อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
โอ@
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4247
ผู้ติดตาม: 4

อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เขาคิดจะเข้าบ้างไหมเนี่ย
_________
prajugc
Verified User
โพสต์: 81
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เคยมีคนถามแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่เข้านะ และตอนนี้ธุระกิจเขากำลังดี ไม่ใช่ช่วงที่มีปัญหาต้องการเงินคงยากนะครับที่จะเข้านะ
บริษัทผม ก็เช่าที่เขาอยู่
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 35

Re: อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 3

โพสต์

โอ@ เขียน:เขาคิดจะเข้าบ้างไหมเนี่ย
แสดงว่า  แวะ  ไปชิมสเต็กมาแล้วซิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 60

Re: อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ปรัชญา เขียน:
แสดงว่า
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 35

Re: อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 5

โพสต์

naris เขียน:
พี่ต้องพูดว่า "แสดงว่าไปชิมมาแล้ว ไม่เจอหนอนในสเต็กหล่ะซิ" :P
ผมแวะไปไม่เคยกินสเต็กเลยคุณนริศ

ฟาด  แต่ลาดหน้าปลาหมึก  จานละ80-120บาท  อิอิ(กลัวหนอน)
suthee
Verified User
โพสต์: 60
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ชอบทานนมของโชคชัยครับ แต่หาซื้อค่อนข้างยาก
เนื่องจากหมดเร็วมาก จุดเด่นคือเป็นนมวัวที่รสชาติ
ดีมากถ้าเทียบกับเจ้าอื่นๆ บ้านผมดื่มวันละ2 ลิตร
เกือบทุกวัน(ราคาประมาณ76 บาท) ปีหนึ่งครอบครัวผม
คงเสียเงินให้กับนมโชคชัยประมาณ 27,000 บาท
เลยทีเดียว  :shock:

ส่วนสเต็กนั้นเฉยๆ ครับ เพราะส่วนใหญ่ทาน 13 เหรียญ
เพราะอร่อยและคุ้มค่ากับราคา
Viewtiful Investor
Verified User
โพสต์: 1477
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ชอบดูดนมอ่ะดิ :D

ลูกชายเค้าเขียนคอลัมต์ลงใน ฐานเศรษฐกิจ ชื่อ โชคช่วยด้วยการตลาด
เป็นอีกคอลัมต์ที่น่าอ่านมากๆเลยครับ
I do not sleep. I dream.
ภาพประจำตัวสมาชิก
โอ@
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4247
ผู้ติดตาม: 4

อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ยังไม่เคยกินสเต็กเค้าเลยหน่ะพี่ๆ แต่ว่าชอบ Umm...Milk เขานะครับ ทั้งนมทั้งไอติม :)
_________
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 3

อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เคยดูข้อมูลคร่าวๆ ยังเล็กอยู่ครับ คงยังเข้าไม่ได้
Impossible is Nothing
terati20
Verified User
โพสต์: 1104
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 10

โพสต์

จำได้ว่า คุณโชค บอกว่า ไม่ต้องการลงทุน สูง
ไม่กู้เงินมาก เลยไม่ต้องระดมทุน

ธุรกิจนมนี่เขาไม่ได้ทำเเล้วครับ เขาขายไปเเล้ว
ที่ทำก็ ธุรกิจ ฟาร์ม ทำพ่อพันธ์ขาย steak เเละก็
ไอติม Ummmm Milk... ครับ

8)
kvi
Verified User
โพสต์: 32
ผู้ติดตาม: 0

อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 11

โพสต์

There is only "FARM HOUSE" in the market.
Capo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1067
ผู้ติดตาม: 1

อยากให้ฟาร์มโชคชัยเข้าตลาด

โพสต์ที่ 12

โพสต์

Farm Experience "ประสบการณ์" สร้าง "แบรนด์"

แม่วัว 3,000 ตัวที่เลี้ยงเพื่อส่งออกและ 80% ของน้ำนมดิบขายส่งให้โรงงานแดรี่โปรดักท์ จะอยู่ในฐานะผู้คุมเกมและได้ราคาดีกว่าเกษตรกรทั่วไป แต่บทบาทในฐานะเกษตรกรไม่ต่างจากคนขายแรงงาน "โชค บูลกุล" ปรับทิศทางใหม่หลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากผู้บริโภคที่เคยมาเที่ยวฟาร์มปีละ 3 แสนคนสร้าง "แบรนด์" รุกตลาดรีเทล โดยหวังว่าจะเห็นการเติบโตที่มากกว่าและเก็บเงินได้ก้อนใหญ่กว่า



ปี 2537 ตระกูลบูลกุลเจ้าของฟาร์มโคนมโชคชัยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจนต้องจำใจตัดอวัยวะบางส่วนเพื่อรักษาชีวิต ด้วยการขายผลิตภัณฑ์นมภายใต้แบรนด์"โชคชัย"ให้กับกลุ่มบริษัท Abico Holding

