หุ้นPE ต่ำมาก

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 1

โพสต์

pe 3.30 เอง















วันนี้ลงมา ต่ำสุด  1.22
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
ภาพประจำตัวสมาชิก
kotaro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1496
ผู้ติดตาม: 40

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 2

โพสต์

หุ้นดีหรือหุ้นใกล้เจ้งครับ

:D
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
teetotal
Verified User
โพสต์: 1667
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 3

โพสต์

มีรายได้ที่เป็น รายการพิเศษ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นปกติ หรือเปล่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 60

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ทำไมผมหาไม่เจอหล่ะครับ :lol:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
วัวแดง
Verified User
โพสต์: 1429
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 5

โพสต์

แล้วp/bvล่ะ.....
ปันผลมีมั้ย......
นิวโลว์หรือปล่าว......
ข่าวร้ายมีผลกระทบหนักมั้ย.......
หนี้นะเยอะมั้ย........
เบอร์1ปล่าว.......
จุดสูงสุดใน2ปีที่ผ่านมาเท่าไหร่.......
ถ้าผมคิดเหมือนคนทั่วๆไป ผลตอบแทนผมก็เหมือนคนทั่วๆไป
ใจผมคงละลาย ถ้าผมคิดตามคนอื่น
ผู้ชนะไม่แน่ว่าจะต้องเป็นคนที่วิ่งเร็วที่สุด...แต่เป็นผู้ที่อดทนที่สุดต่างหาก
ซากทัพ
Verified User
โพสต์: 393
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ทำด้านโฆษณา อยู่ MAI ใช่ใหมครับ?
Frankie
Verified User
โพสต์: 999
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 7

โพสต์

คุณ nanchan เขาหมายถึงหุ้นบริษัท Premier Enterprise ครับ
ราคาวันแรกของการเทรดหลังปลดเครื่องหมาย เอสพีมีการแกว่งตัวหวือหวา วันนี้วันที่สองแล้วราคาก็ยังวิ่งแปลก ๆ ล่าสุด 2.42 ลดลง 0.88 บาท (-26.67%)  :shock:
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 1

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 8

โพสต์

หลักทรัพย์ PE  
 หัวข้อข่าว ตลท.อนุญาตให้ PE พ้นเหตุเพิกถอน&เริ่มซื้อขายในหมวดเงินทุนฯ  
 วันที่/เวลา 24 ส.ค. 2549 18:56:00  
 
 
 
 ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุญาตให้ PE พ้นเหตุเพิกถอนและเริ่มซื้อขายหลักทรัพย์
ในหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์

     นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นควรให้บริษัท พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์
จำกัด (มหาชน) (PE) พ้นเหตุเพิกถอน โดยปลดเครื่องหมาย SP (Suspension) และ
NC (Non-Compliance) หลักทรัพย์ของ PE และอนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของ PE
ในหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์(กลุ่มธุรกิจการเงิน) ได้ตั้งแต่วันที่  5 กันยายน 2549
เป็นต้นไป

      นายสุทธิชัยกล่าวว่า " PE เป็น Holding Company ที่มีรายได้หลักมาจากบริษัทย่อย 4 แห่ง
ที่ประกอบธุรกิจบริการการเงิน กล่าวคือ 1) บริษัท พรีเมียร์ อินเตอร์ ลิซซิ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจ
การให้บริการรถเช่าแบบ Operating lease ซึ่งเป็นบริการให้เช่ารถระยะยาว  2)  บริษัท พรีเมียร์  
แอลเอ็มเอส  จำกัด  ให้บริการจัดการสินเชื่อ บริหารสินทรัพย์  หนี้อสังหาริมทรัพย์ หนี้เช่าซื้อ
ให้สถาบันการเงินต่างๆ  3) บริษัท พรีเมียร์  แคปปิตอล(2000)  จำกัด ดำเนินธุรกิจเช่าซื้อและ
ให้บริการสินเชื่อเพื่อธุรกิจต่างๆ 4) บริษัท พรีเมียร์  โบรคเคอร์เรจ จำกัด ให้บริการเป็น
นายหน้าประกันวินาศภัย โดยในปี 2548 รายได้หลักมาจากการบริการให้เช่ารถระยะยาวและ
การบริหารจัดการสินเชื่อคิดเป็น 77.20 % และ 15.90% ของรายได้รวม

     ทั้งนี้ PE ได้ยื่นคำขอพ้นเหตุเพิกถอนและซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในหมวดปกติ
โดยแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1 ปีก่อนยื่นคำขอนับแต่
ไตรมาสที่ 3 ปี 2548 ถึงไตรมาสที่ 2 ปี 2549 และมีส่วนของผู้ถือหุ้นณ วันที่ 30 มิถุนายน
2549  เท่ากับ  210.48 ล้านบาท รวมทั้งสามารถแสดงได้ว่าบริษัทมีฐานะการเงินและผลการ
ดำเนินงานที่มั่นคงตามสภาพธุรกิจของบริษัทไปอย่างต่อเนื่อง  ปัจจุบัน PE ได้ดำเนินการ
ปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จตามแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 PE มีภาระหนี้
คงเหลือ 633.61 ล้านบาท   ปัจจุบันอยู่ระหว่างการโอนที่ดินและอาคารเพื่อชำระหนี้เจ้าหนี้
บุริมสิทธิเหนือที่ดินฯดังกล่าวจำนวน 483.61 ล้านบาท โดย PE คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ
ภายในเดือนตุลาคม 2549  ทั้งนี้ ภายหลังการโอนชำระหนี้แล้ว PE จะมีภาระหนี้สินคงเหลือ
จำนวน 150 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระคืนเจ้าหนี้ภายใน 10 ปี

       นายสุทธิชัยได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "ผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงานของบริษัท
(Strategic Shareholders) ได้แก่ ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุม กรรมการและผู้บริหารของ
บริษัทรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องและบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว รวมทั้ง
ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ของทุนชำระแล้วและผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือหุ้นสามัญ
รวม 568,106,392 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 71.01 ของทุนชำระแล้ว ให้คำรับรองต่อ
ตลาดหลักทรัพย์ฯว่าจะไม่นำหลักทรัพย์ทั้งหมดของตนออกขายภายใน 1 ปี(Silent Period)
นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของ PE กลับมาซื้อขายในหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์
(กลุ่มธุรกิจการเงิน) โดยในช่วง 6 เดือนแรกผู้ถือหุ้นดังกล่าวได้รับการผ่อนผันให้ทยอย
ขายได้ร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นที่ถูกห้ามขายทั้งหมด และใน 6 เดือนถัดไปสามารถ
ทยอยขายได้อีกร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นที่ถูกห้ามขายทั้งหมด  

        อนึ่ง เนื่องจากหลักทรัพย์ของ PE ถูกห้ามซื้อขายมาเป็นเวลานาน ตลาดหลักทรัพย์ฯ
จึงไม่มีกำหนดราคาสูงสุดและต่ำสุดสำหรับหลักทรัพย์ของ PE บนกระดานหลักใน
วันที่  5 กันยายน 2549 เพื่อให้การซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นไปตามสภาพความจริง
โดยขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไป โปรดศึกษาข้อมูลและสรุปข้อสนเทศของบริษัทเพื่อ
ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนในหลักทรัพย์ของ PE โดยสามารถศึกษาข้อมูลดังกล่าว
ได้จากระบบบริการข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ (SETSMART)




ก็PE มันต่ำง่ะ  
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
Frankie
Verified User
โพสต์: 999
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ร่วมด้วยช่วยค้นข้อมูลครับ  :D

บริษัท พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) (PE)

