VI mutant

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 69

VI mutant

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สมมติว่าเราใช้ปัจจัยพื้นฐานเลือกหุ้นที่แข็งแกร่งมาสักตัวนึง ประมาณว่าคิดว่าดีที่สุดในตลาดหุ้นไทย โดยที่หุ้นนี้ต้องเป็นหุ้นที่ราคามีการแกว่งตัวพอสมควร...

จากนั้นก็เลิกสนใจหุ้นตัวอื่น มาตามข่าวหุ้นตัวนี้ตัวเดียวอย่างหนัก

แล้วเราก็หากินด้วยการเทรดหุ้นตัวนี้ไปเรื่อยๆ โดยการเล่นรอบ

เนื่องจากเราตัวนี้ตลอดอย่างหนักเราย่อมรู้ดีกว่าคนทั่วไป เหมือนจะเป็นเจ้ามือกลายๆ

เป็นการผสมผสานระหว่าง VI กับการเป็น เทรดเดอร์ คิดว่าวิธีนี้เป็นงั้ยครับ :?:
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
Capo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1067
ผู้ติดตาม: 1

VI mutant

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมก็จดจดจ้องจ้องวิธีนี้อยู่ครับ
แต่ว่าใจไม่กล้าพอ

ถ้าเป็นลักษณะที่ผมคิด
คือกรณีที่ไม่มีการเติมเงินลงไป (ผมไม่มีตัง)
ก็คงเป็นการ Short Port

ที่คิดเพราะต้องการเอาการขึ้นลงของราคา
มาใช้ไห้เป็นประโยชน์

แต่กังวลอยู่สองกรณีครับในตอนนี้

1. หากขาย (ในจุดที่คิดว่าเป็นจุดสูงสุดของรอบ) แล้วราคามันดันขึ้นซะนิ
เราจะยินดีซื้อคืนเมื่อไหร่ และที่มูลค่าระดับไหน คงต้องใช้วิธีตั้งเกณฑ์เอา
สำหรับกรณีนี้โดยเฉพาะ โดยมีเกณฑ์ 2 ตัวครับ คือวัดจาก % of loss
หรือวัดจาก % ของผลกำไรสะสมที่เคยทำได้จากการ Short ครับ
แต่เกณฑ์หลัง หากขาดทุนบ่อย ๆ เข้า เกณฑ์จะยิ่งบีบให้เราต้องรีบซื้อคืนครับ

2. หากขาย แล้วราคาลงจริง แต่รอเป็นนานสองนานแล้ว
ก็ยังไม่ได้ราคาที่ Cover ค่าคอมฯซะที ตรงกรณีนี้ยังคิดเกณฑ์การซื้อคืนไม่ออกครับ
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ

มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 69

VI mutant

โพสต์ที่ 3

โพสต์

Capo เขียน:
1. หากขาย (ในจุดที่คิดว่าเป็นจุดสูงสุดของรอบ) แล้วราคามันดันขึ้นซะนิ
เราจะยินดีซื้อคืนเมื่อไหร่ และที่มูลค่าระดับไหน คงต้องใช้วิธีตั้งเกณฑ์เอา
สำหรับกรณีนี้โดยเฉพาะ โดยมีเกณฑ์ 2 ตัวครับ คือวัดจาก % of loss
หรือวัดจาก % ของผลกำไรสะสมที่เคยทำได้จากการ Short ครับ
แต่เกณฑ์หลัง หากขาดทุนบ่อย ๆ เข้า เกณฑ์จะยิ่งบีบให้เราต้องรีบซื้อคืนครับ
ข้อนี้ใช้วิธีไม่มีการขายหมดได้มั้ยครับ ยังไงต้องเหลือติดพอร์ตไว้จำนวนหนึ่งเสมอ เพราะยังไงเสียก็คัดสรรมาแล้วว่าเป็นหุ้นดี
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
Capo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1067
ผู้ติดตาม: 1

VI mutant

โพสต์ที่ 4

โพสต์

คิดว่าได้ครับพี่......

