค่าเงินมักจะกระทำกับประเทศที่ใชระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (fixed exchange rate system)
ที่ทางการกำหนดค่าเงินไว้สูงเกินไป (over value) และมีสภาพแวดล้อมอื่นเอื้ออำนวย เช่น ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเรื้อรังหนี้ระยะสั้นสูงเมื่อเทียบกับทุนสำรอง เป็นต้น ส่วนการเก็งกำไรค่าเงินมักจะกระทำสำหรับประเทศที่ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว นักลงทุนที่โจมตีค่าเงินมักเป็นนักลงทุนขนาดใหญ่และเป็นนักลงทุนประเภทสถาบันที่ระดมทุนมาเก็งกำไรค่าเงินหรือโจมตีค่าเงินโดยตั้งเป็นกองทุนมีชื่อเรียกว่า Hedge Funds ตัวอย่างของกองทุนประเภทนี้คือ Quantum Fund ซึ่งดูแลโดยนาย George Soros ที่พวกเราคุ้นเคยชื่อนี้ดี และเข้ามาร่วมโจมตีค่าเงินบาทด้วย นอกจากนี้ธนาคารพาณิชย์ทั้งไทยและเทศก็เป็นอีกกลุ่มที่แสวงหากำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนส่วนมากมักจะเป็นรูปแบบของการเก็งกำไร เช่น ล่าสุดที่ทำกับประเทศไทยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ช่องทางการโจมตีค่าเงินบาทที่เกิดขึ้นในปลายปี 2539
และต้นปี 2540 มีเป็นดังนี้

ช่องทางแรก เป็นการโจมตีผ่านช่องทางตลาดเงิน คือผ่านธนาคารพาณิชย์ในประเทศเริ่มจากนักเก็งกำไรกู้เงินบาทจากธนาคารพาณิชย์ แล้วนำไปซื้อดอลลาร์ทันที ธนาคารพาณิชย์จะนำเงินบาทที่นักเก็งกำไรขอกู้ไปซื้อดอลลาร์จากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อส่งมอบให้กับนักเก็งกำไร การโจมตีค่าเงินด้วยวิธีนี้ นักลงเก็งกำไรต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้เงินบาทให้กับธนาคารพาณิชย์ซึ่งเมื่อได้ดอลลาร์สหรัฐแล้วไปพักไว้ในบัญชีได้รับดอกเบี้ยเงินฝากดอลลาร์ซึ่งจะตํ่ากว่าดอกเบี้ยเงินกู้ (เงินบาท) นั่นคือนักเก็งกำไรยอมรับภาระผลต่างของดอกเบี้ยทั้งสอง ซึ่งเป็นต้นทุนในการโจมตีค่าเงินด้วยช่องทางนี้
แต่หวังว่าเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยลดค่าเงินหรือลอยตัวค่าเงินก็จะนำ
ดอลลาร์ที่ถือไว้มาขายคืน เช่น ตอนเอาเงินบาทซื้อดอลลาร์สหรัฐที่ 25 บาท แต่ตอนขายคืน ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนลดค่าไปอยู่ที่ 30 บาท นักลงทุนต่างชาติก็จะได้กำไร 5 บาทต่อดอลลาร์เมื่อหักดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับธนาคารแล้วยังมีกำไรเหลือ (หลังลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540 อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) การโจมตีด้วยวิธีนี้ค่อนข้างง่าย นักเก็งกำไรหลายกลุ่มทำพร้อม ๆ กันและต่อเนื่อง เงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นทุนสำรองทางการก็จะเหลือน้อยลง คำถามคือธนาคารชาติทราบหรือไม่ว่าถูกโจมตีด้วยวิธีนี้ คำตอบคือ ทราบดี คำถามต่อไปคือ แล้วทำไมจึงปล่อยให้ทำ
คำตอบคือ มั่นใจว่าจะชนะ กล่าวคือ ถ้าธนาคารชาติไม่ลดค่าเงิน นักเก็งกำไร
ซึ่งมักจะกู้ในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 1 เดือน หรือ 3 เดือน เมื่อครบกำหนดสัญญาต้องใช้คืนธนาคาร ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนคงเดิม ก็จะขาดทุนเพราะต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้ การต่อสู้กันระหว่างธนาคารชาติกับนักเก็งกำไรมี 2 ยก
ยกแรก เกิดขึ้นประมาณปลายปี 2539 ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 2540 ธนาคารชาติเป็นฝ่ายชนะ ยกที่สอง เกิดขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม 2540 ธนาคารชาติเป็นฝ่ายแพ้ ทำให้ธนาคารชาติห้ามธนาคารพาณิชย์ให้กู้เงินบาทกับต่างชาติเพื่อมาซื้อดอลลาร์สหรัฐ ปิดช่องทางการโจมตีค่าเงินโดยผ่านตลาดเงินหรือผ่านธนาคารพาณิชย์