โชค บูลกุล ทายาทรุ่นที่ 2 หลังจากคว้าปริญญาตรีในสาขาสัตวศาสตร์, สาขาเทคโนโลยีและการจัดการฝูงโคนมและวิชาเทคโนโลยีและการบริหารธุรกิจการเกษตรอุตสาหกรรม จาก University of Vermont เข้ามารับหน้าที่ในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการส่วนธุรกิจพัฒนาการเกษตร โดยมีภารกิจหลักอยู่ที่การฟื้นฟูธุรกิจของตระกูลให้กลับมาตั้งหลักได้เหมือนเดิม โดยมุ่งไปที่การพัฒนาฟาร์มโชคชัยที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของตระกูล

กว่า 10 ปี ของการพัฒนาฟาร์มโชคชัยบนเนื้อที่ 20,000 ไร่ในจังหวัดนครราชสีมา จนกลายมาเป็นผู้ผลิตโคนมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับบทบาทผู้ส่งออกโคนมและยังก้าวไปเป็นที่ปรึกษาการเลี้ยงฟาร์มโคนมในต่างประเทศด้วย ไม่เพียงแค่นั้นฟาร์มแห่งนี้ยังพัฒนาขึ้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงการเกษตรในรูปแบบ Boutique Camp ที่มีลิสต์จองเต็มล่วงหน้าทุกเดือน และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสกับการท่องเที่ยวแบบนี้ไม่ต่ำกว่า 3 แสนคนต่อปี

ปัจจุบันเรามีแม่โค 5,000 ตัว โดย 3,000 ตัวเลี้ยงเพื่อการส่งออก อีก 2,000 ตัวไว้รีดนมเพื่อขายน้ำนมดิบให้กับผู้ประกอบการที่ผลิตนมพร้อมดื่ม ชีส ถึง 80% จากกำลังการผลิตน้ำนมดิบทั้งหมด 30,000 กิโลกรัมต่อวันส่วนที่เหลือ 20% ใช้ในการผลิตสินค้าของเรา โชค บูลกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย จำกัด กล่าว

อย่างไรก็ตามบทบาทในฐานะเกษตรกรของฟาร์มโชคชัยทั้งการจำหน่ายแม่วัว รวมทั้งการขายน้ำนมดิบให้ผู้ประกอบการรายอื่น และแม้ว่าทั้งสองส่วนจะอยู่ในฐานะต่อรองราคากับผู้ซื้อได้ เช่น น้ำนมดิบจากฟาร์มแห่งนี้ขายได้กิโลกรัมละ 12.50 บาทขณะที่เกษตรกรทั่วไปขายที่กิโลกรัมละ 10.00-11.50 บาท แต่โชค บอกว่า ทั้งสองธุรกิจไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าทั้งเม็ดเงินและโอกาสในการเติบโต

"สร้างแบรนด์" จากฟาร์มมุ่งหน้าสู่ตลาดรีเทลโดยมีฐานลูกค้าหลักที่เคยมีประสบการณ์จากฟาร์มโชคชัยปีละ 3 แสนคนและเพิ่มขึ้นถึง 5 แสนคนในปีนี้ จึงเป็นนโยบายหลักในการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าทั้งเม็ดเงินและโอกาสการขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

"ธุรกิจฟาร์มโคนมหรือการขายน้ำนมดิบ ไม่ได้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมากนัก แต่เรามีโอกาสทำได้มากกว่านี้จากฐานลูกค้าที่เข้ามาเที่ยวฟาร์ม คนกลุ่มนี้ได้สัมผัสประสบการณ์ในความเป็นธุรกิจของเราไม่ใช่แค่เข้ามาพักผ่อน ท่องเที่ยว แต่เรายังแทรกประสบการณ์สัมผัสกับสินค้าของเราไปด้วย"

ไอศกรีม "อืมม! ..มิลค์" ( Umm!..Milk) เป็นธุรกิจหนึ่งที่กำลังรุกเข้าสู่ตลาดรีเทล หลังบ่มเพาะทั้งในฐานะผู้ผลิตที่มีความพร้อมของวัตถุดิบและเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคจากประสบการณ์ตรงในการผลิตไอศกรีมผ่านกิจกรรม Ice Cream Workshop ภายในฟาร์ม โดยที่ลูกค้าจะได้ลองผลิตไอศกรีมฝีมือตัวเอง ความชอบ และสไตล์การบริโภคนำมาสู่การพัฒนาร่วมกับฝ่าย R&D อืมม..มิลค์ จึงเป็นสินค้าที่เรียกได้ว่า Customize by Customer เช่น รสชาติที่ถูกตัดเหลือเพียง 8 รสชาติจาก 15 รสชาติเพราะคำแนะนำจากผู้บริโภค เป็นต้น