ผมไม่ได้คิดเผื่อกรณีนี้ไว้ครับ
เพราะว่าพอร์ทผมมันมินิมดมากครับ  :lol:
เดี๋ยวจะไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของโบรก

หรือว่าจะไปใช้บัญชีแบบ pre-paid ดีแฮะครับ
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ

มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

VI mutant

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สามารถทำได้ครับ แต่ผลตอบแทนจะดีกว่า Buy & Hold รึปล่า
ยังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางครับ

การเล่นแบบพี่สุมาอี้ว่า เป็นเทคนิกที่ใช้ trading systems
เข้ามาช่วยในการ maximize profits ซึ่งมีข้อดีและมีข้อเสีย

วิธีการของคุณเด่นศรี (DSM) ก็นับเป็นแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจ

การใช้ turtle trading มาประยุกต์ ก็ดูแล้วค่อนข้างได้ผลดี

อย่างผมเคยทำกับ BANPU พบว่าถ้าใช้สัญญาณที่ถูกต้อง
สามารถทำกำไรเพิ่มจาก Buy @ Lowest and Hold
เพิ่มขึ้นราวๆ 5-6% ต่อปีทีเดียวครับ

แต่ที่น่าเป็นห่วงเล็กน้อย คือสัญญาณที่ว่า
จะยังใช้ได้ต่อไปในอนาคตหรือไม่...
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

VI mutant

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ปล. ไม่ทันได้ลองทำจริงๆ นะครับ
แต่ลอง backtest กับข้อมูลย้อนหลังน่ะครับ
Capo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1067
ผู้ติดตาม: 1

VI mutant

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ถ้าอย่างนี้
จำเป็นต้องมีวิชา Technical เป็นมีดสั้นประจำกายด้วยฤาเปล่าครับ

หรือว่าอาศัยความคุ้ยเคยกับการเคลื่อนไหวของราคาก็เพียงพอ

ถ้าอาศัยแต่อย่างหลังเพียงอย่างเดียว จะอันตรายไปไหมครับ
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ

มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 69

VI mutant

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ผมว่าต้องอาศัยการติดตามข่าวของบริษัทนั้นอย่างใกล้ชิดด้วย

บางทีช่วงไหนตามข่าวบริษัทหนึ่งอย่างใกล้ชิดมากๆ จะค่อนข้างเข้าใจได้เลยว่าราคาไหนซื้อได้ ราคาไหนซื้อไม่ได้ ราคาไหนวิ่งมาแรงเกินไปในระยะสั้น
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 27

VI mutant

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ผมว่าใช้อะไรก็ได้ครับ แต่ควรจะ consistent เช่น

- ราคา
- ข่าว
- ผลประกอบการ
- ช่วงเวลา (เช่น ขายหลังปันผล ซื้อคืนกันยา)
Belffet
Verified User
โพสต์: 1211
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ผมอยากแชร์แนวทางการ trade แบบนี้เล็กน้อยนะครับ

1. มีหุ้นบางตัวที่อ่อนไหวต่อดัชนีตลาดมากๆ วันใดตลาดปักหัวลงหุ้นประเภทนี้จะลงก่อนเพื่อนอย่างชัดเจน ส่วนวันใดที่ตลาดมีข่าว ดัชนีวิ่งขึ้นติดๆกัน หุ้นพวกนี้ก็จะวิ่งขึ้นก่อนเพื่อนเช่นกัน

2. ลักษณะแบบนี้ทำให้เราคาดการณ์พฤติกรรมของหุ้นโดยอิงกับการดูข่าวดี ข่าวร้าย (ซึ่งบางทีจะมีหรือไม่มีเหตุผลก็ได้)

3. ยามใดที่ดัชนีตกอย่างรุนแรงเป็น 10 จุดขึ้นไป เราเข้าซื้อเต็มตัว

4. หยุดแค่นั้นไม่ต้องติดตามอะไร

5. ยามใดที่เราได้ยินข่าวดี ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นเป็น 10 จุดขึ้นไป หรือปรับขึ้นติดๆกันหลายวัน เราจึงเอาออกมาขาย โดยการขายเราจะมีกำไรที่เราอยากได้ ซึ่งส่วนตัวก็ประมาณ 14%-15%