เมื่อธนาคารชาติปิดช่องทางดังกล่าว นักเก็งกำไรต่างชาติเริ่มโจมตีผ่านช่องทางที่สองคือผ่านตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้น วิธีนี้ค่อนข้างซับซ้อนกว่าวิธีแรก กล่าวคือ นักเก็งกำไรจะขอกู้เงินบาทจากธนาคารพาณิชย์ แต่ไม่สามารถนำไปซื้อดอลลาร์ได้ เพราะธนาคารชาติห้ามนักเก็งกำไรจะนำเงินบาทที่กู้ไปซื้อหุ้นในคราบของนักลงทุนซึ่งทางการไม่ห้าม เมื่อเข้าไปซื้อหุ้นวันนี้พรุ่งนี้ก็จะขายหุ้นทิ้ง จากนั้นนำเงินบาทที่ได้จาการขายหุ้นไปซื้อดอลลาร์จากธนาคารพาณิชย์ธนาคารพาณิชย์ก็นำไปซื้อดอลลาร์จากธนาคารชาติส่งมอบให้กับนักลงทุน เป็นผลทำให้ทุนสำรองของทางการลดลงเหมือนกับช่องทางแรก แต่ช่องทางนี้ซับซ้อนและมีต้นทุนในการโจมตีเพิ่มขึ้นจากการซื้อขายหุ้น แต่เป็นวิธีที่มีแนวร่วม  กล่าวคือ เมื่อขายหุ้นทิ้งราคาดิ่งลง ทำให้นักลงทุนที่เข้ามีเล่นหุ้นตามปกติ ขายหุ้นตามแล้วนำเงินที่ได้แลกดอลลาร์กลับยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้ทุนสำรองลดลง เมื่อธนาคารชาติทราบการโจมตีด้วยวิธีนี้ จึงห้ามไม่ให้ธนาคารพาณิชย์ให้กู้กับต่างชาติไม่ว่ากรณีใดเท่ากับเป็นการแบ่งตลาดเงินบาทในประเทศ (ON SHORE MARKET) ออกจากตลาดต่างประเทศ(OFF SHORE MARKET)

เดี๋ยวอ่านต่อ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
bankniti
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 627
ผู้ติดตาม: 0

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ต่อครับ...

ช่องทางที่สาม เมื่อธนาคารชาติปิดทั้งสองช่องทาง นักเก็งกำไรค่าเงินก็หันไม่สามารถหาเงินบาทในประเทศไม่ได้ ก็หากู้เงินบาทจากตลาดนอกประเทศ เช่น ในตลาดสิงคโปร์ ฮ่องกง ลอนดอนและนิวยอร์ค แล้วโอนเข้ามาขอแลกซื้อดอลลาร์สหรัฐจากธนาคารพาณิชย์ ธนาคารพาณิชย์นำเงินบาทที่ได้ซื้อดอลลาร์จากธนาคารชาติส่งมอบให้กับนักเก็งกำไร ปริมาณเงินบาทในตลาดนอกประเทศมีเท่าใดไม่มีตัวเลขยืนยัน แต่เป็นที่ทราบว่ามีขนาดใหญ่ระดับแสนล้านบาท ปริมาณเงินบาทในตลาดนอกประเทศส่วนหนึ่งเกิดจากธนาคารชาติเป็นผู้ปล่อยเงินบาทเข้าไปจากการทำธุรกรรม swap ของธนาคารชาติในการต่อสู้กับนักเก็งกำไร (การทำ swap ของธนาคารชาติคือ การขอกู้ดอลลาร์สหรัฐจากตลาดนอกประเทศโดยนำเงินบาทไปแลก จากนั้นมีสัญญาขอซื้อเงินบาทกลับพร้อมส่งมอบดอลลาร์สหรัฐคืน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมใน รายงานผลการวิเคราะห์และวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ โดย คณะกรรมการศึกษาและเสนอแนะมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศ
( ศปร) )                    