ธุรกิจหลัก/ผลิตภัณฑ์หลัก

    ดำเนินธุรกิจการตลาด และจัดจำหน่ายสินค้าคงทนหลายประเภท เช่น รถยนต์, เครื่องจักรกล อะไหล่, สินค้าอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศ,เครื่องทำน้ำอุ่น รวมทั้งดำเนินกิจการด้านเช่าซื้อรถยนต์ และบริหารสัญญาเช่าซื้อ, ธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงานตลอดจนลงทุนในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ (Conglomerate) และบริษัทร่วมทุนซึ่งดำเนินธุรกิจประเภทต่าง ๆ
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
Frankie
Verified User
โพสต์: 999
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ข้อมูลผู้ถือหุ้น
 ชื่อ จำนวนหุ้น %
1 บริษัท พรีเมียร์ โกลเบิล คอร์เปอเรชั่น จำกัด 41,833,508 52.29
2 คุณหญิง มาลาทิพย์ โอสถานุเคราะห์และนางวิมลทิพย์ พงศธร 6,832,427 8.54
3 คุณหญิง มาลาทิพย์ โอสถานุเคราะห์ 4,648,000 5.81
4 บริษัท ล้อมดำริห์ จำกัด 3,267,752 4.08
5 บริษัท สวัสดิ์ดำริห์ จำกัด 3,104,008 3.88
6 บริษัท พรีเมียร์ โกลเบิล คอร์เปอเรชั่น จำกัด ( 2,944,765 3.68
7 นาง วิมลทิพย์ พงศธร 2,852,950 3.57
8 นาง วิมลทิพย์ พงศ์ธร 1,736,300 2.17
9 ร.ต. เสรี โอสถานุเคราะห์ 1,142,081 1.43
10 นาง ศรีสุมา โอสถานุเคราะห์ 935,562 1.17
11 นาง จิราภรณ์ เนื่องพลี 896,180 1.12
12 นาย ภาสุรี โอสถานุเคราะห์ 837,860 1.05
13 นาย สุขุม พงศธร 648,340 0.81
14 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 612,600 0.77
15 นาย มานะ กรรณสูต 584,800 0.73
16 นางสาว สมพิศ แก้วนวม 567,300 0.71
17 น.ส. เกสรา โอสถานุเคราะห์ 445,800 0.56

อยู่ในมือตระกูลโอสถานุเคราะห์ กับ พงศ์ธร เยอะมากครับ  :shock:
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
ภาพประจำตัวสมาชิก
วัวแดง
Verified User
โพสต์: 1429
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขึนลงขนาดนั้น หวาดเสียวจริงๆ :shock:

p/bv 12.54  แค่นี้ผมก็เสียวลงกระเพาะแล้ว :D
ถ้าผมคิดเหมือนคนทั่วๆไป ผลตอบแทนผมก็เหมือนคนทั่วๆไป
ใจผมคงละลาย ถ้าผมคิดตามคนอื่น
ผู้ชนะไม่แน่ว่าจะต้องเป็นคนที่วิ่งเร็วที่สุด...แต่เป็นผู้ที่อดทนที่สุดต่างหาก
Frankie
Verified User
โพสต์: 999
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 12

โพสต์

เพิ่มเติมข้อมูลครับ
สรุปข้อสนเทศ
                     บริษัท พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) (PE)
                        Premier Enterprise Public Co., Ltd.
       เพื่อนำหลักทรัพย์กลับเข้าทำการซื้อขายในกลุ่มธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์
    โดยเริ่มซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทในหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2549

ที่ตั้งสำนักงานใหญ่     อาคารพรีเมียร์คอร์เปอเรทปาร์ค
                 เลขที่ 1 ซอยพรีเมียร์ 2 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน
                 เขตประเวศ  กรุงเทพฯ 10250
โทรศัพท์            0-2301-1000,  0-2301-1500,  0-2398-0029
โทรสาร            0-2398-0701,  0-2398-1188
Website           www.premier.co.th
ทุนจดทะเบียน        หุ้นสามัญ 812,152,709 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท
                 รวม 8,121,527,090 บาท
ทุนชำระแล้ว         หุ้นสามัญ 800,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท
                 รวม 8,000,000,000 บาท
กลุ่มอุตสาหกรรม      ธุรกิจการเงิน

หมวดอุตสาหกรรม     เงินทุนและหลักทรัพย์
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
Frankie
Verified User
โพสต์: 999
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ก) ลักษณะการประกอบธุรกิจ
  บริษัท พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2517 ภายใต้ชื่อ บริษัท
พรีเมียร์    ซัพพลาย จำกัด ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 ได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่อบริษัท เป็น บริษัท
พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด   และได้ดำเนินการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในปี พ.ศ. 2536 ก่อนการปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจ บริษัทลงทุนและ
ประกอบธุรกิจใน 5 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจบริการทางการเงิน, ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค, ธุรกิจการค้า
และอุตสาหกรรม, ธุรกิจสารสนเทศและอิเล็กทรอนิกส์, และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  ต่อมาเมื่อวันที่ 31
ตุลาคม 2548 บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างทางการเงิน เพื่อให้มีความเข้มแข็งและมี
ผลประกอบการเป็นกำไรอย่างมั่นคง โดยปรับธุรกิจหลักเป็นธุรกิจการให้บริการทางด้านการเงิน
(Specialty Finance) และโอนขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก อันได้แก่ เงินลงทุนในบริษัทย่อยและ
บริษัทร่วม เงินลงทุนและทรัพย์สินอื่น ๆ ทั้งหมดที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักออกไป ซึ่งสามารถสรุปสาระ
สำคัญของธุรกิจการให้บริการทางด้านการเงินที่บริษัทดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ได้ดังนี้
 ก) ธุรกิจการให้บริการรถเช่าแบบ Operating Lease ดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ อินเตอร์
    ลิซซิ่ง จำกัด  ซึ่งเป็นบริการให้เช่ารถระยะยาวพร้อมบริการบำรุงรักษาและบริการต่อเนื่องอื่นๆ
    โดยมีอายุสัญญาการเช่าตั้งแต่ 2-5 ปี แก่ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจ ภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ
    ประเภทของรถที่ให้เช่า ได้แก่ รถยนต์นั่ง รถกระบะ และรถตู้ เป็นต้น
 ข) ธุรกิจการให้บริการจัดการสินเชื่อ ดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ แอลเอ็มเอส จำกัด ให้บริการ
    จัดการสินเชื่อ การบริหารสินทรัพย์ หนี้อสังหาริมทรัพย์และหนี้เช่าซื้อ ให้กับสถาบันการเงินต่าง ๆ
    รวมถึงการลงทุนและรับบริหารสินเชื่อที่มีปัญหา
 ค) ธุรกิจด้านเช่าซื้อและให้บริการสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ แคปปิตอล (2000)
    จำกัด ให้บริการด้านสินเชื่อเช่าซื้อและการบริการสินเชื่อเพื่อธุรกิจต่าง ๆ
 ง) ธุรกิจการให้บริการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย ดำเนินการโดยบริษัท พรีเมียร์ โบรคเคอร์เรจ
    จำกัด เป็นการให้บริการประกันภัยที่ให้บริการคำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษาด้านการประกันภัยแก่ลูกค้า
    โดยคัดเลือกบริษัทประกันภัยที่มั่นคง มีหลักการชดใช้ค่าสินไหมอย่างยุติธรรม และมีการคุ้มครองภัยที่
    เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้บริการตามความต้องการ ซึ่ง
    ให้บริการแก่ลูกค้าที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลทั่วไป







โดยสัดส่วนรายได้สำหรับแต่ละกลุ่มสินค้าสำหรับปี 2548 สรุปได้ดังนี้
          ธุรกิจ                           มูลค่า (ล้านบาท)      สัดส่วนรายได้
    ให้บริการรถเช่าแบบ Operating Lease        376.9               77.2%
    บริการจัดการสินเชื่อ                         77.9               15.9%
    บริการนายหน้าประกันวินาศภัย                  10.1                2.1%
    บริการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ                     23.5                4.8%
                 รวม                       488.4                100.0%
ข) ลักษณะการดำเนินงาน
  บริษัทดำเนินธุรกิจโดยผ่านบริษัทย่อย 4 บริษัท คือ บริษัท พรีเมียร์ อินเตอร์ ลิซซิ่ง จำกัด, บริษัท
พรีเมียร์ แอลเอ็มเอส จำกัด, บริษัท พรีเมียร์ แคปปิตอล (2000) จำกัด, และบริษัท พรีเมียร์
โบรคเคอร์เรจ จำกัด  โดยบริษัทได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการมาตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2545
โดยมีบริษัท พรีเมียร์ แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้บริหารแผน
ค) เงินลงทุนในบริษัทย่อย (ข้อมูลจากงบการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549)
     ชื่อบริษัท            :      บริษัท พรีเมียร์ แคปปิตอล (2000) จำกัด
     เลขทะเบียนบริษัท     :      0105543016793
     สถานที่ตั้ง           :      เลขที่ 1 พรีเมียร์คอร์เปอเรทปาร์ค ซอยพรีเมียร์ 2
                              ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน  เขตประเวศ  กรุงเทพฯ
                              10250
     โทรศัพท์           :       0-2301-1500
     โทรสาร           :       0-2301-2038
     ประเภทธุรกิจ       :       ให้บริการด้านเช่าซื้อและบริการสินเชื่อเพื่อธุรกิจต่าง ๆ
     ทุนชำระแล้ว        :       480 ล้านบาท
     จำนวนหุ้นสามัญที่ออกจำหน่ายแล้ว :      2,300,000  หุ้น
     จำนวนหุ้นที่บริษัทถืออยู่         :      2,299,993  หุ้น
     สัดส่วนการถือหุ้น             :      ร้อยละ 99.99
     มูลค่าเงินลงทุน (ตามราคาทุน)  :      230 ล้านบาท