6. แม้หุ้นประเภทนี้อาจไม่ใช่หุ้นที่เรียกว่าเป็น VI แต่บางตัวก็เป็นหุ้นที่มีคุณภาพดี เป็นผู้นำตลาด และมีปันผลสม่ำเสมอด้วย

7. กลยุทธแบบนี้ต้องอาศัยใจเย็นๆ เข้าให้ถูกจังหวะ เข้าเฉพาะวันที่เราคิดว่า ตลาดวิกฤติจริงๆเท่านั้น เช่นช่วงต้นๆปีที่ลงทีเดียวหลายสิบจุด เพราะต้องจำไว้ว่า "มีถูกแล้วย่อมมีถูกกว่า" ดังนั้นบางปีอาจจะซื้อขายได้แค่ รอบ-สองรอบ เท่านั้น แต่ถ้าใจเย็นพอแล้วเข้ารอบถึงสองรอบต่อปีแบบไม่พลาด นั่นหมายถึงผลตอบแทน 15%-30% ต่อปี ไม่น้อยเลยนะครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับ มีอะไรที่ผมมองข้ามไป หรืออยากแนะนำเพิ่มเติม โปรดชี้แนะด้วยครับ ส่วนตัวผมเล่นแบบนี้มา 3 รอบแล้วครับ ซึ่งก็ได้ผลดีทีเดียว สิ่งเดียวที่น่าหงุดหงิดก็คือ ต้องนั่งเฝ้าคอยดูว่า เมื่อไหร่หุ้นจะตกแบบกราวรูดแบบวิกฤติสุดๆน้อออออ ....
angore
Verified User
โพสต์: 62
ผู้ติดตาม: 0

การแตกพาร์

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ถ้าเรามีหุ้นอยู่ในบริษัทหนึ่ง  1000 หุ้น พาร์ 10 บาท แล้ววันหนึ่งบริษัทก็ประกาศแตกพาร์ 1 บาท ถามว่าจำนวนหุ้นของเราจะเพิ่มหรือเปล่าครับ
ช่วยอธิบายให้ด้วยคับ
Belffet
Verified User
โพสต์: 1211
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 12

โพสต์

เพิ่มครับ

คูณ 10 เข้าไป เพิ่มเป็น 10,000 หุ้น มูลค่ายังคงเท่าเดิม เพราะพาร์เหลือ 1 บาท
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 69

VI mutant

โพสต์ที่ 13

โพสต์

Belffet เขียน:ผมอยากแชร์แนวทางการ trade แบบนี้เล็กน้อยนะครับ

1. มีหุ้นบางตัวที่อ่อนไหวต่อดัชนีตลาดมากๆ วันใดตลาดปักหัวลงหุ้นประเภทนี้จะลงก่อนเพื่อนอย่างชัดเจน ส่วนวันใดที่ตลาดมีข่าว ดัชนีวิ่งขึ้นติดๆกัน หุ้นพวกนี้ก็จะวิ่งขึ้นก่อนเพื่อนเช่นกัน

2. ลักษณะแบบนี้ทำให้เราคาดการณ์พฤติกรรมของหุ้นโดยอิงกับการดูข่าวดี ข่าวร้าย (ซึ่งบางทีจะมีหรือไม่มีเหตุผลก็ได้)

3. ยามใดที่ดัชนีตกอย่างรุนแรงเป็น 10 จุดขึ้นไป เราเข้าซื้อเต็มตัว

4. หยุดแค่นั้นไม่ต้องติดตามอะไร

5. ยามใดที่เราได้ยินข่าวดี ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นเป็น 10 จุดขึ้นไป หรือปรับขึ้นติดๆกันหลายวัน เราจึงเอาออกมาขาย โดยการขายเราจะมีกำไรที่เราอยากได้ ซึ่งส่วนตัวก็ประมาณ 14%-15%

6. แม้หุ้นประเภทนี้อาจไม่ใช่หุ้นที่เรียกว่าเป็น VI แต่บางตัวก็เป็นหุ้นที่มีคุณภาพดี เป็นผู้นำตลาด และมีปันผลสม่ำเสมอด้วย

