ตกลง PER บ้านเราตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
cryptonian_man
Verified User
โพสต์: 585
ผู้ติดตาม: 0

ตกลง PER บ้านเราตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เสนอแนะรัฐบาลเร่งออกมาตรการ ช่วยเหลือส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท เพราะเป็นเครื่องยนต์ตัวสุดท้ายที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจขณะนี้ และยังแนะรัฐบาลต้องเร่งมือการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อฟื้นความมั่นใจด้านการลงทุน
     
      วันนี้(15 ก.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งร่วมงานปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงปัญหาเงินบาทแข็งค่าที่กระทบการส่งออกในขณะนี้ว่า ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งออกมาตรการโดยเร็ว เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก โดยสถาบันการเงินที่สำคัญ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ควรมีมาตรการลดภาระต้นทุนทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญช่วยให้ผู้ประกอบการไทย เดินหน้าต่อไปได้
     
      นายสมคิด กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ต้องให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการดังกล่าว เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปัญหาการเมืองส่งผลกระทบในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวอื่น เช่น การลงทุนที่ชะลอตัวออกไป โดยผู้ลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างรอดูความชัดเจนทางการเมือง ส่งผลให้การนำเข้าลดลง จนมีผลต่อการเกินดุลการค้า รวมถึงการบริโภคในประเทศลดลงจากความเชื่อมั่นที่ถดถอย การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐขณะนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น การท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง ซึ่งทั้งหมดเคยเป็นเครื่องยนต์ที่เคยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงเหลือเพียงการส่งออกเท่านั้น ที่ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดี
     
      เมื่อเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอื่น ๆ หยุดทำงานไป หากภาครัฐรอให้การส่งออกชะลอตัวในครึ่งปีหลังอีก เพื่อหวังลดแรงกดดันต่อการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ที่กดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ประเทศจะนำรายได้มาจากไหน นายสมคิด กล่าว
     
      อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจระบุว่า ปัญหาการแข่งขันของการค้าโลก หลายคนสงสัยว่าผู้ส่งออกขาดทุนจริงหรือไม่จากปัจจัยค่าเงินบาท เมื่อขาดทุนแล้วทำไมยังต้องทำต่อ ในส่วนนี้อยากให้เข้าใจว่า ที่ผู้ส่งออกยังต้องดำเนินการต่อ เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้ เพราะหากผู้ซื้อสินค้าในต่างประเทศหันไปซื้อสินค้าจากประเทศอื่น ไทยจะสูญเสียตลาดไป และคงยากที่จะได้กลับมา นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งฟื้นความมั่นใจการลงทุน จากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการออกมาตรการจูงใจให้มากขึ้น รวมถึงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งรัฐบาลต้องส่งสัญญาณว่าจะดำเนินการทันที โดยไม่ต้องรอรัฐบาลใหม่ เพราะหลังจากมีการเลือกตั้ง คงต้องใช้เวลาอีกระยะให้รัฐบาลใหม่รับไม้ต่อและเรียนรู้งาน
     
      ส่วนการแข็งค่าของเงินบาท นายสมคิด กล่าวว่า ส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไรในตลาดหุ้น การไหลเข้าของเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังมีสัดส่วนค่าพีอีเรโชต่ำ เมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ โดยพีอีของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคที่มีมากกว่าร้อยละ 10 ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังดีอยู่ นักลงทุนต่างชาติจึงมองว่า หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น และปัญหาทางการเมืองได้ข้อยุติ ตลาดหุ้นก็จะปรับตัวสูงขึ้น สามารถทำกำไรได้มาก




จากที่นี่อ่ะครับ
http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000082517

คุ้นๆ ว่า คุณ RYUGA เคยบอกไว้ว่าตอนนี้ตลาดบ้านเรา PER ประมาณ 16 เท่าแล้ว แต่วันนี้ไปเห็น ดร.สมคิด พูดไว้ว่า บ้านเราประมาณ 8 เท่า เพื่อนบ้านมากกว่า 10 เท่า
เลยกะไม่ถูกเลยว่าบ้านเราแพงไปแล้วหรือยัง
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
cryptonian_man
Verified User
โพสต์: 585
ผู้ติดตาม: 0