     ชื่อบริษัท                 :บริษัท พรีเมียร์ อินเตอร์ลิซซิ่ง จำกัด
     เลขทะเบียนบริษัท          :0105529047547
     สถานที่ตั้ง                :เลขที่ 2 พรีเมียร์เพลซ ซอยพรีเมียร์ 2 ถนนศรีนครินทร์
                             แขวงหนองบอน  เขตประเวศ  กรุงเทพฯ 10250
     โทรศัพท์                 :0-2301-1900
     โทรสาร                 :0-2301-1900
     ประเภทธุรกิจ             :ให้บริการรถเช่าแบบ Operating Lease
     ทุนชำระแล้ว              :135 ล้านบาท
     จำนวนหุ้นสามัญที่ออกจำหน่ายแล้ว: 27,000,000  หุ้น
     จำนวนหุ้นที่ถืออยู่โดย
     บจ.พรีเมียร์ แคปปิตอล (2000): 26,999,994  หุ้น
     สัดส่วนการถือหุ้น            : ร้อยละ 99.99
     มูลค่าเงินลงทุน (ตามราคาทุน) : 135.47  ล้านบาท

     ชื่อบริษัท                 :บริษัท พรีเมียร์ โบรคเคอร์เรจ จำกัด
     เลขทะเบียนบริษัท          :0845527000059
     สถานที่ตั้ง                :เลขที่ 1 พรีเมียร์คอร์เปอเรทปาร์ค ซอยพรีเมียร์ 2
                             ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน  เขตประเวศ
                             กรุงเทพฯ 10250
     โทรศัพท์                 :0-2301-1271 - 81
     โทรสาร                 :0-2399-1055, 0-2399-1057
     ประเภทธุรกิจ             :นายหน้าประกันวินาศภัย
     ทุนชำระแล้ว              :7  ล้านบาท
     จำนวนหุ้นสามัญที่ออกจำหน่ายแล้ว: 70,000  หุ้น
     จำนวนหุ้นที่ถืออยู่โดย
      บจ.พรีเมียร์ แคปปิตอล (2000): 69,994  หุ้น
     สัดส่วนการถือหุ้น      : ร้อยละ  99.99
     มูลค่าเงินลงทุน (ตามราคาทุน):   12.48 ล้านบาท




     ชื่อบริษัท                :บริษัท พรีเมียร์ แอลเอ็มเอส จำกัด
     เลขทะเบียนบริษัท         :0105541011662
     สถานที่ตั้ง               :เลขที่ 1 พรีเมียร์คอร์เปอเรทปาร์ค ซอยพรีเมียร์ 2
                            ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน  เขตประเวศ
                            กรุงเทพฯ 10250
     โทรศัพท์                :0-2301-2050
     โทรสาร                :0-2301-2098
     ประเภทธุรกิจ            :ให้บริการจัดการสินเชื่อ
     ทุนชำระแล้ว             :1 ล้านบาท
     จำนวนหุ้นสามัญที่ออกจำหน่ายแล้ว:10,000  หุ้น
     จำนวนหุ้นที่ถืออยู่โดย
       บจ.พรีเมียร์ แคปปิตอล (2000):  9,994  หุ้น
     สัดส่วนการถือหุ้น              : ร้อยละ 99.94
     มูลค่าเงินลงทุน (ตามราคาทุน)   :1 บาท

ง) การดำเนินการแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอน
     1.      วันที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศว่าบริษัทเข้าข่ายเหตุเพิกถอน
             3 เมษายน 2541
     2.      สาเหตุเข้าข่ายถูกเพิกถอน
     เนื่องจากงบการเงินประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 ปรากฏผลขาดทุนสุทธิจำนวน 7,703.15
ล้านบาท และสินทรัพย์มีตัวตนสุทธิเท่ากับ (4,858.71) ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ (607.34)
ของทุนชำระแล้ว 800 ล้านบาท ซึ่งเข้าเกณฑ์อาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาด
หลักทรัพย์
     3.      การแก้ไขเหตุถูกเพิกถอน
         บริษัทได้ดำเนินการแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอน โดยจัดทำแนวทางการฟื้นฟูกิจการครอบคลุม
การปรับโครงสร้างธุรกิจและการปรับโครงสร้างหนี้ ตามลำดับเหตุการณ์ ดังนี้
12 เมษายน 2543      :ลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับกลุ่มเจ้าหนี้ตามแนวทางของคณะกรรมการ
                    เพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (คปน.) ธนาคารแห่งประเทศไทย
12 พฤษภาคม 2543     :เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
18 มกราคม 2544      :ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยกับแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทที่เจ้าหนี้
                    ได้ให้ความเห็นชอบแล้วโดยที่ประชุมเจ้าหนี้ เนื่องจากมีเจ้าหนี้บางรายคัดค้านแผน
19 กุมภาพันธ์ 2544     :บริษัทยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลล้มละลายกลางต่อศาลฎีกา
 2 สิงหาคม 2545     :ศาลฎีกามีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท
กันยายน 2545-2547    :ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ
13 ตุลาคม 2548       :ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยกับการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการเกี่ยวกับการปรับปรุง
                    โครงสร้างธุรกิจ
31 ตุลาคม 2548       :ดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยคัดเลือกธุรกิจบริการทางด้านการเงินเป็น
                    ธุรกิจหลัก และโอนขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก อันได้แก่เงินลงทุนในบริษัทย่อย
                    และบริษัทร่วม เงินลงทุนและทรัพย์สินอื่นๆ ทั้งหมด ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก
                    ให้แก่บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด
15 ธันวาคม 2548      :ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยกับการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการเกี่ยวกับการปรับโครงสร้าง
                    ทางการเงิน
28 ธันวาคม 2548      :ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนการปรับปรุงโครงสร้าง
                    ทางการเงินทำให้มีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 8,121.53 ล้านบาท และมีทุนชำระแล้ว
                   เท่ากับ 8,000 ล้านบาท
จ) การมีคุณสมบัติครบถ้วนเพื่อขอนำหลักทรัพย์กลับเข้าทำการซื้อขายในหมวดอุตสาหกรรมปกติ
ปัจจุบัน บริษัทได้ดำเนินการแก้ไขจนมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะขอพ้นเหตุเพิกถอนตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์
และมีความประสงค์ขออนุญาตนำหลักทรัพย์กลับเข้าซื้อขายในหมวดการดำเนินงานปกติเช่นหลักทรัพย์ทั่วไป
โดยบริษัทขอชี้แจงรายละเอียดการปฏิบัติตามเกณฑ์เพื่อแสดงว่ามีฐานะทางการเงินและผลงานที่มั่นคงแล้วดังนี้
     1.ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท (ภายหลังปรับปรุงความเห็นผู้สอบบัญชี) > 0
       จากงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับรอง บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น (ก่อนส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) ประจำปี
2548 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เท่ากับ 207.40 ล้านบาท และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 เท่ากับ
210.48 ล้านบาท
     2.มีกำไรจากการดำเนินงานในธุรกิจหลัก 3 ไตรมาสติดต่อกัน หรือภายใน 1 ปี ก่อนยื่นคำขอผ่อนผัน
       ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทมีกำไรสุทธิจากการประกอบการ เท่ากับ 816.22 ล้านบาท
เป็นกำไรสุทธิจากธุรกิจหลักที่ยังคงดำเนินการอยู่ (ธุรกิจให้บริการด้านการเงิน) ภายหลังการปรับ
โครงสร้างธุรกิจเท่ากับ 278 ล้านบาท โดยในวันที่ 31 ตุลาคม 2548 บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจโดย
คัดเลือกธุรกิจการให้บริการทางด้านการเงิน (Specialty Finance) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีผลกำไรต่อเนื่อง
เป็นธุรกิจหลัก โดยมีรายละเอียดการประกอบธุรกิจ ดังได้กล่าวไว้ในหัวข้อ ก) การประกอบธุรกิจ
      อนึ่ง กำไรสุทธิจากการประกอบธุรกิจหลักสำหรับปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง
มีจำนวนเท่ากับ 278 ล้านบาท ซึ่งหากปรับปรุงรายการส่วนแบ่งผลขาดทุนจากบริษัทร่วมที่ขายออกไป 48
ล้านบาทและรายการกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินและธุรกิจส่วนที่ขายออกไปอีก 311 ล้านบาท แล้ว
ยังคงมีกำไรจำนวน 15 ล้านบาท (278+48-311)  (ดูรายละเอียดประกอบในตารางที่ 1) ซึ่งกำไร
จำนวนดังกล่าวมาจากรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักของบริษัททั้งสิ้น ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าบริษัท
มีผลกำไรจากการดำเนินงานเป็นเวลา 1 ปีก่อนขออนุญาตนำหลักทรัพย์เข้าทำการซื้อขายในหมวดอุตสาห
กรรมปกตินอกจากนี้ ในในครึ่งแรกของปี  2549  บริษัทมีผลกำไรสุทธิสำหรับงวดเท่ากับ  11.14
ล้านบาทดังปรากฏในงบการเงินระหว่างกาลของผู้สอบบัญชีสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน
2549 ซึ่งเป็นผลกำไรจากธุรกิจปกติทั้งสิ้น ทำให้ผลประกอบการในระยะเวลา 1 ปีโดยนับจากไตรมาสที่ 3
ปี 2548 ถึง ไตรมาสที่ 2 ปี 2549 มีกำไรจำนวน 325 ล้านบาท (ดูรายละเอียดประกอบในตารางที่ 2)
และหลังจากปรับปรุงด้วยรายการส่วนแบ่งผลขาดทุนจากบริษัทร่วมที่ขายออกไป และรายการกำไรจากการ
จำหน่ายทรัพย์สินและธุรกิจส่วนที่ขายออกไปแล้ว ยังคงมีกำไรจำนวน 27 ล้านบาท (ดูรายละเอียดประกอบ
ในตารางที่ 3) ซึ่งก็ยังสามารถแสดงได้ว่าบริษัทยังคงมีผลกำไรจากการดำเนินการก่อนยื่นคำขอ
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
Frankie
Verified User
โพสต์: 999
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ยังมีต่อครับ . . .