7. กลยุทธแบบนี้ต้องอาศัยใจเย็นๆ เข้าให้ถูกจังหวะ เข้าเฉพาะวันที่เราคิดว่า ตลาดวิกฤติจริงๆเท่านั้น เช่นช่วงต้นๆปีที่ลงทีเดียวหลายสิบจุด เพราะต้องจำไว้ว่า "มีถูกแล้วย่อมมีถูกกว่า" ดังนั้นบางปีอาจจะซื้อขายได้แค่ รอบ-สองรอบ เท่านั้น แต่ถ้าใจเย็นพอแล้วเข้ารอบถึงสองรอบต่อปีแบบไม่พลาด นั่นหมายถึงผลตอบแทน 15%-30% ต่อปี ไม่น้อยเลยนะครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับ มีอะไรที่ผมมองข้ามไป หรืออยากแนะนำเพิ่มเติม โปรดชี้แนะด้วยครับ ส่วนตัวผมเล่นแบบนี้มา 3 รอบแล้วครับ ซึ่งก็ได้ผลดีทีเดียว สิ่งเดียวที่น่าหงุดหงิดก็คือ ต้องนั่งเฝ้าคอยดูว่า เมื่อไหร่หุ้นจะตกแบบกราวรูดแบบวิกฤติสุดๆน้อออออ ....

น่าสนใจครับ ควรเป็นบริษัทที่เราแน่ใจว่ากำไรเขาน่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว และโอกาสในการล้มละลายมีน้อย
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
tattoo_thai
Verified User
โพสต์: 291
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 14

โพสต์

- ช่วงเวลา (เช่น ขายหลังปันผล ซื้อคืนกันยา)
ทำไมต้องซื้อขายช่วงนี้ด้วยละครับ หรือว่ามีสถิติว่าการซื้อขายช่วงนี้ดีที่สุด น่าสนใจครับ
takechi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 183
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ผมว่าพี่สุมาอี้ สามารถทำกำไรได้ แน่นอนถ้าพี่
รู้ข่าวบริษัท แต่ผมว่าอาจจะต้องเหนื่อยนิดหน่อย เพราะต้องตามตลอดเวลาครับ...
cwiboon
Verified User
โพสต์: 171
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ถ้าเป็นกรณีที่ราคาขึ้นไปสูงมาก ตอนที่เราขายออกไปแล้วล่ะครับ  พอเก็บกลับไม่ได้ก็เล่นรอบไม่ได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
energizer
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 505
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 17

โพสต์

เคยลองแล้วครับพี่ เครียดมากๆเลย เครียดกว่าเล่นหุ้น ITV อีกอะ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
bmw2681
Verified User
โพสต์: 710
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ผมว่า วิธีนี้ไม่เวิร์คน่ะครับ เคยลองทำแล้ว โอกาสเสียหุ้นเยอะมาก ค่อยๆสะสมเงิน แล้วซื้อเพิ่มในหุ้นที่มั่นใจ ดีกว่ามั้งครับ
Every passing minute is a chance to turn it all around
http://bmw2681.wordpress.com
Dech
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 5016
ผู้ติดตาม: 145

VI mutant

โพสต์ที่ 19

โพสต์

เข้ามาอ่านครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
Belffet
Verified User
โพสต์: 1211
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ตอบ คุณ cwiboon (ถ้าถามถึงผมนะครับ)

อย่างที่เรียนว่าหุ้นพวกนี้ เวลามีข่าวดีก็วิ่งทันใจ เวลาข่าวร้ายก็กระอักเหมือนกัน

กรณีที่คุณ cwiboon พูดจึงเป็นกรณีที่เรา "ขายหมู" นั่นเอง ซึ่งผมว่าโอเคนะครับ ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ นั่นเพราะตอนเราขายนั้นเราขายที่ระดับราคาที่เราคาดหมายไว้แล้วคือราว 15% ซึ่งผมเชื่อว่าสามารถขายตอนราคาสูงที่สุดได้ตลอด ขอเพียงราคาที่เราขายนั้นเป็นราคาที่เราโอเคกับผลตอบแทนก็พอครับ