ช่องทางที่สี่ เป็นการโจมตีที่นักเก็งกำไรทำขึ้นในตลาดนอกประเทศโดยการหาเงินบาทในตลาดนอกประเทศแล้วนำมาทุ่มซื้อดอลลาร์ ตลาดเงินนอกประเทศที่ทำกันมากคือตลาดลอนดอนและตลาดนิวยอร์ค ผลก็คือจะทำให้เงินบาทเสื่อมค่าลงสูงกว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารชาติกำหนดในประเทศ
ซึ่งมีผลทางจิตวิทยา ทำให้นักลงทุนต่างประเทศที่มาลงทุนในประเทศไทยวิตกว่าค่าเงินบาทจะเสื่อมค่า (นักเก็งกำไรทำพร้อมกับมีการปล่อยข่าว) จึงต้องรีบถอนเงินออก เป็นผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐไหลออก

ว่าที่จริงแล้ว การโจมตีค่าเงินบาทที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นยังมีช่องทางที่ห้า คือ
การโจมตีค่าเงินบาทด้วยคนไทยกันเอง กล่าวคือ จะมีคนไทย 2 กลุ่มที่รู้ล่วงหน้าว่า (คนทั้งสองกลุ่มนี้ท่านผู้อ่านคงพอเดาได้ว่ากลุ่มไหน) ธนาคารชาติจะต้องปล่อยให้เงินบาทลอยตัว เนื่องจากทุนสำรองทางการสุทธิที่มีอยู่เหลือน้อยมาก ต้องลอยตัวค่าเงินบาทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงได้นำเงินบาทไปซื้อดอลลาร์ตุนไว้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน 2540 มีตัวเลขยืนยันว่ามีการโจมตีผ่านช่องทางนี้พอสมควร (อ่านเพิ่มเติมในรายงานของ ศปร.)                      

ผลจากการโจมตีเงินบาทในช่วงตั่งแต่ปลายปี 2539 ถึงต้นปี 2540 ทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่จำนวน 38,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปลายปี 2539 เหลือสุทธิเพียง 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ประเทศไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540

ทั้งหมดที่เล่ามา เป็นเหตุการณ์โจมตีค่าเงินบาทที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา
สำหรับวิธีการเก็งกำไรค่าเงินบาทที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ เกิดขึ้นจากนักเก็งกำไรค่าเงิน (ส่วนใหญ่เป็นธนาคารพาณิชย์ต่างชาติ) นำเงินดอลลาร์สหรัฐไปซื้อเงินบาทในตลาดนอกประเทศ แล้วนำมาให้ธนาคารพาณิชย์ทั้งไทยและเทศที่อยู่ในประเทศกู้ยืม การทำเช่นนี้จะได้ผลประโยชน์สองทาง
ทางแรกจะได้ผลต่างของดอกเบี้ย (ดอกเบี้ยเงินบาทสูงกว่าดอกเบี้ยดอลลาร์สหรัฐ) และทางที่สองมุ่งหวังว่าค่าเงิน

มีข้อสังเกตที่สำคัญประการหนึ่งของการโจมตีค่าเงินบาทและการเก็งกำไรค่าเงิน ดังที่เล่ามาส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากตลาดเงินบาทในตลาดต่างประเทศ
ถ้าตลาดนี้มีขนาดใหญ่มากเท่าใด จะทำให้ธนาคารชาติบริหารนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปอย่างลำบาก และเป็นช่องทางที่ทำให้นักเก็งกาํไรโจมตีหรือเก็งกำไรค่าเงินบาทได้ โดยปกติแิล้วประเทศต่า่งๆ มักจะควบคุมไม่ให้เงินของตัวเองออกไปเผ่นพล่านนอกประเทศมากเกินไป โดยเฉพาะประเทศที่มีขนาดเล็ก ครั้งหนึ่งจำได้ว่า ประเทศไทยมีนโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า พร้อมกับประกาศว่าจะให้เงินบาทเป็นเงินสกุลในภูมิภาคอินโดจีนเพื่อรองรับและกระตุ้นการค้าในภูมิภาค รวมทั้งมีนโยบายผ่อนปรนการปริวรรตเงินตรา อันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการเปิดเสรีทางการเงิน นับเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายตัวตลาดเงินบาทนอกประเทศ
และเมื่อเร็ว ๆ นี้เช่นกัน นายกทักษิณ ประกาศว่าต้องการให้เงินบาทเป็นเงินสกุลที่อ้างอิงในการค้าแถบภูมิภาค ซึ่งหมายความว่าโอกาสที่จะปล่อยให้เงินบาทออกนอกประเทศจะมีมาก (ท่านนายกได้กล่าวชวนให้สิงคโปร์ใช้เงินดอลลาร์สิงคโปร์เข้าร่วมด้วย / หมายเหตุ ปัจจุบันประเทศสิงคโปร์ก็มีการควบคุมเงินตราของตัวเองไม่ให้ออกไปนอกประเทศมากเกินไป) ไม่ทราบว่านโยบายนี้ท่านนายกเอาจริงหรือว่าเป็นเพียงแสดงวิชั่น แต่ผมคาดว่าน่าจะเป็นเหตุผลประการหลังมากกว่า เพราะถ้าเอาจริง ธนาคารชาติคงต้องปวดหัวแน่ ๆ บาทจะเพิ่มค่ามากกว่าปกติ (ตั่งแต่ต้นปีค่าเงินบาทมีแนวโน้มเพิ่มค่า)
และการที่นักเก็งกำไรขายบาทซื้อดอลลาร์สหรัฐในตลาดต่างประเทศจะมีแรงกดดันทำให้ค่าเงินบาทในตลาดต่างประเทศแข็งค่า ซึ่งจะมีผลผลักดันและผลทางจิตวิทยาหวังทำให้ค่าเงินบาทในประเทศแข็งค่าตามไปด้วย เมื่อค่าเงินบาทแข็งค่า นักเก็งกำไรต่างประเทศก็จะได้กำไรอีกต่อ คือเมื่อแปลงเงินบาทที่ซื้อมาช่วงแรกกลับไปเป็นดอลลาร์