ตารางที่ 1       ตัวเลขแสดงรายการในงบกำไรขาดทุนของการดำเนินงานที่ยังคงอยู่และการดำเนินส่วนที่
         ยกเลิกอ้างอิงจากข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงินประจำปี 2548 และหมายเหตุ
         ประกอบงบการเงินงวดสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2549 ข้อที่ 25  ที่ได้รับการตรวจสอบและ
         สอบทานจากผู้สอบบัญชีแล้ว

                                                            หน่วย : ล้านบาท
                                      สำหรับปี
                                   สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม      งวด 6 เดือน
                                                         สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน
                                  2547       2548      2548      2549
การดำเนินงานที่ยังดำเนินอยู่ (ส่วนงานธุรกิจบริการทางการเงิน)
รายได้จากการประกอบธุรกิจ
    รายได้ค่าเช่าและบริการ                577     486         238      200
    กำไรจากการจำหน่ายยานพาหนะให้เช่า1     25      22           8       18
    รายได้งาน บริหารทรัพย์สิน
   (บริการงานกฎหมาย)2                   10      11           5        6
    รายได้จากสัญญาเช่าซื้อ                  11       6           4        1
    รายได้จากการขาย                      5       1           2        -
    รายได้ค่าจัดการรับ 3                   76     124          43        8
    รายได้ค่าสิทธิ 4                       19      16           8        1
    กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินถาวร         11       -           -        -
    กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้-เนื่องจาก
     จำนวนหุ้นชำระหนี้ลดลง                  3       -           -        -
    กำไรจากการซื้อหนี้บริษัทย่อย               6       -           -        -
    รายได้อื่น 5                          19      18           3       16
              รวมรายได้                762     684         311      250
กำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์                   -     311           -        -
ส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จากบริษัทร่วม           15    (48)        (35)        -
ค่าใช้จ่าย
    ต้นทุนขาย                          (315)   (291)      (149)     (125)
    ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร          (351)   (321)      (132)      (89)
กำไรจากกิจกรรมดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย
และภาษีเงินได้                           111     335         (5)       36
ดอกเบี้ยจ่าย                              (38)    (42)       (23)      (20)
กำไรก่อนภาษีเงินได้                         73     293        (28)       16
ภาษีเงินได้                               (26)    (15)        (8)       (5)
กำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่ยังดำเนินอยู่         47     278        (36)       11
หมายเหตุ   1  =  กำไรจากการขายรถที่ครบอายุสัญญาเช่า ของ บริษัท พรีเมียร์ อินเตอร์ ลิซซิ่ง
               จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจปกติ
         2  =  เป็นค่าบริการการดำเนินการทางกฎหมาย เช่น การฟ้อง ดำเนินคดี บังคับคดี
               รวมทั้งการขายทอดตลาดทรัพย์สิน   ของ บริษัท พรีเมียร์ แอลเอ็มเอส จำกัด
         3  =  เป็นค่าบริหารจัดการที่บริษัท พรีเมียร์ แคปปิตอล 2000 จำกัด เรียกเก็บจากบริษัท
               ในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์
         4  =  เป็นค่ารอยัลตี้ที่บริษัท พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) เรียกเก็บจากบริษัท
               ในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์
        5  =  รายได้อื่นปี 2548 ประกอบด้วย ดอกเบี้ยรับ, รายได้ค่าปรับกรณีลูกค้าผิดสัญญา,
              รายได้ค่าเช่า และ เงินปันผลรับ  ส่วนรายได้อื่นครึ่งแรกปี 2549 ประกอบด้วย
              รายได้จากธุรกิจเช่าซื้อในส่วนของทะเบียน ประกันภัย, ดอกเบี้ยรับ, รายได้ค่าปรับ
              กรณีลูกค้าผิดสัญญา


                                                   หน่วย : ล้านบาท
                                 สำหรับปี
                               สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม      งวด 6 เดือน
                                                     สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน
                                 2547          2548         2548         2549
การดำเนินงานที่ยกเลิก (ส่วนงานรถยนต์,
สินค้าอุปโภคบริโภค และ ผลิตภัณฑ์สิ่งแวดล้อม)
รายได้                              5,010        3,454       2,113         -
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน              (5,009)      (3,357)     (2,067)        -
กำไรจากกิจกรรมดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย      1           97          46         -
ดอกเบี้ยจ่าย                            (46)         (38)        (23)        -
กำไร (ขาดทุน) ก่อนส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย
ในบริษัทย่อย                           (45)           59          23         -
ขาดทุนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในบริษัทย่อย          6            5            5         -
กำไร (ขาดทุน) สุทธิจากการดำเนินงานที่ยกเลิก(39)          64           28         -

รวมทั้งกิจการ
กำไร (ขาดทุน) จากกิจกรรมปกติ             8          342          (8)        11
รายการพิเศษ กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้   -          474           -           -
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ                      8          816          (8)        11


ตารางที่ 2       ผลประกอบการรอบระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549
         (1 กรกฎาคม 2548 ถึง 30 มิถุนายน 2549)

                                                              หน่วย : ล้านบาท
     กำไรสุทธิปี 2548                                                 278
     หัก    ผลประกอบการสุทธิงวด 6 เดือน สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2548   (-36)
     บวก  ผลประกอบการสุทธิงวด 6 เดือนสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2549       11      47
     กำไรสุทธิรอบระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549              325

ตารางที่ 3       ผลประกอบการรอบระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 หลังจากปรับปรุง
         ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม และกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินและธุรกิจส่วนที่ขายออกไป

                                                              หน่วย : ล้านบาท
     กำไรสุทธิรอบระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549              325
     บวก ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมปี 2548                                48
                                                                   373
     หัก ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมไตรมาส 2 ปี 2548                 35
            กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินและธุรกิจส่วนที่ขายออกไป       311    346
     กำไรสุทธิรอบระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549
     หลังจากปรับปรุงส่วนแบ่งขาดทุนฯ                                       27

