ตราสารหนี้ จะ Bull อีกนานหรือไม่

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 1

ตราสารหนี้ จะ Bull อีกนานหรือไม่

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ไปอ่านเจอใน Web site ที่พูดถึงการวิเคราะห์ของ บล. ทรินิตี้ ที่บอกว่า ตอนนี้มีการโยกเงินเข้าตราสารหนี้มากขึ้น จนเกิด เป็น Bull market ในตราสารหนี้แล้ว สวนทางกับตราสารทุนที่เป็น Bear ไม่รู้ว่าตราสารหนี้จะ Bull ไปอีกนานเท่าไหร่ จึงน่าจะจบcycle ของรอบนี้นะครับ :P

บล.ทรีนีตี้ จก. คาดการณ์ว่า SET จะปรับตัวลงและมีโอกาสทดสอบ 650-660
และมีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่จะหลุดกรอบ 650-660 นี้
เนื่องจากสภาพตลาดยังไม่ได้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการถดถอยทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน
แต่อย่างไรก็ดี ในบางช่วงของเดือนก.ย.- ต.ค. SET อาจจะทำ oversold rebound
เนื่องจากนักลงทุนมีการคาดการณ์ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐ
ยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในวันที่ 20 กันยายน 2549
เราจึงแนะนำว่าหากมีการปรับตัวขึ้นของ SET น่าจะเป็นโอกาสในการขายทำกำไรมากกว่าการซื้อเพิ่ม

นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ จก. กล่าวว่า
แนวโน้มดอกเบี้ยต่างประเทศทั้งยุโรปและสหรัฐอเมริกายังไม่นิ่ง
คาดว่า Fed Funds Rate จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีก 0.25% ในเดือนต.ค. หรือ ธ.ค.
เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงซึ่งนำไปสู่ความผันผวนของตลาดทุนอย่างมาก
แต่หากดอกเบี้ยยังคงที่อยู่ที่ 5.25% ก็ไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นเช่นกัน
เพราะจะเกิดการโยกย้ายเงินลงทุนและสินทรัพย์เข้าไปสู่ตราสารหนี้
โดยเฉพาะในช่วงนี้เป็นช่วงที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตร 10 ปี ของรัฐบาลไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง
จาก 6.5% ในปลายปี 2548 มาสู่ระดับ 5.5-5.6% ในปัจจุบัน
จึงก่อให้เกิดภาวะ Bull Market ในตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนไทยและต่างประเทศจึงอาจจะลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดทุน
และหันไปสนใจลงทุนในตราสารหนี้แทน

นอกจากนี้ ทรีนีตี้ ยังมองว่าที่ดัชนี SET 700 710 จุด เป็นช่วงที่มี Capital Gain ต่ำ แต่มีความเสี่ยงสูง
ซึ่งจะเห็นได้จากผลตอบแทนเงินปันผลในตลาดหุ้นต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนที่ได้จากตลาดพันธบัตร RP-14 วัน ที่ 5%
ประกอบกับนักลงทุนต่างประเทศสนใจที่จะลงทุนน้อยลงเพราะมองว่าไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะเข้าเก็งกำไร
และนักลงทุนต่างประเทศที่มีพฤติกรรมชอบเข้ามาลงทุนตามกระแสเงิน
บาทที่แข็งขึ้นจะลดลง
เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศได้แข็งขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 ปีไปแล้ว จึงอาจจะไม่สามารถปรับตัวให้แข็งขึ้นได้ในระยะสั้น

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่อง Nominees ของ SHIN และ ADVANCE
โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง อาจจะทำให้นักลงทุนต่าง
ประเทศชะลอการลงทุนด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าผลการตรวจสอบอาจจะทราบผลหลังจากการเลือกตั้งก็ตาม
แต่ทรีนีตี้ก็คาดว่าบทสรุปนี้จะจบลงด้วยการประนีประนอม
โดยอนุญาตให้เทมาเสคลดสัดส่วนการถือหุ้นใน SHIN และ ADVANCE ลงมา

ภาวะการเมืองในปัจจุบันก็มีผลอย่างมากต่อตลาดหุ้นโดยเฉพาะการเลื่อนการเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค. มีความเป็นไปได้สูง
เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถสรุปได้ภายในต้นก.ย. 2549
นอกจากนี้คดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี
ในความผิดเบิกความเท็จของคดี International Broadcasting orporations (IBC)
ซึ่งอยู่ในขอบเขตของศาลอาญา คาดว่าจะมีการตัดสินในวันที่ 16 ต.ค. 2549
อาจจะนำไปสู่ความไม่สงบทางการเมือง ได้นายวิศิษฐ์กล่าว
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 72

Re: ตราสารหนี้ จะ Bull อีกนานหรือไม่

โพสต์ที่ 2

โพสต์

วิเคราะห์ได้ดีและตรงประเด็นครับ ในความคิดผม ผมว่าในระยะสั้นนั้น ตลาดหุ้นไทยขึ้นกับ Fund Flow ประมาณ 75% และขึ้นกับปัจจัยภายในประเทศ 25% เท่านั้น ดังนั้นการเก็งกำไรระยะสั้นจะต้องวิเคราะห์ Fund Flow เป็นหลัก แต่คนส่วนใหญ่ไปวิเคราะห์ปัจจัยในประเทศ ซึ่งค่อนข้างมีผลน้อยครับ
thawattt เขียน: โดยเฉพาะในช่วงนี้เป็นช่วงที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตร 10 ปี ของรัฐบาลไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง
จาก 6.5% ในปลายปี 2548 มาสู่ระดับ 5.5-5.6% ในปัจจุบัน
จึงก่อให้เกิดภาวะ Bull Market ในตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนไทยและต่าง


เป็นสัญญาณที่แสดงว่า"ตลาดเชื่อว่า"ดอกเบี้ยได้ถึงจุดสูงสุดแล้ว จึงแห่กันไปซื้อพันธบัตรระยะยาวเพื่อ Lock ผลตอบแทนที่สูงในตอนนี้เอาไว้ ถ้าเกิด surprise ขึ้นมาว่าดอกเบี้ยอาจขึ้นต่อก็จะเกิด bond market crash ได้ แต่โอกาสก็น่าจะมีไม่มากครับ

สอดรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นด้วย เพราะช่วงทีผ่านมาหุ้นอสังหาเริ่มรีบาวนด์แสดงว่าทุกคนกำลังเก็งกว่าดอกเบี้ยจะลงแล้วเช่นเดียวกัน
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
โพสต์โพสต์