นิชชินผลิตไทยมาเป็นยี่สิบปีแล้วหนิ

เอาจริงๆ ผมว่านิชชินยิ่งมายิ่งกาก สมัยก่อนคุณภาพดีกว่านี้นะ สมัยนี้ดีแค่packaging แต่ข้างในกากจริงๆ

ประชาชนไม่ได้มีกลุ่มเดียวครับ

มีตั้งแต่รากหญ้า ชนชั้นกลาง รวย รวยมาก ฯลฯ

บอกแค่นี้ครับ

ไอ้ปัญหา ไม่ innovate มันก็มาจากระบบการศึกษา ค่านิยม ฯลฯ ที่ไม่เอื้อให้ประชาชนคิดเองเป็นมีความคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล
ที่ทำๆกันก็มีแต่ป้อนข้อมูล แถมชอบมีระบบบางอย่างที่ทำให้เกิดการห้ามคิดนอกกรอบ เพราะถ้าทำชีวิตจะเดือดร้อนได้

ผมว่าระดับ 4 นะ เจอพวกมือใหม่บอกให้ซื้อหุ้นปั่นอยู่นั่น ฯลฯ

AC118

ถ้าซื้อก่อนxdแล้วเมื่อขึ้นxdก้ขายได้ทันทีครับ ไม่ต้องรออะไรก็ยังคงได้ปันผล

http://marketdata.set.or.th/mkt/markets ... country=TH

ปิดกระทู้ครับ

เครดิตภาษีมีเฉพาะ 40(4)(ข) นะครับ
ในกรณีBTSผมงงว่าทำไมไม่ตีเป็น 40(4)(ง) แต่ดันเป็น40(8)

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่ากำไรสะสมเพิ่มแต่ละปีมาจากกำไรสุทธิลบเงินปันผลจ่าย
ซึ่งกำไรสุทธิ กับ เงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก็ไม่เท่ากัน บางทีโชว์กำไรพันล้านอาจจะเป็นเงินได้มาจริงๆ ไม่กี่ล้านก็ได้ (manipulate sale แล้วเพิ่ม A/R และตัวอย่างอื่นๆอีกเยอะ)

คนละเรื่องกับเงินสดเลยครับ
กำไรสะสม พันล้านอาจมีเงินสดสิบล้านก็ได้

ผลตอบแทนตลาด = ((index วันซื้อขายสุดท้ายของปี/index วันซื้อขายสุดท้ายปีที่แล้ว)-1)*100+ dividend yeild ณ วันซื้อขายสุดท้ายปีที่แล้ว

โรงพยาบาลมีวัฎจักรเหรอ

ตามความคิดผม ผมว่า USD จะอ่อนลงๆ เมื่อเทียบกะค่าเงินอื่นๆรวมทั้ง THB
กลับไป40อีกนี่ยาก

อะไรทำให้คุณคิดว่าเงินบาทจะกลับไป

40THB/USD

ความั่งคั่งลดลง

แปลว่า

ผม ac118

สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่มองยาวแค่ไหน
ถ้าไม่ถึงปีก็คิดแบบนึง
ปีนึงก็คิดแบบนึง
ยาวก็นั้นก็อีกหลายๆแบบ

สำหรับผม แค่สามไม่พอครับ
นอกจากนี้ qualitative factor ก็สำคัญไม่น้อยกว่า quantitative

ผมคิดว่าจะเป็น zero sum ต่อเมื่อถึงวันที่ index เป็น0 ลองคิดดูดีๆนะครับว่าจริงมั๊ย

ปัจจุบันผมว่าหุ้นที่ซื้อได้ก็ยังมีอยู่
แต่คุณมองเห็นหรือไม่ก็เท่านั้น

ระวังราคาอาหารสัตว์ให้ดี

ห้ามถอนเงิน ถ้าต่ำกว่า3ปีผมว่าเสี่ยงมาก

TNH

ลองเอา % หารจำนวนปีที่อยู่ในตลาด จริง ๆ ไม่น่าถูกต้องหรอก เพราะถ้าปีแรกทำไว้สูง ปีหลัง ๆ ถึงเพิ่มขึ้นนิดหน่อยจากปีก่อน แต่อาจจะมากสำหรับปีแรก ๆ ฉะนั้นตัวเลขนี้ไว้ดูเล่น ๆ นะครับ SCC 29,634÷35 = 846 % TF 8,828÷32 = 275 % BANPU 4,746÷21 = 226% BKI 4,253÷32 = 132% SCYNL 2,691÷22 = 122% CPF 2,604÷23 = ...

ผมลองดูแล้ว ทำตาม
ผมคิดว่าคุณทำถูกแล้วนะ ทั้งตัวเลข cf ในแต่ละปี และ IO (initial outlay)
และตัวเลข npv ที่ได้ ก็ใกล้เคียงห่างแค่หลักหน่วย
แต่ลองไปถามอาจารอีกที แต่อย่างไรก็ตามบางทีอาจารย์ก็อาจผิดได้ เพราะฉนั้นก็ต้องลองไตร่ตรองเองละกันถ้าสุดท้ายสรุปไม่ได้ว่าควรเชื่อไคร

คุณบอกโจทย์ไม่ครบ
ตอบยาก

ผมว่าdcf นี่ไม่ค่อยเวิค เพราะrequire หลาย assumption ไปหน่อย input ก็มากเกินไป คำนวนออกมา ผิดเพี้ยนง่าย

บริษัทกู้กรรมการ อันตรายน้อยกว่า กรรมการกู้บริษัท

เมื่อเริ่มทยอยเอาเงินออก BOT ก็จะยังพยุงค่าเงินบาทให้แข็งอยู่
พยุงจนเงิน USD หมดคลัง ทำเหมือนสมัยต้มยำกุ้ง

????
ถ้าเกิดจริงจะ พยุงทำไม
เราไม่ได้ใช้ fixed exchange rate แล้ว  
และเงินบาทอ่อนก็ดีต่อส่งออกสิ