Re: TPP กับหุ้น/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร โดยส่วนตัวไม่เคยทราบข่าวเรื่องข้อตกลง TPP นี้มาก่อน แต่ก็เห็นด้วยกับหลายๆท่านด้านบน ต่อให้เราเข้าร่วมก็คงทั้งได้และเสียประโยชน์ในด้านต่างๆกัน แต่ที่ผมค่อนข้างเห็นด้วยและกังวลมากคือสภาพการเมืองในปัจจุบันที่นโยบายทางเศรษฐกิจค่อนข้างฉาบฉวยและไม่มีทิศทางชัดเจนมานานหลายปี รวมถึงสังคมที่ผมสัมผัสก็สนใจเพียงว่าเรื่องนี้ใครคิด ผิด-ถูกแบบดำขาว คนดี-คนไม่ดี ทำให้ไม่ได้ช่วยกันตรวจสอบหรือเสนอรายละเอียดต่างๆ ทำให้กลัวว่าอนาคตเราจะต้องโดนทิ้งไว้ขณะที่ประเทศรอบๆสร้างจุดแข็งและเดินไป หรืออาจจะโดนฟ้องร้องเสียเงินมากมายให้กับบริษัทข้ามชาติทั้งๆที่สัญญาเราก็ร่วมกันร่างเหมือนในอดีตไหม โดย TissueThiti อังคาร พ.ย. 03, 2015 4:43 pm

Re: จัดเก็ภาษีมรดก มีผลกระทบดีหรือไม่ดีกับประเทศไทย และนักลง เหมือนกฎหมายจะออกแล้วนะครับ http://www.bangkokbiznews.com/mobile/view/news/659711 โดย TissueThiti พุธ ส.ค. 05, 2015 11:26 pm

Re: จัดเก็ภาษีมรดก มีผลกระทบดีหรือไม่ดีกับประเทศไทย และนักลง โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยครับ ด้วยหลายๆเหตุผล หลักๆคือผมอดออมใช้เงินอย่างรู้คุณค่าในวันนี้เพื่อเหลือไว้ให้ลูกหลานมีต้นทุนชีวิตที่ดีขึ้น แล้วทำไมผมกลับเหมือนทำอะไรผิด ต้องเสียเงินเพิ่ม? ขณะที่หลายคนที่ใช้เงินไม่คิด ไม่เหลือเก็บ กลับได้รับผลประโยชน์จากเงินที่ผมอดทนมาทั้งชีวิต (แต่ผมไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่มีฐานะลำบาก จะเป็นคนที่ใช้เงินโดยไม่คิดแบบที่ผมกล่าวทุกคนนะครับ) มันจะกลายว่าส่งเสริมให้คนเรา หาแค่พอใช้ คนตั้งใจทำงานหาความก้าวหน้า หรือมีเงินมากเป็นเรื่องผิดต้องโดนเฉือนเนื้อมา และอีกอย่างหนึ่งผมก็เห็นด้วยกับข้อมูลที่ว่า มันเป็นการเก็บซ้ำซ้อน เพราะทรัพย์สินในวันนี้ที่ผมมี ก็ล้วนผ่านการเสียภาษีมาแล้วทั้งสิ้น #แต่ผมกลับอยากให้ออกภาษีที่ดินสะมากกว่า โดยเฉพาะที่ดินที่ไม่ก่อประโยชน์ โดย TissueThiti เสาร์ ส.ค. 23, 2014 11:54 pm