ตกลง PER บ้านเราตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อีกอันก้อบอกไม่เท่ากัน


ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นจากราคาหุ้นถูกไม่หวังเก็งกำไรเงินบาท แต่ยอมรับเป็นอีกช่องทางที่สามารถทำได้ "วิเชฐ" เผยจากหารือกับนักธุรกิจมองหากยกเลิกมาตรการ 30% หันเก็บภาษีนำเงินออก เป็นแนวทางที่ดีในการรักษาเสถียรภาพค่าเงิน เตรียมประสานงานสภาอุตฯ-แบงก์หาช่องทางช่วยเหลือบจ.ส่งออกได้รับผลกระทบบาทแข็ง
     
      นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เม็ดเงินต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพื่อหวังเก็งกำไรค่าเงินบาทมีน้อยมาก แต่ส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนเกิดจากตลาดหุ้นไทยมีราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ประกอบกับเม็ดเงินลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นจีนย้ายเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้มากขึ้นจากการมาตรการลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของจีน
     
      ขณะเดียวกัน ยังได้ประโยชน์จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกไปโรดโชว์ทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุน โดยการพิจารณาเปรียบเทียบราคาหุ้นกับตลาดหุ้นอื่น ซึ่งเม็ดเงินลงทุนของต่างชาตินั้นจะมีการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะยาวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับราคาหุ้น ว่าค่า P/E ของไทยเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค
     
      สำหรับปัจจุบัน P/E ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 12-13 เท่า ถือว่ายังต่ำกว่าตลาดหุ้นสิงคโปร์ที่มีค่า P/E ที่ 17 เท่า ตลาดหุ้นมาเลเซียอยู่ที่ 17 เท่า นั้นถือว่าตลาดหุ้นไทยยังมีค่า P/E ที่ต่ำประมาณ 3 เท่า จึงทำให้เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนในต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนได้เพิ่มอีก แต่จะมีการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานอยู่
     
      อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาทได้ แต่จากที่ได้มีการหารือกับนักธุรกิจนั้น มองว่าหากมีการยกเลิกมาตรการ 30% เพื่อให้เม็ดเงินที่ไหลเข้ามาสมารถที่จะกระจายการลงทุนไปตลาดอื่นๆไม่กระจุกตัว แล้วไปเก็บภาษีในช่วงที่นำเงินออก จะได้ผลดีกว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะไม่มีมาตรการอะไรออกมาแล้วมีผลกระทบรุนแรงเหมือนกับมาตรการ 30% ที่จะมีผลกระทบกับการลงทุน
     
      นายวิเชฐ กล่าวว่า จากค่าเงินบาทที่มีการแข็งค่าขึ้นนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความห่วงบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้ส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลดอลลาร์แต่มีต้นทุนทั้งหมดเป็นเงินบาท ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น ธุรกิจสิ่งทอ แปรรูป สินค้าเกษตร แต่บริษัทจดทะเบียนดังกล่าวไม่มาก ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นคนกลางประสานงานร่วมกับสภาอุตสาหกรรม และธนาคารพาณิชย์ ในฐานะที่เป็นผู้ปล่อยกู้ให้กับบริษัทดังกล่าว ว่าควรที่จะมีการให้สัญญาณเตือนเรื่องค่าเงินกับผู้ประกอบการในช่วง 6-8 เดือน เพื่อให้ผู้ประกอบการมีการเตรียมปรับตัวหรือจะต้องคุยกับแบงก์ในการการป้องกันค่าเงิน รวมถึงอาจจะต้องมีการพักเงินไว้ก่อน
     
