M&A ของท่านแม่ทัพสุมาอี้ ย่อมาจากอะไรครับ

[Dr.T]

งงครับ  :oops:

[สุมาอี้]

Merger and Acquisition ครับคุณหมอ  :D

[Penguins]

ที่มา : http://www.bangkokbizweek.com
แต่จำวันที่ไม่ได้แย้วครับ

หุ้นที่มีโอกาสถูก "ควบรวมกิจการ" (M&A)

วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล
กระแสควบรวมกิจการ (Merger & Acquisition) ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย ในภูมิภาคอาเซียน ตัวเลขการควบรวมกิจการได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จากมูลค่าประมาณสองแสนล้านเหรียญเป็นร่วมๆ กว่าสี่แสนหกหมื่นล้านเหรียญในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
การควบรวมกิจการมักเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมที่มีจำนวนคู่แข่งขันมากเกินไป (Fragmented) เช่น ธุรกิจหลักทรัพย์บ้านเราในปีหน้า มีนักการเงินหลายท่านได้ศึกษาตัวแปรที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณการควบรวมกิจการ กล่าวคือ การควบรวมกิจการจะเพิ่มขึ้นตามดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม ราคาหุ้น ปริมาณซื้อขายหุ้น แต่จะเป็นส่วนผกผันกับอัตราดอกเบี้ย
ในทางทฤษฎีแล้ว การควบรวมกิจการแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
ก.การควบกิจการตามแนวนอน (Horizontal Merger) โดยที่บริษัทที่รวมกิจการนั้นอยู่ในธุรกิจเดียวกัน อาจจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และเป็นการกำจัดคู่แข่งรายสำคัญอย่างรวดเร็ว หรือเพิ่มอำนาจต่อรองทางตลาด (Market Power) ผมเชื่อว่าธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมของไทย มีความเป็นไปได้ที่จะมีการควบรวมในลักษณะนี้ โดยที่ผู้เล่นอันดับ 2 กับอันดับ 3 ในธุรกิจอาจมีการจับมือกันเพื่อลดต้นทุน และถึง Economy of Scales เร็วขึ้น และสามารถต่อสู้กับผู้เล่นหมายเลข 1 ได้
ข.การควบรวมกิจการตามแนวดิ่ง (Vertical Merger) บริษัทที่รวมกิจการนั้นไม่ได้อยู่ในธุรกิจเดียวกัน แต่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน เช่น เป็นผู้ป้อนวัตถุดิบหรือเป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งมักจะเกิดกับอุตสาหกรรมที่ต้องการลดความผันผวนของราคาซื้อหรือราคาขาย เช่น การที่บริษัท ปตท. อาจเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทลูก หรือ ปตท. สำรวจและผลิตมากขึ้น
ค.การควบรวมเพื่อกระจายธุรกิจออกจากธุรกิจหลัก (Diversify) เพื่อลดความเสี่ยงซึ่งมักเกิดกับบริษัทที่เป็น Holding Company เช่น ในระยะหลังนี้ เราจะเห็นบริษัทหลักทรัพย์ที่จัดตั้งเป็นบริษัท Holding Company ไปซื้อกิจการต่างๆ ที่มีกระแสเงินสดดี สามารถจ่ายเงินปันผลให้บริษัท Holding ได้ ในขณะที่รายได้จากบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นบริษัทแม่ค่อนข้างผันผวน
ในด้านของราคาหุ้นนั้น ราคาหุ้นที่ถูกควบรวมกิจการ (Target) จะมีแนวโน้มที่จะปรับตัวในทิศทางบวกมากกว่าหุ้นที่ซื้อกิจการ (Acquirer) เนื่องจาก Acquirer อาจจะต้องใช้หนี้หรือใช้เงินสดภายในบริษัท เพราะฉะนั้นนักลงทุนอาจจะให้ความสนใจกับหุ้นที่มีโอกาสในการถูกควบรวมกิจการ (Target) เพื่อแสวงหากำไร (Abnormal returns) ซึ่งสามารถดูได้จากอัตราส่วนทางการเงินเป็นการคร่าวๆ ดังนี้
ปัจจัยที่หนึ่ง : มีอัตราส่วนของราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีต่ำ หมายความว่า หุ้นที่มีอัตราส่วนมูลค่าทางบัญชี (Book value) สูงกว่าราคาหุ้นจะดึงดูดความสนใจจากบริษัทต่างๆ ที่จะเข้ามาซื้อกิจการ เนื่องจากหลังจากทำการควบรวมกิจการแล้วผู้ซื้อสามารถบันทึกกำไรจาก Negative goodwill หรือค่าความนิยมติดลบ แต่ถ้าราคาหุ้นสูงกว่าราคาบัญชีมากๆ ผู้ซื้อจะต้องตัดจำหน่ายค่าความนิยมนั้นทันที
ปัจจัยที่สอง : หุ้นที่ถูกควบรวม (Target) มักจะมี Enterprise value (EV) ต่อสินทรัพย์ที่อัตราส่วนต่ำๆ แสดงว่าราคามูลค่ากิจการยังไม่สะท้อนถึงราคาสินทรัพย์
ปัจจัยที่สาม : หุ้นที่ถูกควบรวมกิจการ (Target) มักจะมี (EBITDA ต่อ EV ที่สูง EBITDA หรือกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย เป็นการวัดกระแสเงินสดที่เกิดจากการดำเนินงานในรูปแบบหนึ่ง) ถ้าตัวเลขของ EBITDA/EV สูง หมายความว่า ธุรกิจจะให้ผลตอบแทนคืนทุนเร็วเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณเงินที่ใส่ลงไป
ปัจจัยที่สี่ : ธุรกิจที่ถูกควบรวมจะต้องมีธุรกิจที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ดังได้กล่าวมาแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นอีกมาก เช่น การเพิ่มสัดส่วนหุ้นเพิ่มขึ้น เพื่อได้มีอำนาจควบคุม หรือการควบรวมเพื่อจัดโครงสร้างองค์กรใหม่ ก่อนที่จะขายออกไปอีกทีหนึ่ง
***********
สุดท้ายนี้สำหรับนักลงทุนที่สนใจในเรื่องการค้นหาหุ้น Style MONEY GAME ผมจะเปิดการอบรมและร่วมทำบุญกันในหลักสูตร MONEY GAME และการคาดการณ์หุ้นในปี 2006 เพื่อค้นหาหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งในเบื้องต้นที่ผมคาดการณ์ว่าหุ้นจะปรับตัวเป็นขาขึ้น จากปัจจุบันประมาณ 50-80 จุด ในช่วงไตรมาสหนึ่งปีหน้า
การอบรมนี้คาดว่าจะจัดในช่วงต้นเดือนมกราคม ค่าใช้จ่ายในการอบรมประมาณ 1,500 บาท โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย (ค่าสถานที่, กาแฟ และของว่าง) จะนำไปมอบเป็นทุนการศึกษาเพื่อเสริมสร้างปัญญาให้กับโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ท่านใดสนใจ โปรดติดต่อลงชื่อและเบอร์โทรศัพท์ที่ E-mail : [email protected] ของผมนะครับ หรือที่คุณสุวรรณา โทร : 0-2670-9100 ต่อ 507

[Dr.T]

ขอบคุณครับ  :D