หลังจากนั้น เมื่อเราถือเงินสด ก็ไม่ต้องไปสนใจราคาหุ้นแล้วล่ะครับ ฟุ้งซ่านเปล่าๆ เอาเวลาไปจับตาดูดัชนี ดูข่าวร้ายของตลาดที่มักจะเกิดขึ้นเสมอๆ ยามใดที่ดัชนีตกแบบกราวรูด 10-20 จุด ก็ค่อยเข้าซื้อใหม่ครับ

นอกนั้นก็เป็นเทคนิคส่วนตัวครับ เพราะว่า "มีถูกแล้ว ย่อมมีถูกกว่า" เวลาเข้าก็ขอให้แน่ใจจริงๆนะครับว่าช่วงนั้นตลาดย่ำแย่จริงๆ ตกจนไม่น่าจะตกกว่านี้แล้ว (ถึงแม้เรา็คงไปเข้าซื้อตอนมันตกต่ำที่สุดไม่ได้ทุกครั้งเช่นกันก็ตาม)

หรือจะใช้ DSM ผสมเข้าไปด้วยก็คงได้นะครับ แต่ผมไม่ถนัด DSM เลยเข้าๆออกๆอยู่อย่างนี้ ปีนึงก็ 2-3 รอบน่ะครับ
Belffet
Verified User
โพสต์: 1211
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 21

โพสต์

แก้ประโยคที่ผิดนะครับ

"ซึ่งผม ไม่่ เชื่อว่าสามารถขายตอนราคาสูงที่สุดได้ตลอด"
itti_peak
Verified User
โพสต์: 185
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 22

โพสต์

วิธีนี้เป็น วิธีที่ดีเลยแหละครับ ถือสักประมาณ 3-5 ตัวครับ แล้วก็ดูแค่ที่เราสนใจ แล้วใช้ tecnical เข้าช่วยครับ
Quattro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 87
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 23

โพสต์

แบบนี้ถ้าเรากะจะเล่นรอบ
แล้วเข้าไปซื้อ แล้วราคามันเกิดดิ่งลง
เราจะกล้า cutloss มั้ยครับ (หลักเก็งกำไร)
หรือว่าจะซื้อเพิ่ม (หลัก vi)

คือผมรู้สึกว่าวิธีนี้มันก็เหมือนการเก็งกำไรอย่างนึง
เพียงแต่อาจเป็นการเก็งกำไรระยะกลาง + มีพื้นฐานหุ้นรองรับ
พี่ๆว่าไงครับ?
Belffet
Verified User
โพสต์: 1211
ผู้ติดตาม: 0

VI mutant

โพสต์ที่ 24

โพสต์

การจะ cutloss หรือไม่ ผมว่าเป็นเรื่องเทคนิคและความเชื่อของแต่ละคนแล้วล่ะครับ

1. ถ้าคุณเชื่อว่าตลาดวิกฤติแบบไม่มีเหตุผล มันจะเป็นอย่างนี้อยู่ไม่นาน ก็ไม่ต้อง cut แต่จะซื้อเพิ่มมั๊ยก็แล้วแต่เช่นกัน และก็ต้องรับได้ถ้าเราวิเคราะห์ผิด

2. หุ้นที่เราเลือกต้องเป็นหุ้นที่อย่างน้อยนำตลาด มั่นคงพอสมควร มีปันผลสม่ำเสมอ (เผื่อติดหุ้นด้วยน่ะครับ)

ส่วนตัวผมให้ range สำหรับ cutloss ค่อนข้างยาว คือ 10% เพราะผมเชื่อว่าแต่ละครั้งที่จะเข้าซื้อ ต้องแน่ใจพอสมควรว่าตลาดวิกฤติถึงที่สุดในช่วงนี้ และมันไม่น่าจะเป็นอย่างนี้อยู่นานนัก (ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ นานนนนๆๆๆ ทีจึงจะเกิด และทำให้เบื่อมากๆเวลา sideway นานๆ ปีที่แล้วผมซื้อขายแบบนี้แค่ 2 ครั้งเอง)

ที่ผ่านมาผมยังไม่พลาด แต่ผมว่าอนาคตไม่แน่
โพสต์โพสต์