บทความโดย รศ. ดร. ถวิล นิลใบ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 29

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 3

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

และการที่นักเก็งกำไรขายบาทซื้อดอลลาร์สหรัฐในตลาดต่างประเทศจะมีแรงกดดันทำให้ค่าเงินบาทในตลาดต่างประเทศแข็งค่า ซึ่งจะมีผลผลักดันและผลทางจิตวิทยาหวังทำให้ค่าเงินบาทในประเทศแข็งค่าตามไปด้วย เมื่อค่าเงินบาทแข็งค่า นักเก็งกำไรต่างประเทศก็จะได้กำไรอีกต่อ คือเมื่อแปลงเงินบาทที่ซื้อมาช่วงแรกกลับไปเป็นดอลลาร์ 
อ่านแล้วตรงนี้น่าจะแก้หน่อยน๊า

และการที่นักเก็งกำไรซื้อบาทขายดอลลาร์สหรัฐในตลาดต่างประเทศจะมีแรงกดดันทำให้ค่าเงินบาทในตลาดต่างประเทศแข็งค่า ซึ่งจะมีผลผลักดันและผลทางจิตวิทยาหวังทำให้ค่าเงินบาทในประเทศแข็งค่าตามไปด้วย เมื่อค่าเงินบาทแข็งค่า นักเก็งกำไรต่างประเทศก็จะได้กำไรอีกต่อ คือเมื่อแปลงเงินบาทที่ซื้อมาช่วงแรกกลับไปเป็นดอลลาร์
wattae
Verified User
โพสต์: 554
ผู้ติดตาม: 0

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมล่ะกลัวว่าปีนี้จะโดนเล่นค่าเงินอีก เพราะในสิงคโปร์มีเงินบาท ประมาณ สองแสนล้านบาท(ถ้าจำไม่ผิด) ถ้าเค้าเริ่มเมื่อไหร่เงินพวกนี้ก็จะไหลมาในไทย แล้วอย่าลืมว่าแบงค์ขาดทุนจากการนำเงินบาทไปแทรกแซงหมดไปเยอะมาก แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมยังแข็งต่อเนื่องไปอีก แบงค์ชาติอาจจะมีมาตรการที่เหนือความคาดหมายออกมาอีกรอบก็ได้นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1295
ผู้ติดตาม: 6

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 5

โพสต์

:idea:  แหะ แหะ ถ้าเชิญลุงจิ๋วมาเป็นนายกอีกครั้ง...
ค่าเงินก็อ่อนเองแหละ ปี 40 เคยอ่อน แล้วปี 50 จะอ่อนอีกไม่ได้หรือ
ล้อเล่นนะครับ :wink:
teetotal
Verified User
โพสต์: 1667
ผู้ติดตาม: 0