3.ปรับโครงสร้างหนี้ได้มากกว่า 75% ของมูลหนี้ทั้งหมดของบริษัทและในช่วงเวลาพิจารณาผล
การดำเนินงานตามข้อ 2 บริษัทสามารถจ่ายชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงินในธุรกิจหลักที่ยังคงดำเนิน
การอยู่ได้ตามกำหนดเวลาตั้งแต่เข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการบริษัทได้ปรับโครงสร้างหนี้ได้มากกว่า 75%
โดยหลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและแปลงหนี้
เป็นทุนตามแผนฯ ทำให้มีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 3,878.47 ล้านบาท และต่อมาในวันที่ 15 ธันวาคม 2548
ศาลล้มละลายกลาง ได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยกับการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อปรับปรุงโครง
สร้างธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินของบริษัทโดยสมบูรณ์ บริษัทจึงได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและ
แปลงหนี้เป็นทุนตามแผน ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทปรับโครงสร้างหนี้เป็นผลสำเร็จตามแผนทุกประการ โดยมีภาระ
หนี้เหลืออยู่ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 เท่ากับ 633.61 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการปรับโครงสร้าง
เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินตามแผนฟื้นฟูกิจการในปี 2548 รายละเอียด
สามารถสรุปได้ตามเอกสารประกอบ 1 ที่แนบมาพร้อมจดหมายนี้

จากการดำเนินการดังกล่าวทำให้ทุนจดทะเบียนของบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 มีเป็นจำนวน
8,121.53 ล้านบาท และมีทุนชำระแล้ว 8,000 ล้านบาท โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 207.43 ล้านบาท
และในช่วงเวลาพิจารณาผลการดำเนินงานตามข้อ 2 บริษัทสามารถจ่ายชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน
ในธุรกิจหลักที่ยังคงดำเนินการอยู่ได้ตามกำหนดเวลามาโดยตลอด
4.แสดงได้ว่ามีฐานะทางการเงินและผลงานที่มั่นคงตามสภาพของธุรกิจปัจจุบันของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทมีสินทรัพย์ตามงบการเงินรวมเท่ากับ 1,565.53 ล้านบาท โดยมีหนี้สิน
ทั้งสิ้น 1,358.10 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท 207.40 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วน
ของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 6.55 เท่า อย่างไรก็ดีตามแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทจะชำระคืนหนี้เจ้าหนี้บุริมสิทธิ์เหนือที่ดิน
และอาคารสำนักงาน จำนวน 483,611,472 บาท โดยการขายหรือโอนชำระหนี้ และหากลดหนี้ในส่วนนี้
ลงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจะลดลงเหลือเท่ากับ 4.22 เท่า ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมสำหรับ
การประกอบธุรกิจบริการทางการเงินซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทก็ยังคงมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงพอสมควร โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วน
ของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 6.24 และหากลดหนี้ในส่วนของเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์เหนือที่ดินและอาคารสำนักงานที่บริษัทจะ
ชำระคืนตามแผนนั้น อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจะลดเหลือเท่ากับ 3.94
ในด้านผลประกอบการนั้น บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเหลือเฉพาะธุรกิจบริการทางการเงิน (Specialty
Finance) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีผลกำไรและขยายตัวมาโดยต่อเนื่อง เหมาะสมกับศักยภาพภายในของบริษัทที่มี
ความพร้อมทั้งฐานลูกค้า บุคคลากรที่มีประสบการณ์และความชำนาญ อันจะส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดี
และมั่นคงในอนาคต บริษัทขอสรุปสาระสำคัญของธุรกิจหลักที่บริษัทยังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
  4.1 ลักษณะการประกอบธุรกิจ
      ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนในธุรกิจการให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร โดยผ่านบริษัทย่อย 4
แห่ง ดังรายละเอียดที่กล่าวไว้ในหัวข้อ ก) การประกอบธุรกิจ
      การดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นในด้านการให้บริการเป็นหลัก มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย แต่มีความชัดเจน
โดยกลุ่มลูกค้าทั้งหมดจะได้รับการคัดสรรว่ามีศักยภาพและมีความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ อันได้แก่ กลุ่มรัฐ
วิสาหกิจ ธุรกิจสารสนเทศ ธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคม กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มบริษัทไฟฟ้าและ
อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการ รวมถึงการให้บริการภาย
ในกลุ่มบริษัทพรีเมียร์
  4.2 กลยุทธ์ด้านการบริการและการตลาด
      ใช้กลยุทธ์ในด้านชื่อเสียงและการเป็นที่ยอมรับในงานบริการที่ให้แก่ลูกค้า โดยมุ่งเน้นทั้งคุณภาพและ
ประสิทธิภาพของการให้บริการเป็นสำคัญ และจะไม่ทำธุรกิจแข่งขันกับสถาบันการเงินโดยตรง แต่จะมุ่งเน้น
หาตลาดที่มีความต้องการเฉพาะ สร้างมูลค่าเพิ่มในการบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่ม
เป้าหมาย  โดยในด้านการให้บริการรถเช่าจะเน้นการให้บริการระยะยาวเป็นหลัก  ด้านบริการจัดการ
สินเชื่อจะเน้นการบริหารสินทรัพย์/หนี้สินอสังหาริมทรัพย์ และหนี้เช่าซื้อให้กับสถาบันการเงินต่าง ๆ รวมถึง
การประมูลซื้อสินเชื่อที่มีปัญหาเพื่อมาบริหาร  ส่วนด้านการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย ให้บริการประกันอัคคีภัย
การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง การประกันภัยรถยนต์ และการประกันภัยอื่น ๆ  โดยบริษัทได้จัดทำเว็บไซต์
www.premier.co.th เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าที่ใช้บริการ รวมทั้งเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้า
และบริการให้กับบริษัท
  4.3 การพัฒนาด้านบุคลากร
      บุคลากรของบริษัทจะได้รับการฝึกอบรมทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับงานโดยตรง และส่วนที่เป็นการเสริมสร้าง
ทัศนคติ จิตสำนึกทีดีในงานบริการ  จัดกิจกรรมต่อเนื่องเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพควบคู่ไปกับคุณธรรมตาม
โครงการคนดีของพรีเมียร์( Premier People) ซึ่งนับได้ว่าเป็นนโยบายสำคัญในการบริหารบุคลากรของ
บริษัท นอกจากนี้ยังมีนโยบายในการสรรหาคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าร่วมทีมงาน การจัดสวัสดิการที่
เหมาะสม สร้างความมั่นคงและก้าวหน้าในอาชีพ ทำให้สามารถรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพให้ร่วมงานอยู่กับ
องค์กรได้ยาวนาน สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ





4.4 ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน (โดยรวม) เปรียบเทียบ
   ก.  ผลการดำเนินงาน
                                2547        2548           ครึ่งแรกปี 2549
                              ล้านบาท   ร้อยละ    ล้านบาท   ร้อยละ  ล้านบาท   ร้อยละ
รายได้จากการขาย               4,260.63   82.82  2,782.49   71.71    0.26     0.10
รายได้จากค่าเช่าและการบริการ       615.37   11.96    575.66   14.84  199.71    79.85
รายได้จากสัญญาเช่าซื้อ              16.94    0.33       8.30    0.21    1.02     0.41
กำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน           -       -       310.82    8.01     -         -
รายได้อื่น                       251.37    4.89     202.94    5.23   49.13     19.64
รวมรายได้                    5,144.31  100.00   3,880.21  100.00  250.12    100.00
ต้นทุนขายและบริการ            (4,061.92) (78.96) (2,664.00) (68.65) (125.40)  (50.14)
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร     (976.46)  (18.98)  (748.35)  (19.29) (91.77)   (36.69)
หนี้สงสัยจะสูญโอนกลับ                5.63    0.11      3.13     0.08    3.37      1.35
ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนตามวิธี
ส่วนได้เสียของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม      -      -     (47.70)  (1.23)     -          -
กำไร (ขาดทุน) ก่อนดอกเบี้ยจ่าย
และภาษีเงินได้                   111.57     2.17    423.29   10.91    36.32   14.52
ดอกเบี้ยจ่าย                    (84.06)   (1.63)   (70.60)  (1.82)  (20.30)   (8.12)
ภาษีเงินได้นิติบุคคล               (25.44)   (0.50)   (15.14)  (0.39)   (4.88)   (1.95)
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย              5.85      0.11      4.58    0.12    -        -
กำไร (ขาดทุน) จากกิจกรรมปกติ      7.92      0.15    342.13    8.82   11.14     4.45
รายการพิเศษ (กำไรจากการปรับ
โครงสร้างหนี้                      -         -      474.09   12.22     -           -
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ               7.92     0.15     816.22   21.04  11.14      4.45