Re: รบกวนสอบถาม เกี่ยวกับการปันผล หน่อยครับ มันขึ้นกับบริษัทว่ามีรูปแบบธุรกิจแบบใด และนโยบายปันผลแบบใดครับ วิธีคำนวณก็ง่ายๆ ก็ประมาณการปันผลที่จะได้ต่อปี หารราคาหุ้นก็จะได้จำนวนปีที่ต้องรอ แต่ที่ยากผมว่าคือการประมาณปันผลนั่นหละ เช่น บริษัท A มีธุรกิจที่กำไรแน่นอน ไม่ค่อยขึ้นลง และมีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ทุกปีกำไรประมาณ 1 บาทต่อหุ้น ก็จะปันผลประมาร0.5 บาทขึ้นไป สมมติซื้อที่ราคา 10 บาทก็20ปึ 20 บาทก็40ปี ไปเรื่อยๆ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า - กำไรต่อหุ้นคงที่ ถ้าลดลงก็ปันผลน้อยลง ถ้ามากขึ้นก็กลับกัน - นโยบายปันผลคงที่ - บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินสดทำอะไร เช่น ขยายธุรกิจ ซื้อเครื่องจักรใหม่ ไม่งั้นอาจงดปันผลบางี และอีกมากมาย ซึ่งผมว่าบริษัทที่มีเงื่อนไขดังข้างบนมัน มีน้อยมากอะครับ ธุรกิจมีขึ้นมีลงตลอดเวลมเราหยุดอยู่กับที่ตลอดไม่ได้ ขอบคุณมากๆครับ อยากถามอีกนิดครับ พอดีได้ไปอ่านใน พันธิป จึงอยากถาม มันประมาณนี้ไหมครับ http://pantip.com/topic/30558033 คล้ายกันครับ แต่มันไม่เหมือนกัน P/E เราดูที่ราคาหารด้วยกำไรต่อหุ้น กำไรสุทธิของบริษัทมันไม่ได้แปลว่าเราได้รับเงินส่วนนั้นทั้งหมดเป็น"เงินสด" เพราะบริษัทอาจนำไปลงทุนต่อ ขยายกิจการ ปรับปรุงต่างๆ แล้วจึงจัดสรรเงินสดบางส่วน(หรืออาจไม่จัดสรรก็ได้)ปันผลออกมาให้กับหุ้นส่วน ดังนั้นตามที่ผมเข้าใจที่พี่ถาม "เกี่ยวกับการกินปันผลไปเรื่อยๆจนได้ทุนที่ซื้อไป " มันน่าจะหมายถึง เขาได้รับเงินปันผลจนมากกว่าราคาที่ซื้อมาแล้ว ซึ่งผมเห็นหลายคนจะมองว่า มันเท่ากับเขาไม่มีต้นทุนอีกแล้ว ราคาหุ้นต่อจากนี้กำไรล้วนๆ (ซึ่งผมไม่ค่อยเห็นด้วย) เช่นหุ้น 8 บาทตอนที่ซื้อมา ได้รับปันผลรวมมาทั้งหมด 8บาทกว่าๆแล้ว ก็เท่ากับว่าได้เงินคืนจากที่ซื้อไปตอนแรกแล้ว จากนี้ก็เหมือนกับได้หุ้นนั้นมาฟรีๆ อย่างเช่น บริษัท A ตอนแรกกำไร 1 บาทต่อหุ้น ปันผล50%สม่ำเสมอ ที่ราคา10 บาท p/e 10 เท่า คิดเป็น div yield 5% แต่ถ้าจะรอปันผลจนคืนต้นทุนจะต้องรอ20ปี แต่ตัวบริษัทเองจะสามารถทำกำไรได้เท่ากับที่คุณซื้อใน 10 ปี พอเห็นภาพปะครับ ว่ากำไรที่บริษัททำได้กับปันผล(เงินสดที่คุณได้) มันจะเป็นคนละส่วนกันและ ปันผลคุณจับต้องเป็นเงินได้โดยตรง แต่กำไรที่บริษัททำได้จะไปเพิ่มมูลค่าของตัวบริษัทเอง (ซึ่งก็คือเพิ่มมูลค่าของหุ้นที่คุณถืออยู่นั่นเอง) ปล.ผมก็มือใหม่พอกัน รออ่านคำแนะนำจากพี่ๆด้วยคนครับ โดย TissueThiti พุธ มิ.ย. 18, 2014 11:15 pm

Re: รบกวนสอบถาม เกี่ยวกับการปันผล หน่อยครับ มันขึ้นกับบริษัทว่ามีรูปแบบธุรกิจแบบใด และนโยบายปันผลแบบใดครับ วิธีคำนวณก็ง่ายๆ ก็ประมาณการปันผลที่จะได้ต่อปี หารราคาหุ้นก็จะได้จำนวนปีที่ต้องรอ แต่ที่ยากผมว่าคือการประมาณปันผลนั่นหละ เช่น บริษัท A มีธุรกิจที่กำไรแน่นอน ไม่ค่อยขึ้นลง และมีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ทุกปีกำไรประมาณ 1 บาทต่อหุ้น ก็จะปันผลประมาร0.5 บาทขึ้นไป สมมติซื้อที่ราคา 10 บาทก็20ปึ 20 บาทก็40ปี ไปเรื่อยๆ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า - กำไรต่อหุ้นคงที่ ถ้าลดลงก็ปันผลน้อยลง ถ้ามากขึ้นก็กลับกัน - นโยบายปันผลคงที่ - บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินสดทำอะไร เช่น ขยายธุรกิจ ซื้อเครื่องจักรใหม่ ไม่งั้นอาจงดปันผลบางี และอีกมากมาย ซึ่งผมว่าบริษัทที่มีเงื่อนไขดังข้างบนมัน มีน้อยมากอะครับ ธุรกิจมีขึ้นมีลงตลอดเวลมเราหยุดอยู่กับที่ตลอดไม่ได้ โดย TissueThiti พุธ มิ.ย. 18, 2014 9:03 pm

Re: เคยโกรธตัวเองเพราะการตัดสินใจชั่ววูบไหมครับ ขอบคุณทุกท่านมากครับ หายอัดอั้นละ 5555 TT จะรีบพยายามทำใจให้กลับมาสงบครับ วิ่งหาหุ้นตัวใหม่ต่อ :oops: โดย TissueThiti อาทิตย์ มิ.ย. 08, 2014 10:30 am