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เห็นข่าวว่า จะออกพันธบัตรระดมเงินบาท
ไปแลกเป็น ดอลล่าห์
แล้วไปลงทุนฝาก กินดอกใน USA
อ่านจาก นสพ กรุงเทพธุรกิจ
ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดครับ
คงไม่มีใคร หาเงินมากมาย ไว้ยัดใส่โลงศพตัวเอง
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
Boring Stock Lover
Verified User
โพสต์: 1301
ผู้ติดตาม: 0

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ปัญหาหนึ่งก็คือ เงินหยวน ที่ไม่ยอมแข็งค่าขึ้น ทำให้เงินบาทต้องรับบทเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ เพราะฝรั่งมีตัวเลือกจำกัด แล้วด้วยเหตุบางอย่าง ทุกคนมาเลือกให้เงินบาทเป็นตัวแทนสกุลเงินในภูมิภาค

เคยฟังจาก cnbc หลายเดือนก่อน
ภาพประจำตัวสมาชิก
path2544
Verified User
โพสต์: 543
ผู้ติดตาม: 0

คิดดีๆๆ..

โพสต์ที่ 8

โพสต์

คิดให้ดีๆ นะครับ ครั้งนี้มันกลับด้านกับของ ปี 40 นะครับ

ครั้งนี้เราพยุงบาทไม่ให้แข็ง

แต่ ปี 40

เราพยุงบาทไม่ให้อ่อน

ผมว่ามันต่างกันนะ ครั้งนี้โอกาสที่เราจะล้มมีอย่างเดียว อเมริกา มันพัง
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
JaneJune
Verified User
โพสต์: 101
ผู้ติดตาม: 0

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เหตุผลบางอย่างคืออะไรคะ
Boring Stock Lover
Verified User
โพสต์: 1301
ผู้ติดตาม: 0

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ไม่ทราบครับ อาจเป็นเรื่องความยากง่ายในการดำเนินธุรกรรม หรือกฏระเบียบบางอย่างของไทยที่ง่ายกว่าที่อื่น ในรายการไมได้พูดถึง
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 9

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 11

โพสต์

Boring Stock Lover เขียน:ปัญหาหนึ่งก็คือ เงินหยวน ที่ไม่ยอมแข็งค่าขึ้น ทำให้เงินบาทต้องรับบทเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ เพราะฝรั่งมีตัวเลือกจำกัด แล้วด้วยเหตุบางอย่าง ทุกคนมาเลือกให้เงินบาทเป็นตัวแทนสกุลเงินในภูมิภาค

เคยฟังจาก cnbc หลายเดือนก่อน
เพราะฝรั่ง manipulate เงินบาทได้ง่ายกว่า เนื่องจากเป็นระบบเงินเสรี เข้าออกสะดวก หน้าตักน้อย เงินเข้าออกไม่เท่าไหร่ ก็ทำให้ค่าเงินเปลี่ยนแปลงได้มาก

เงินหยวน มีการควบคุมการเคลื่อนย้ายโดยทางการจีน ทำให้ฝรั่งซื้อสะสมได้ยาก แถมการที่พวก Hedge Fund จะโจมตีค่าเงินหยวน เหมือนเทน้ำเปล่าในแก้ว ลงในทะเล แล้วหวังจะให้มันเค็มน้อยลง

ยากสส์ ครับ ทุนสำรองของจีนมี 1.3 ล้านล้านเหรียญ เอาทรัพย์สินทั้ง Citi + Goldman Sachs + Merrill Lynch มาเทกองรวมกัน ไม่รู้จะสู้ได้หรือเปล่า

หรือถ้าเกิดหน้ามืด ทำขึ้นมาจริง ๆ คมดาบมันจะย้อนคืนตัว เพราะจีนเป็น "เจ้าหนี้" รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ (ถือพันธบัตรรัฐบาลเมกามากที่สุด) แค่เขาขายทิ้งตูมเดียวเพื่อมาสู้กับกองทุนซัก 10%

ระบบเศรษฐกิจสหรัฐก็พินาศแล้ว
econometrica
Verified User
โพสต์: 375
ผู้ติดตาม: 1

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ต้องขอความช่วยเหลือจากภูมิภาคครับ รวมทั้งจีนด้วย เช่นมีการออกนโยบายช่วยเหลือฉับพลัน ต้องบอกไว้ว่า คราวนี้ล้ม ก็ล้มเหมือนกันหมดนะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 46

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 13

โพสต์

คราวที่แล้ว  เงินบาทอ่อน  ประเทศเราก็แย่  เสียเงินเสียทองไปปกป้องเงินบาทจนต้องเปิดท้ายขายของ(บางคนขายเมีย)เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