ธุรกิจต่อมา คือ นมพร้อมดื่มสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เลือกนมพาสเจอร์ไรซ์ โดยมีให้เลือก 2 ชนิด คือ พาสเจอร์ไรซ์ไขมันต่ำที่ 4.5% และนมพร่องมันเนย(Low Fat) ที่มีไขมันแค่ 1%

คุณภาพน้ำนมดิบที่ดีกว่าและพร้อมจะลดสัดส่วนการขายน้ำนมดิบแล้วหันมาผลิตสินค้าของตัวเองภายใต้แบรนด์ อืมม..มิลค์ เพิ่มขึ้น ทั้ง โยเกิร์ต ทอฟฟี่นมสด และอนาคตกับนมอัดเม็ดและเนยสำหรับแม่บ้าน เป็นต้น ปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์ อืมม!..มิลค์ มีสัดส่วนรายได้มาจากไอศกรีม 64% นมพร้อมดื่ม 29% ทอฟฟี่นม 5% ส่วนโยเกิร์ตอยู่ที่ 2%

ฟาสต์ฟู้ดกำลังเป็นธุรกิจที่เรียกว่า By product จากธุรกิจภัตตาคารโชคชัยสเต๊กเฮ้าส์ โดยวางตำแหน่งเป็นฟาสต์ฟู้ดพรีเมียม จับกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง เป็นการต่อยอดจากธุรกิจโชคชัยสเต๊กเฮ้าส์ ที่เติบโตปีละ 25% มีโอกาสสร้างแบรนด์ใหม่ เช่น แฮมเบอเกอร์, ฮอทดอก, ลูกชิ้น รวมถึงเบเกอรี่ ฯลฯ

เมื่อธุรกิจใดที่แข็งแรงมีโอกาสต่อยอดไปสู่แบรนด์ใหม่ได้กรณีวัตถุดิบที่นำมาทำสเต๊กจะมีบางส่วนที่นำมาพัฒนาเป็นสินค้าอื่นๆ ได้ เช่น เนื้อสเต๊กที่ไม่ได้ขนาดนำมาทำแฮมเบอร์เกอร์เป็นต้น

โชค บอกอีกว่า แนวคิดการสร้างแบรนด์ใหม่โดยอาศัยความแข็งแกร่งจากธุรกิจเกษตรนั้นทำให้ปีนี้คาดว่าบริษัทจะทำรายได้ที่ 2,300 ล้านบาทโดยมาจากกลุ่มธุรกิจเกษตรทั้งฟาร์มโคนมและแบรนด์ อืมม !..มิลค์ 50% กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างโรงงานให้เช่า 30% และ 20% มาจากกลุ่มธุรกิจภัตตาคารโชคชัยสเต๊กเฮ้าส์ และเป็นปีนี้ที่ทำกำไรมากที่สุด ถึง 75% โดยเป็นการเติบโตไปพร้อมๆ กันโดยมีธุรกิจท่องเที่ยวฟาร์มเป็นตัวหลัก และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาเที่ยวมีการใช้เงินมากขึ้น ปัจจุบันลูกค้าเข้ามาเที่ยวในฟาร์มโชคชัยใช้เงินอยู่ที่ 1,200 บาทต่อคนเทียบกับปี 2543 ที่ใช้อยู่ที่ 300 บาทต่อคนเท่านั้น

การสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าด้วยการสร้างแบรนด์และทำการตลาดที่เรียกว่า Experience Marketing จากฟาร์ม ไม่ใช่แค่กำไรในประเทศที่เริ่มเข้ามามากขึ้น แต่โชคมองไกลไปถึง "กำไรก้อนใหญ่" จากการทำตลาดต่างประเทศ เพราะการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาการเลี้ยงโคนมในประเทศต่างๆ มีโอกาสเข้าไปทำตลาดรีเทลในประเทศนั้นๆ

---------------------------------


"บทบาทในฐานะเกษตรกรของฟาร์มโชคชัยทั้งการจำหน่ายแม่วัว การขายน้ำนมดิบ แม้จะอยู่ในฐานะต่อรองราคากับผู้ซื้อได้แต่ทั้งสองธุรกิจไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าทั้งเม็ดเงินและโอกาสในการเติบโต"

---------------------------------------


อืมม!..มิลค์ ท้าชิงฮาเกนดาส

อืมม...อร่อย คำอุทานที่นำมาสู่แบรนด์อืมม ! ..มิลค์ และกลายมาเป็นชื่อแบรนด์ที่สื่อถึงคุณภาพของสินค้า และถ้าผู้บริโภคคนไหนอุทานคำนี้ออกมาแล้ว รับรองว่ารสชาตินั้นต้องถูกใจและถึงใจแน่นอน โชค จึงกล้าใช้คำอุทานและกล้าท้าผู้บริโภคว่าถ้ามีโอกาสได้ลอง อืมมม !..มิลค์ต้องอุทานคำนี้ออกมาแน่นอน