      "ตลาดหลักทรัพย์ห่วงบจ.ขนาดกลางและเล็กที่มีรายได้เกือบทั้งหมดมาจากการส่งออก แต่มีต้นทุนด้านวัตถุดิบเป็นเงินบาท ที่จะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาที่แข็งค่าขึ้น จากที่ปรับตัวไม่ทัน แต่บริษัทขนาดใหญ่นั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ห่วงมาก เพราะจะมีสัดส่วนรายได้ในประเทศต่างประเทศใกล้เคียงกันและบริษัทกล่าวมีการป้องกันค่าเงินไว้แล้ว ซึ่งการที่จะช่วยบริษัทที่ได้รับผลกระทบนั้นตลาดจะช่วยในเรื่องการประสานงานไปยังหน่วยงานเกี่ยวกัน เช่น สภาอุตสาหกรรมและแบงก์ที่เป็นผู้ปล่อยกู้ให้มีการส่งสัญญาณเตือน หรือมีการพักเงินไว้ก่อน" นายวิเชฐ กล่าว

จากที่นี่ครับ
http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000082139
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 32

ตกลง PER บ้านเราตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เบื่อข้อมูลเมืองไทย
fantasia
Verified User
โพสต์: 674
ผู้ติดตาม: 0

ตกลง PER บ้านเราตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ประมาณ 12-13 เท่าตามวิธีการคำนวณของตลท.
ดร.สมคิด (ถ้าพูดจริง) คงเขียนบทพูดไว้ตั้งแต่สมัยยังเป็นรมต.คลังมั้ง
แต่พอดีเพิ่มมีคนมาเชิญไปพูดข้อมูลมันเลยเก่าไปหน่อย
ภาพประจำตัวสมาชิก
cryptonian_man
Verified User
โพสต์: 585
ผู้ติดตาม: 0

ตกลง PER บ้านเราตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

แฮะๆ อาจเป็นได้ว่าแกลืมไปว่ามีเงินไหลเข้ามาจน P ตอนนี้มันสูงไปสุดๆ แล้วก้อได้นะครับ
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 2

ตกลง PER บ้านเราตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เห็นว่าพาดพิงผม ขออธิบายหน่อยละกันครับ :mrgreen:

เรื่อง P/E ตลาดที่ผมเอามาโม้นั้น มีข้อรายละเอียดปลีกย่อย / ข้อยกเว้นต่างๆ มากทีเดียว ซึ่งผมขี้เกียจอธิบายเหมือนกัน แต่ยังไงก็มีความสบายใจที่ใช้ค่าตัวเลขเหล่านี้ประกอบการคิด/ตัดสินใจของตนเอง พูดตรงๆ คือผมไม่เชื่อถือตัวเลข P/E ตลาดที่เขาประกาศโดยทั่วไปซึ่งเลือกเอาเฉพาะบริษัทที่มีกำไรมาคิด

หลายบริษัทอาจมีผลประกอบการผันผวน ตอนมีกำไรก็มี P/E ต่ำๆ แค่ 3-4 เท่า เพราะนักลงทุนไม่เชื่อมั่น ผ่านไปแป๊บเดียวก็ขาดทุนอีกแล้ว แต่นั่นเป็นโอกาสของการคิด P/E ตลาดแบบทั่วไปที่จะหยิบเอาบริษัทนี้มาคำนวณตอนที่เขามี P/E แค่ 3-4 เท่า แต่บทเขาขาดทุนเมื่อไหร่ก็ตัดหางปล่อยวัด

ตัวเลขที่ผมกล่าวเป็น P/E ของตลาดทุนรวม (หมายถึงทั้ง SET และ MAI รวมกัน :mrgreen: ) ลำพังแค่ 30,000 ล้าน ของ MAI ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรนักกับ 6.7 ล้านล้าน ของ SET แต่กระนั้นก็ขอความกรุณาว่าอย่าได้นำไปอ้างอิงที่ไหนนะครับ (เพราะไม่มีที่ไหนเค้าคิดกันแบบนี้ :lol: ) ถือว่าเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้เป็นสาระอะไรมากนัก

ตอนปิดตลาดศุกร์ที่แล้ว P/E ที่ผมเห็น คือ 15.79 เท่า แต่เมื่อรวมผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ที่ออกมาปรากฏว่า P/E สิ้นวันพุ่งขึ้นไปที่ 16.49 เท่า ทันทีเนื่องจากการต้องตั้งสำรองของหลายๆ แบงก์ โดยเฉพาะ TMB ที่มีผลขาดทุนพุ่งไปมากกว่า 21,000 ล้าน ลำพังเพียงแต่ตัด TMB ออกเจ้าเดียว P/E ตลาดตามที่ผมคิดจะลดลงไปถึง 0.95 เท่า