คราวนี้เงินบาทแข็ง  ประเทศเราก็แย่อีก  เสียเงินเสียทองไปสองแสนกว่าล้าน  สร้างสนามบินสุวรรณภูมิได้อีกหลายแห่งเลยนะนั่น

ทำไมมันแย่ทั้งขึ้นทั้งล่องหนอ  

ทำไมไม่เคยมีโอกาสเลย  มีแต่วิกฤติ

ไม่มีวิธีแก้ให้มันดีทั้งขึ้นทั้งล่องบ้างหรือครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
worapong
Verified User
โพสต์: 929
ผู้ติดตาม: 2

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ที่จริงมันก็พอจะมีข้อดีอยู่บ้างนะครับ แต่เราไม่ได้เอามาพูดเพราะคงไม่จำเป็นต้องไปแก้ข้อดี ข้อดีที่พอจะมีอยู่บ้างเช่น

บริษัทที่มีหนี้เป็นดอลลาร์ก็เหมือนได้ลดหนี้ลง ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้พยายามแปลงหนี้กลับเป็นสกุลบาท ถ้าทำไม่ได้ทั้งหมด ทำบางส่วนก็ยังดี

คนที่ต้องนำเข้า วัตถุดิบ เครื่องจักรอะไรพวกนี้ ก็น่าจะซื้อได้ถูกลง ช่วงนี้ ควรถือเป็นช่วงช็อปปิ้ง เพราะเหมือนเราเจอเทศกาลลดกระหน่ำสินค้าต่างประเทศ

พวกห้างต่างๆ ก็คงจะมีทางเลือกมากขึ้น เช่นถ้าเปรียบเทียบแล้ว สินค้านำเข้าถูกลง ก็อาจเปลี่ยนจากสินค้าในประเทศ มาเป็นนำเข้า กำไรก็ดีขึ้น

บริษัทที่มีการไปลงทุนในต่างประเทศก็จะได้ลงทุนด้วยต้นทุนที่ถูกลงด้วย

สุดท้ายแล้วพวกบริษัทส่งออกหลายรายขายไม่ออก เราก็จะเกินดุลน้อยลง เงินมันก็น่าจะอ่อนลงได้นะครับ คิดแบบง่ายๆนะครับ
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
ภาพประจำตัวสมาชิก
NinjaTurtle
Verified User
โพสต์: 506
ผู้ติดตาม: 0

วิธีการโจมตีค่าเงินบาท

โพสต์ที่ 15

โพสต์

worapong เขียน:ที่จริงมันก็พอจะมีข้อดีอยู่บ้างนะครับ แต่เราไม่ได้เอามาพูดเพราะคงไม่จำเป็นต้องไปแก้ข้อดี ข้อดีที่พอจะมีอยู่บ้างเช่น

บริษัทที่มีหนี้เป็นดอลลาร์ก็เหมือนได้ลดหนี้ลง ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้พยายามแปลงหนี้กลับเป็นสกุลบาท ถ้าทำไม่ได้ทั้งหมด ทำบางส่วนก็ยังดี

คนที่ต้องนำเข้า วัตถุดิบ เครื่องจักรอะไรพวกนี้ ก็น่าจะซื้อได้ถูกลง ช่วงนี้ ควรถือเป็นช่วงช็อปปิ้ง เพราะเหมือนเราเจอเทศกาลลดกระหน่ำสินค้าต่างประเทศ

พวกห้างต่างๆ ก็คงจะมีทางเลือกมากขึ้น เช่นถ้าเปรียบเทียบแล้ว สินค้านำเข้าถูกลง ก็อาจเปลี่ยนจากสินค้าในประเทศ มาเป็นนำเข้า กำไรก็ดีขึ้น

บริษัทที่มีการไปลงทุนในต่างประเทศก็จะได้ลงทุนด้วยต้นทุนที่ถูกลงด้วย

สุดท้ายแล้วพวกบริษัทส่งออกหลายรายขายไม่ออก เราก็จะเกินดุลน้อยลง เงินมันก็น่าจะอ่อนลงได้นะครับ คิดแบบง่ายๆนะครับ
ผมเห็นด้วย กับความคิดคุณ worapong จริงๆนะ เราฝืนค่าเงินเราไม่ได้หรอกหรืออยากจะกลับไปเจ๊งอีก

ผู้ส่งออกเราต้องปรับตัวแล้วครับ สร้างมูลค่าสินค้าเพิ่มได้แล้ว
โพสต์โพสต์