เหตุผลสำคัญอยู่ที่ น้ำนมดิบจากแม่วัวที่รีดจากฟาร์มส่งต่อไปยังโรงผลิตไอศกรีมทันที โดยมีระยะห่างกันเพียง 50 เมตร ไม่ต้องผ่านการเก็บในขั้นตอนจากเกษตรกรส่งต่อไปยังสหกรณ์ก่อนจะส่งไปยังผู้ผลิต

ระยะทางที่ทำเวลาน้อยที่สุดที่เขาการันตีว่าไม่มีแบรนด์ไหนทำได้อย่างนี้ ทำให้น้ำนมดิบคงคุณภาพดีที่สุดทั้งรสชาติ ความมัน สีและกลิ่น

น้ำนมดิบที่รีดแล้วเข้าสู่กระบวนการผลิตไอศกรีมและนมพร้อมดื่ม อืมม !..มิลค์ ภายในเวลา 4 นาที และการแข่งขันของสินค้าในยุคนี้อยู่ที่คุณภาพแล้วสินค้าเราได้เปรียบกว่าแน่นอน

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ อืมม!..มิลค์ เริ่มทดลองตลาดจากผู้เข้ามาท่องเที่ยวในฟาร์มโชคชัยตั้งแต่ปี 2543 และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปีเริ่มจากปี 2544 อัตราการเติบโตที่ 162% ในปี 2545 การเติบโตอยู่ที่ 46% ปี 2546 อยู่ที่ 20% ปี 2547 อยู่ที่ 61% และปี 2548 อยู่ที่ 25%

โชค วางตำแหน่งของไอศกรีม อืมม ! ..มิลค์ ไว้ที่ตลาดพรีเมียมที่มีมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาทและมีผู้เล่นเป็นแบรนด์ดังจากต่างประเทศ เช่น ฮาเกนดาส สเวนเซ่นส์ โดยตลาดไอศกรีมกว่า 6,000 ล้านบาทนั้นพบว่าตลาดใหญ่ที่สุดเป็นไอศกรีมระดับกลางที่มีวอลล์และเนสเล่ท์ขับเคี่ยวกันอยู่ แย่งชิงมูลค่าตลาดกันที่ 4,000 ล้านบาท รองมาเป็นไอศกรีมท้องถิ่นมีมูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาท

ความได้เปรียบของวัตถุดิบและฐานลูกค้าที่เคยผ่านประสบการณ์ตรงจากฟาร์มโชคชัยทั้งในอดีตและปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน จะเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่นำไปสู่การ "บอกต่อ" ขยายกลุ่มลูกค้าคนต่อไปโดยมีช่องทางขายเข้ามารองรับเพิ่มขึ้น นั่นคือ Umm!..Milk Dairy Shop ที่ตั้งเป้าเปิดเพิ่มปีละ 2 สาขา และภายในปี 2550 คาดว่าจะเปิดให้ครบ 8 สาขา โดยปัจจุบันเน้นเจาะตลาดในกรุงเทพฯ ก่อน 4 สาขา ได้แก่ สาขาโชคชัยสเต๊กเฮ้าส์ รังสิต, โชคชัย ไพร์มสเต๊กเฮ้าส์ สุขุมวิท 23, สาขาท็อปส์มาร์เก็ต สีลมคอมเพล็กซ์ และสาขาเซ็นทรัล เวิลด์

ที่ผ่านมาเราพบว่าลูกค้าที่เข้ามาเที่ยวในฟาร์มซื้อผลิตภัณฑ์อืมม!..มิลค์ กลับบ้านมากขึ้นเพราะเรามีช่องทางขายเดียวที่ฟาร์ม พฤติกรรมนี้ทำให้เรารู้ว่า อืมม!..มิลค์ มีลูกค้าที่พร้อมซื้อจากช่องทางขายใกล้บ้าน

โชค ย้ำว่า คุณภาพเทียบเท่าไอศกรีมนำเข้าอย่างฮาเกนดาส แต่ราคาเทียบเท่าสเวนเซ่นส์ คือ โอกาสของอืมม ! ..มิลค์ ที่จะแย่งพื้นที่ของไอศกรีมพรีเมียมและวาดหวังยอดขายอีก 2 ปีนับจากนี้ว่าจะทำได้ถึง 100 ล้านบาท
ที่มา : http://www.bangkokbizweek.com/20061202/ ... 26243.html
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ

มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
โพสต์โพสต์