     ข.  ฐานะการเงิน
                                    2547          2548           ครึ่งแรกปี 2549
                                    ล้านบาท   ร้อยละ  ล้านบาท   ร้อยละ  ล้านบาท   ร้อยละ
สินทรัพย์หมุนเวียน
  - ลูกหนี้การค้า-สุทธิ                 344.84    10.79    67.97   4.34   48.68   3.19
  - ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อครบชำระใน 1 ปี  38.65     1.21    9.54    0.61   4.24    0.28
  - เงินให้กู้ยืมระยะสั้นและเงินทดรอง-สุทธิ  19.43     0.61   52.74    3.37  105.14   6.90
  - สินค้าคงเหลือ-สุทธิ                293.03     9.17    0.45    0.03    0.31   0.02
  - สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น               303.75     9.50   653.46  41.74  602.47  39.54
         รวมสินทรัพย์หมุนเวียน         999.70    31.28   784.16  50.09  760.84  49.93
ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ-สุทธิจากส่วนที่
ครบชำระใน 1 ปี                      26.14      0.82     2.29   0.15    0.38   0.02
ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์-สุทธิ          1,619.53     50.68   719.91  45.98  715.09  46.93
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น                 550.31     17.22    59.17   3.78    47.51  3.12
สินทรัพย์รวม                       3,195.68    100.00 1,565.53 100.00 1,523.82 100.00

                                    2547                   2548       ครึ่งแรกปี 2549
                                 ล้านบาท   ร้อยละ    ล้านบาท   ร้อยละ   ล้านบาท   ร้อยละ
หนี้สินหมุนเวียน
  - เจ้าหนี้การค้า                  461.60   14.44    13.62    0.87    18.06   1.19
  - หนี้สินหมุนเวียนอื่น               763.37   23.89   803.32   51.31   766.77  50.32
         รวมหนี้สินหมุนเวียน       1,224.97   38.33   816.94   52.18   784.83  51.51
หนี้สินไม่หมุนเวียน                  3,862.35  120.86   541.16   34.57   528.49  34.68
หนี้สินรวม                        5,087.32  159.19 1,358.10   86.75 1,313.32  86.19
ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท (ขาดทุน)    (1,922.52) (60.16)  207.40   13.25   210.48  13.81
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย                30.89    0.97      0.02    -        0.02   -


        ค.  กระแสเงินสด
                                 2547      2548      ครึ่งแรกปี 2549
                                 ล้านบาท      ล้านบาท        ล้านบาท
เงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน             164.00      307.66        77.70
เงินสดสุทธิจากการลงทุน                 186.28      (41.62)       10.58
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน          (442.27)    (404.71)     (139.20)


       ง.  อัตราส่วนทางการเงิน
                                   2547      2548      ครึ่งแรกปี 2549
อัตราส่วนสภาพคล่อง (เท่า)               0.82        0.96          0.97
อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (เท่า)         0.46        0.18          0.10
อัตรากำไรขั้นต้น (%)                   16.98%      20.87%       37.61%
อัตรากำไรสุทธิจากกิจกรรมปกติ * (%)      0.15%        0.81%        4.45%
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (%)           0.23%       34.29%        0.72%
อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (เท่า)               n.m.        6.55         6.24

          *  =       ไม่รวมกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สินและธุรกิจส่วนที่ขายออกไปในปี 2548
      จ.  คำอธิบายแลการวิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน
          หลังจากที่บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม
2548  ผลการดำเนินงานดีขึ้นเป็นลำดับ โดยในครึ่งแรกปี 2549 มีรายได้รวม 250.12 ล้านบาท และ
มีกำไรสุทธิ 11.14 ล้านบาท  แม้ว่ารายได้โดยรวมของบริษัทจะลดลงจากการขายธุรกิจและทรัพย์สินที่ไม่
เกี่ยวข้องกับธุรกิจทางด้านการเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักออกไป แต่ก็ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 37.61
และอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 4.45  ดีขึ้นกว่าปี 2547 (ก่อนการปรับโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างทาง
การเงิน) ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 16.98 และอัตรากำไรสุทธิร้อยละ0.15
         ด้านฐานะการเงิน การปรับโครงสร้างทางการเงินตามแผนฟื้นฟูกิจการ ทำให้บริษัทมีฐานะทาง
การเงินที่เข้มแข็งขึ้น โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2549 บริษัทมีทรัพย์สินรวม 1,523.82 ล้านบาท ลดลงจาก
3,195.68 ล้านบาทในปี 2547 และมีหนี้สินรวม 1,313.32 ล้านบาท ลดลงจาก 5,087.32 ล้านบาท
ส่งผลให้มีส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2549 เท่ากับ 210.48 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าในปี
2547 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นขาดทุนเกินทุน 1,922.52 ล้านบาท
   4.5 โครงสร้างรายได้และแนวโน้มในการเจริญเติบโตในอนาคต
       บริษัทมีโครงสร้างรายได้ในธุรกิจที่ยังคงดำเนินการอยู่ในปัจจุบันสำหรับปี 2548 ดังนี้
      ธุรกิจ                      มูลค่า (ล้านบาท)  สัดส่วนรายได้  อัตรากำไรขั้นต้น
    ให้บริการรถเช่าแบบ Operating Lease  376.9      77.2%        23.2%
    บริการจัดการสินเชื่อ                   77.9      15.9%       100.0%
    บริการนายหน้าประกันวินาศภัย            10.1       2.1%        69.6%
    บริการให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ               23.5       4.8%        10.4%
                 รวม                 488.4     100.0%

   บริษัทยังคงมุ่งขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายจำนวนรถสำหรับให้บริการเช่า
ระยะยาว รับบริหารสินเชื่อและเข้าร่วมประมูลพอร์ตสินเชื่อมาบริหารให้มากขึ้น ขยายบริการประกันภัย
ด้านทรัพย์สินให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งขยายบริการเพิ่มเติมจากมูลค่าเพิ่มในผลิตภัณฑ์เดิมของบริษัท
ซึ่งปัจจุบันก็มีลูกค้าเป้าหมายที่ให้ความสนใจและอยู่ระหว่างเจรจาจำนวนหนึ่ง โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะ
สร้างความเจริญเติบโตให้ธุรกิจไม่น้อยกว่าอัตราเติบโตของอุตสาหกรรม
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
Frankie
Verified User
โพสต์: 999
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ที่เห็น 8)  เกิดจากข้อมูลที่ก็อปปี้มา เป็นเลข 8 กับวงเล็บปิด ) ครับ
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
Frankie
Verified User
โพสต์: 999
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ในธุรกิจให้บริการรถเช่าแบบ Operating Lease อัตราเติบโตของตลาดรถเช่าโดยรวมยังคง
เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10  และบริษัทตั้งเป้าอัตราเจริญเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่าอัตราเติบโตของตลาดโดยรวม
โดยยังคงเน้นขยายลูกค้าในกลุ่มธุรกิจพลังงาน และกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรเป็นหลัก  โดย ณ วันที่
30 มิถุนายน 2549 บริษัทมีจำนวนรถให้เช่ารวม 1,384 คัน คิดเป็นมูลค่าสัญญาเช่าระยะยาวจำนวน 615
ล้านบาท  ส่วนธุรกิจจัดการสินเชื่อ บริษัทมีสินเชื่อในพอร์ตที่ให้บริหารประมาณ 2,450 ล้านบาท โดยบริษัท
จะแสวงหาและเพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้าในปัจจุบันและลูกค้ารายใหม่ ๆ เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตและ
มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นในอนาคต
บริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสร้างสรรค์งานบริการให้ตรงความต้องการลูกค้าให้มากที่สุด ด้วยคุณภาพและการ
เสนอราคาที่เหมาะสมแก่ลูกค้า  ลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นทั้งทางตรงและทางอ้อม  ซึ่งจากการบริหาร
จัดการดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ได้อย่างมั่นคง ขณะเดียวกันก็ยังสามารถเพิ่มจำนวน
ลูกค้าใหม่ได้อย่างสม่ำเสมอ
  ฉ) คณะกรรมการและผู้บริหารบริษัท (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549)
     1.  คณะกรรมการบริษัท
         คณะกรรมการบริษัทตามหนังสือรับรองกระทรวงพาณิชย์ ลงวันที่  12  ธันวาคม  2545
ประกอบด้วยกรรมการ  5  ท่าน คือ
     1.  นายอุดม      ชาติยานนท์    ประธานกรรมการ
     2.  นายวิเชียร    พงศธร       กรรมการ
     3.  นายสุรเดช    บุณยวัฒน      กรรมการ
     4.  นางดวงทิพย์   เอี่ยมรุ่งโรจน์  กรรมการ
     5.  นายวิวัฒน์     พงศธร       กรรมการ
         อย่างไรก็ดี เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและ
ทรัพย์สินของบริษัทตกแก่ผู้บริหารแผน คือ บริษัท พรีเมียร์ แพลนเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของ
แผนและสัญญาปรับโครงสร้างหนี้  โดยรายละเอียดของคณะกรรมการของ บริษัท พรีเมียร์ แพลนเนอร์
จำกัด  ผู้บริหารแผน ประกอบด้วย กรรมการ 5 ท่าน คือ
     1. นายวิเชียร     พงศธร       ประธานกรรมการ
     2. นายสุรเดช     บุณยวัฒน      กรรมการ
     3. นางดวงทิพย์    เอี่ยมรุ่งโรจน์  กรรมการ
     4. นายวิวัฒน์      พงศธร       กรรมการ
     5. นายธีระพล     จุฑาพรพงศ์    กรรมการ