นับจากปัจจุบันกาลนี้ มี 119 หลักทรัพย์ ที่มีผลประกอบการรวม 4 ไตรมาสย้อนหลังขาดทุน หลักทรัพย์ทั้งหมดนี้ ไม่ได้ถูกรวมในการคิด P/E ที่เห็นกันทั่วไป กล่าวอีกแง่หนึ่งคือ ที่เขาชอบบอกว่า P/E บ้านเรามันต่ำเหลือเกิน ต่ำจริงๆ นั้น เป็นการคิดเสมือนหนึ่งว่า 119 หลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งหมดนี้ ไม่ได้ถูกซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ MAI  หากนำผลขาดทุนของแต่ละเจ้ามาเรียงกัน TMB เจ้าเดียว มีผลประกอบการขาดทุนมากกว่า ผลรวมการขาดทุนของ 106 หลักทรัพย์นับจากข้างล่างขึ้นมาเสียอีก

หลายท่านอาจมองว่าขาดทุนของพวกแบงก์เป็นเรื่องชั่วคราวแต่ผมมองว่ามันเป็นขาดทุนปกติซึ่งควรตั้งสำรองอย่างสม่ำเสมออยู่แล้วเพียงแต่เขาอั้นกันไว้ด้วยความที่มีวินัยต่ำ ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นมากๆ ในคราวเดียวก็เพราะมันไม่ได้ทยอยสำรองแต่แรก สำหรับพวกแบงก์ผลยอมรับนับถือแค่ KBANK กับ BBL เท่านั้น เจ้าอื่นไม่ชอบเลย อย่าง BAY นั้นก็พยายามเหลือเกินในการสำแดงความ growth ของตัวเองด้วยการปล่อยสินเชื่อแบบบะละเฮิ่ม ล่าสุดที่ขาดทุนไป 8,800 ล้านนั้น ก็เพราะของจริงมันปรากฏ

วันนี้ TPC กำไรร่วง ผมป้อนตัวเลขใหม่เข้าไปแล้ว P/E สิ้นวัน วันนี้ = 17.06 เท่า ครับ

หมายเหตุ : อย่าไปอ้างอิงที่ไหนนะครับ เล่าสู่กันฟังเฉยๆ  :mrgreen:
GTA
Verified User
โพสต์: 170
ผู้ติดตาม: 0

ตกลง PER บ้านเราตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

แล้วประเทศอื่นคิด p/e กันยังไงครับ รวมหรือไม่รวมบริษัทที่ขาดทุน ถ้าเหมือนที่อื่นก็คงไม่มีปัญหา
ภาพประจำตัวสมาชิก
cryptonian_man
Verified User
โพสต์: 585
ผู้ติดตาม: 0

ตกลง PER บ้านเราตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

[quote="Ryuga"]ตัวเลขที่ผมกล่าวเป็น P/E ของตลาดทุนรวม (หมายถึงทั้ง SET และ MAI รวมกัน :mrgreen: ) ลำพังแค่ 30,000 ล้าน ของ MAI ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรนักกับ 6.7 ล้านล้าน ของ SET แต่กระนั้นก็ขอความกรุณาว่าอย่าได้นำไปอ้างอิงที่ไหนนะครับ (เพราะไม่มีที่ไหนเค้าคิดกันแบบนี้ :lol: ) ถือว่าเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้เป็นสาระอะไรมากนัก


หมายเหตุ : อย่าไปอ้างอิงที่ไหนนะครับ เล่าสู่กันฟังเฉยๆ
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
ม้าเฉียว
Verified User
โพสต์: 350
ผู้ติดตาม: 0

ตกลง PER บ้านเราตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

อื่มม ไม่ได้เข้า thaivi มานาน
พอเข้ามาก็รู้สึกงงๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเค้า

พอจะมีความรู้จากคุณ Ryuga นี่แหละ รู้สึกว่า อื่มม นี่มันอาหารเลิศรสนี่ เคี้ยวเพลินดี บำรุงสุขภาพด้วย

ขอบคุณครับ
โพสต์โพสต์