     2.        รายชื่อผู้บริหาร
         บริษัทอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของบริษัท
ตกแก่ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติกฎหมายล้มละลาย
ช) ผู้ถือหุ้น
     1. ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 รายแรก   ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2549

                  ชื่อ                        จำนวนหุ้น       ร้อยละของ
                                                          ทุนชำระแล้ว
 1. ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)            183,218,969       22.90
 2. บริษัท พรีเมียร์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด                178,130,670       22.27
 3. ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน)              46,349,076        5.79
 4. บริษัท พรีเมียร์โกลเบิลคอร์เปอเรชั่น จำกัด         45,157,226        5.64
 5. บริษัท พรีเมียร์ แพลนเนอร์ จำกัด *              41,587,945        5.20
 6. บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด         38,746,562        4.84
 7. บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย                      32,820,008        4.10
 8. ธนาคาร คอมเมอร์สแบงก์ อัคเตียน เกเซลซาฟ      23,455,280        2.93
 9. บริษัท ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส คอร์ปอเรท
    รีสตรัคเจอริ่ง จำกัด                          21,290,934        2.66
10. ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)              15,911,393        1.99
           รวมผู้ถือหุ้นรายใหญ่                   626,668,073       78.32

หมายเหตุ  * การถือหุ้นของ บจ.พรีเมียร์ แพลนเนอร์ เป็นการถือหุ้นแทนและเพื่อประโยชน์ของ
เจ้าหนี้กลุ่ม 8 (เจ้าหนี้  ในมูลหนี้ค้ำประกัน) ตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท

     2.       จำนวนผู้ถือหุ้น   ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2549 ปรากฏดังนี้
                                         จำนวนราย      จำนวนหุ้น    ร้อยละของ
                                                                  ทุนชำระแล้ว
1. ผู้ถือหุ้นสามัญที่เป็น Strategic Shareholders
   1.1 รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานรัฐ          7      86,738,544   10.84
   1.2 กรรมการ ผู้จัดการ และผู้บริหาร รวมถึง
         ผู้ที่เกี่ยวข้องและบุคคลที่มีความสัมพันธ์       12      251,251,344   31.41
   1.3 ผู้ที่ถือหุ้น > 5% โดยนับรวมผู้ที่เกี่ยวข้อง        4      230,116,504   28.76
   1.4 ผู้มีอำนาจควบคุม                         -          -           -
   1.5 ผู้ถือหุ้นที่มีข้อตกลงในการห้ามขายหุ้น
         ภายในเวลาที่กำหนด                    -          -            -
2. ผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อยที่ถือไม่ต่ำกว่า 1 หน่วย
   การซื้อขาย                             1,109      231,889,470   28.99
3. ผู้ถือหุ้นสามัญที่ถือต่ำกว่า 1 หน่วยการซื้อขาย        111            4,138    -
รวมผู้ถือหุ้นสามัญทั้งสิ้น                         1,243      800,000,000  100.00
ซ) ระยะเวลาห้ามขายหลักทรัพย์ (Silent Period) ของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงาน
  (Strategic Shareholder)
  บริษัทรับทราบหลักเกณฑ์เกี่ยวกับระยะเวลาการห้ามขายหลักทรัพย์ (Silent Period) ในกรณีที่
หลักทรัพย์ของบริษัทจะได้รับการพิจารณาย้ายกลับเข้าสู่หมวดปกติ ซึ่งห้ามผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหาร
งานของบริษัท (Strategic Shareholders) ขายหุ้นที่ตนเองถืออยู่ทั้งหมดเป็นเวลา 1 ปี นับจากวันที่
หลักทรัพย์ของบริษัทกลับมาทำการซื้อขายในหมวดอุตสาหกรรมปกติ โดยมีข้อผ่อนผันให้ขายได้ 25% ในเวลา
6 เดือนแรก และให้ขายได้อีก 25% ใน 6 เดือนถัดไป  จากรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2549
บริษัทมีผู้ถือหุ้นที่อยู่ในเกณฑ์ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงานของบริษัท (Strategic
Shareholders) รวมกันเป็น568,106,392 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 71.01 ของทุนชำระแล้วของบริษัท
ฌ) อื่น ๆ
  ภายหลังที่เจ้าหนี้มีมติยอมรับการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการและศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ
ของบริษัท พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) มีเจ้าหนี้รายหนึ่งได้ยื่นคัดค้านแผนที่ผู้บริหารแผนขอแก้ไข
โดยให้เหตุผลในการคัดค้านว่า การปรับโครงสร้างทางการเงินโดยการคงหนี้ที่จะชำระเป็นเงินแก่เจ้าหนี้ไว้
เพียงส่วนหนึ่ง และชำระนี้ส่วนที่เหลือโดยวิธีการแปลงหนี้เป็นทุนนั้นไม่เป็นธรรมแก่เจ้าหนี้ดังกล่าว
   หลังจากนั้น ศาลล้มละลายกลางได้พิจารณาถึงความเท่าเทียมกันของการชำระหนี้โดยปฏิบัติกับเจ้าหนี้
ทุกรายไม่ได้เลือกปฏิบัติ จึงได้มีคำสั่งยืนยันเห็นชอบด้วยการแก้ไขแผนเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม  2548  ต่อมา
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2549 เจ้าหนี้รายดังกล่าวได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นไปยังศาลฎีกา และศาลฎีกา
ได้มีคำสั่งอนุญาตให้อุทธรณ์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549  บริษัทฯ ได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ของเจ้าหนี้รายดังกล่าว
ต่อศาลในวันที่ 14 มิถุนายน 2549
   แผนการปรับโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินเพื่อฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯที่ได้จัดทำและนำ
เสนอที่ประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาและได้รับความเห็นชอบจากศาลแล้วนั้น มีการปฏิบัติต่อเจ้าหนี้ทุกรายอย่าง
เป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ ตามสิทธิที่เจ้าหนี้แต่ละรายมี และเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายฟื้นฟูกิจการ
ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการชำระหนี้และการแปลงหนี้เป็นทุน โดยพิจารณาถึง 2 ข้อหลัก คือ ความ
เป็นธรรมต่อเจ้าหนี้ทั้งหลาย และการที่เจ้าหนี้จะสามารถได้รับชำระหนี้มากกว่ากรณีล้มละลาย
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
Frankie
Verified User
โพสต์: 999
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นPE ต่ำมาก

โพสต์ที่ 17

โพสต์

เอกสารประกอบ 1

การปรับโครงสร้างหนี้ / แผนฟื้นฟูกิจการ

   ปัจจุบันบริษัทอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเห็นชอบโดยศาลฎีกา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม
2545 และในปี 2548 ผู้บริหารแผนเสนอขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเกี่ยวกับการ
ปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างทางการเงิน โดยศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนที่มี
การแก้ไขเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2548 และ 15 ธันวาคม 2548 เนื้อหาสำคัญของการแก้ไขแผนมีดังนี้

     ก) การปรับโครงสร้างธุรกิจ

       ให้บริษัทดำเนินการโอนทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักให้แก่บริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อบริหารกิจการและ
จัดการทรัพย์สิน คือ บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด โดยมีรายละเอียดดังนี้

     -      เงินลงทุนในบริษัทย่อยทั้งหมดยกเว้นเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่อยู่ในสายธุรกิจการเงินจำนวน 4
บริษัทคือ บริษัท พรีเมียร์ แคปปิตอล (2000) จำกัด บริษัท พรีเมียร์ อินเตอร์ ลิซซิ่ง จำกัด บริษัท พรีเมียร์
โบรคเคอร์เรจ จำกัด และบริษัท พรีเมียร์ แอลเอ็มเอส จำกัด
     -      เงินลงทุนในบริษัทร่วม เงินลงทุนระยะยาว และเงินลงทุนชั่วคราวทั้งหมด
     -      ทรัพย์สินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ นอกจากที่ระบุไว้ข้างต้น ซึ่งไม่มีความจำเป็นแก่กิจการของ
บริษัทฯ

     ทั้งนี้แผนฟื้นฟูกิจการได้กำหนดราคาโอนของทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้นเท่ากับมูลค่าสุทธิทางบัญชีตามวิธีส่วน
ได้เสีย ตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ตามงบการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 ที่สอบทานโดยผู้สอบบัญชี
รับอนุญาต และเงื่อนไขการชำระเงินสำหรับมูลค่าทรัพย์สินที่โอน กำหนดชำระให้แล้วเสร็จในระยะเวลา 10 ปี
นับจากวันที่ศาลเห็นชอบด้วยการแก้ไขแผนถึงที่สุด โดยมีระยะเวลาปลอดหนี้ 1 ปี จากนั้นในปีที่ 2 ถึงปีที่ 3
ชำระปีละ 10 ล้านบาท ปีที่ 4 ถึงปีที่ 10 ชำระปีละเท่า ๆ กัน

     ในกรณีที่บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด ผิดนัดชำระหนี้สำหรับมูลค่าทรัพย์สินที่รับโอนให้ถือว่า
บริษัทผิดนัดชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการด้วย

     บริษัทได้โอนทรัพย์สินดังกล่าวให้กับบริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด แล้วเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม
2548 ดังนั้นสายธุรกิจที่จะดำเนินกิจการต่อไปจึงมี 4 บริษัท ดังนี้



           ก)  บริษัท พรีเมียร์ อินเตอร์ ลิซซิ่ง จำกัด
           ข)  บริษัท พรีเมียร์ แอลเอ็มเอส จำกัด
           ค)  บริษัท พรีเมียร์ แคปปิตอล (2000) จำกัด
           ง)  บริษัท พรีเมียร์ โบรคเคอร์เรจ จำกัด
     หมายเหตุ     บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด เป็นบริษัทที่จัดตั้งใหม่ตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้
รับความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ เพื่อรับโอนกิจการที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักจาก บริษัท พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด
(มหาชน)

     ข)       การปรับโครงสร้างทางการเงิน

     การชำระคืนหนี้

         แผนฟื้นฟูกิจการกำหนดให้บริษัทฯ คงหนี้ไว้จำนวน 636,207,750 บาท ภายหลังการแปลงหนี้
เป็นทุน ซึ่งเป็นผลรวมของจำนวนเงิน 486,207,750 บาทซึ่งเท่ากับจำนวนเงินประมาณร้อยละ 80 ของ
ราคาประเมินมูลค่าที่ดินและที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นหลักประกันตามที่กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบ
งบการเงินสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 ข้อ 7   รวมกับจำนวนเงินซึ่งผู้บริหาร
แผนประมาณขึ้นตามความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท จำนวน 150 ล้านบาทโดยมีรายละเอียดตามที่
กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 13

        ให้บริษัทดำเนินการขายที่ดินและอาคารดังกล่าวให้แก่บุคคลที่สนใจภายในระยะเวลา 6 เดือน
นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่งเห็นชอบ เพื่อการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิ์ หรือโอนที่ดินและอาคารแห่งนั้น
เพื่อการชำระหนี้แทน

     การแปลงหนี้เป็นทุน

         แผนฟื้นฟูกิจการกำหนดให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 4,121,527,090 บาท โดยการ
ออกหุ้นสามัญจำนวน 412,152,709 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท แล้วจัดสรรให้เจ้าหนี้ตามสัดส่วน
เพื่อชำระหนี้ในส่วนที่เกินกว่าจำนวนหนี้ที่คงเหลืออยู่

        บริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเพื่อทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 4,000,000,000 บาท เป็น
8,121,527,090 บาทแล้วเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2548

        บริษัทได้ดำเนินการแปลงหนี้จำนวน 1,069,936,022 บาทเป็นทุน โดยการออกหุ้นสามัญให้แก่
เจ้าหนี้ไปแล้วเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 412,152,709 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยมีส่วนต่ำกว่า
มูลค่าหุ้นจำนวน 3,051,591,068 บาท  บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วจากเดิม 3,878,472,910
บาท เป็น 8,000,000,000 บาท เพื่อรองรับหุ้นจำนวนดังกล่าวเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2548

       เจ้าหนี้ในส่วนมูลหนี้ที่บริษัทเข้าไปค้ำประกันภาระหนี้ของบริษัทอื่น แต่หนี้ประธานยังมิได้ถึงกำหนด
ชำระนั้น ผู้บริหารแผนได้เป็นผู้ถือหุ้นจากการแปลงหนี้เป็นทุนไว้แทนเจ้าหนี้เหล่านั้น จนกว่าหนี้ประธานจะถึง
กำหนดชำระตามเงื่อนไข หุ้นที่ออกสำหรับภาระค้ำประกันที่เจ้าหนี้ยังไม่มาใช้สิทธิเรียกชำระกับบริษัท ซึ่งบริษัท
ให้ผู้บริหารแผนถือแทนเจ้าหนี้ได้แสดงไว้เป็นส่วนหักในส่วนของผู้ถือหุ้น

      บริษัทจะบันทึกค่าใช้จ่ายจากภาระค้ำประกันก็ต่อเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับ
ชำระหนี้และเจ้าหนี้มาใช้สิทธิเรียกชำระกับบริษัท และหากผู้บริหารแผนยังคงมีหุ้นถือครองอยู่ภายหลังจาก
ภาระค้ำประกันที่มีทั้งหมดได้ระงับสิ้นไปแล้ว บริษัทจะดำเนินการลดทุนจดทะเบียนเพื่อลดจำนวนหุ้นดังกล่าวต่อไป

       การขยายเวลาการชำระหนี้

       คำขอแก้ไขแผนได้ขยายกำหนดเวลาชำระหนี้จากเดิมซึ่งกำหนดชำระเสร็จสิ้นในปี 2555 ขยายออก
ไปโดยจะสิ้นสุดในปี 2558 และปรับตารางการชำระหนี้ให้เหมาะสมกับประมาณการกระแสเงินสดและความ
สามารถในการชำระหนี้ของบริษัท

     สำหรับสัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมหลังจากการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแก่เจ้าหนี้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้
เป็นดังนี้
                        ปรับโครงสร้าง ครั้งที่ 1   ปรับโครงสร้าง ครั้งที่ 2
                           (2 สิงหาคม 2545)      (15 ธันวาคม 2548)
     (หน่วย : ล้านหุ้น)        ทุนชำระแล้ว สัดส่วน          ทุนชำระแล้ว  สัดส่วน
     ผู้ถือหุ้นเดิม                80.00    21%            80.00     10%
     ผู้ถือหุ้นจากการแปลงหนี้เป็นทุน 307.85    79%           720.00     90%
           รวม              387.85   100%           800.00    100%


     ส่วนการออกจากการฟื้นฟูกิจการตามกระบวนการศาลนั้น ตามขั้นตอนศาลจะพิจารณาว่า ลูกหนี้ปฏิบัติ
ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในแผนครบถ้วนและไม่มีคดีโต้แย้งใด ๆ เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการค้างอยู่  ซึ่งปัจจุบัน
บริษัทได้ปรับโครงสร้างหนี้เป็นผลสำเร็จตามแผนแล้ว แต่เนื่องจากมีเจ้าหนี้รายหนึ่งได้ได้คัดค้านและยื่น
อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาเพื่อคัดค้านคำสั่งของศาลล้มละลายกลางฉบับลงวันที่ 15 ธันวาคม 2548 โดยให้เหตุผล
ในการคัดค้านว่าการปรับโครงสร้างทางการเงินโดยการคงหนี้ที่จะชำระเป็นเงินแก่เจ้าหนี้รายนั้นไว้เพียง
ส่วนหนึ่ง แล้วชำระหนี้ส่วนที่เหลือโดยวิธีการแปลงหนี้เป็นทุนนั้นไม่เป็นธรรมแก่เจ้าหนี้รายนั้น
     ปัจจุบันบริษัทได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2549 โดยยืนยันว่าตามแผน
การปรับโครงสร้าง ผู้บริหารแผนได้ปฏิบัติต่อเจ้าหนี้ทุกรายโดยเท่าเทียมกันตามกฎหมายและตามสิทธิของ
เจ้าหนี้แต่ละราย
     ดังนั้นการออกจากการฟื้นฟูกิจการของบริษัท จึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาคดีที่มีการโต้แย้งว่า
จะพิจารณาเสร็จสิ้นเมื่อใด
We are new KIDS.
We don' t SMOKE.
ร่วมรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่
โพสต์โพสต์