Re: เคยโกรธตัวเองเพราะการตัดสินใจชั่ววูบไหมครับ มีเงินเหลือ มีชีวิตเหลือ มีเวลาเหลือ ไม่ใช่หรือ เห็นบอกอายุยังน้อย จะมามัวพิรี้พิไรทำซากอะไร รู้ว่าอะไรผิดก็แก้ไข หุ้นมีห้าหกร้อยตัวทำการบ้านหมดแล้วเหรอ รีบไปทำการบ้านพรุ่งนี้ตลาดเปิดแล้ว ไป ปล อ่านแล้วโกรธและด่าผมเต็มที่เลยนะ. ใช่ครับพี ่555 ผมก็ปลอบใจตัวเองอย่างนี้อยู่ว่าครั้งนี้โชคดีได้บทเรียนเร็ว แถมพอถือเงินสดปั้บ มีกำลังใจศึกษาเพิ่มมากขึ้นเยอะเลย 5555 โดย TissueThiti อาทิตย์ มิ.ย. 08, 2014 10:25 am

Re: พี่ๆVIมีความคิดเห็นอย่างไรกับการให้โบรกเกอร์ยืมหุ้น SBL อยากขออนุญาตถามนิดนึงนะครับ โดยปกติคนที่ให้โบรกยืมหุ้นแบบ SBL นี่ เขาต้องมีขนาดพอร์ทใหญ่ไหมครับ เพราะอย่างผมมีน้อยหน่อยเดียว :oops: จะไปให้ยืมมันจะตลกไหมครับ โดย TissueThiti ศุกร์ พ.ค. 09, 2014 10:52 pm

Re: เริ่มต้นศึกษาบริษัทในตลาดหุ้น เริ่มแบบไหนดีครับ ต้องระวังด้วยนะครับ บางธุรกิจผู้นำตลาดก็ไม่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ อาจทำให้เราพลาดข้อมูลคู่แข่งคนสำคัญได้ เช่น น้ำตาล น้ำผลไม้ โดย TissueThiti ศุกร์ ม.ค. 24, 2014 11:45 pm

Re: อุตสาหกรรมอะไรที่ไม่โต อยากทราบเพิ่มเติมด้วยครับว่า คำว่าไม่โตในทีนี้ นับรวมอุตสาหกรรมที่กำลังเสื่อมถอยด้วยหรือเปล่า อย่างเช่นสิ่งพิมพ์ที่ผมมองว่าความต้องการกำลังลดลง อย่างนี้จะนับเป็นอุตสาหกรรมไม่โตอย่างที่ลินซ์บอกหรือเปล่าครับ โดย TissueThiti เสาร์ ส.ค. 31, 2013 12:48 am

Re: ขยายขอบเขตความรู้ : ในด้านรูปแบบธุรกิจ อย่างไรดี? ขอบคุณทุกความเห็นมากจริง ๆ ครับ พึ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านใหม่ ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเล็กน้อย :evil: อยากถามเพิ่มเติม แล้วสำหรับบริษัทที่ซับซ้อนมีบริษัทลูกมากมายจริงๆ เช่น BGH PTT CPF ฯลฯ ทุกท่านใช้วิธีใดมองรูปแบบหรืออนาคตของบริษัทครับ เพราะผมรู้สึกว่าซับซ้อนมากจริงๆ เช่น บริษัทย่อย A อนาคตน่าจะเติบโตดี แต่บริษัทย่อย B น่าจะทรงๆ รายละเอียดเรื่องรายได้หรือกลไกการได้มาของรายได้อุรุงตุงนังไปหมด แล้วเราจะบวกลบคูณหารอย่างไรจนออกมาเป็นบริษัทใหญ่ได้ครับ เพราะผมค่อนข้างอยากเข้าใจบริษัทเหล่านี้พอสมควร เพราะส่วนมากมักจะเป็นบริษัทนำตลาดในแต่ละเซกชั่น ขอบคุณครับผม โดย TissueThiti พุธ ก.ค. 03, 2013 11:12 pm

Re: ขยายขอบเขตความรู้ : ในด้านรูปแบบธุรกิจ อย่างไรดี? ฟังข่าว อ่านข่าว เข้าสัมนา อ่านหนังสือ แมกกาซีน คอลัมม์ต่างๆ 56-1 รายงานประจำปี รายงานผลการดำเนินงาน บทวิเคราะห์ของผู้บริหาร รายงานการประชุม เยอะๆคับ แล้วมาลองดูงบการเงินของบริษัทต่างๆดู ตีให้ออก ว่าเค้ามียอดขายจากอะไร ต้นทุนของเค้าคืออะไร กำไรเค้ามีมาจิ้นเท่าไหร่ เพราะอะไร และต่อไปจะเป็นยังไง ดูงบดุลขนาดสินทรัพย์ที่ใช้ หมุนเวียนเยอะ หรือน้อย เพราะอะไร ลงทุนเยอะไหม มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเป็นสัดส่วนที่มาก เพราะอะไร ลูกหนี้เยอะไหม ลูกหนี้น้อยเพราะอะไร สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น หรือลดลงเพราะอะไร และต่อไปจะเป็นยังไง เงินสดหมุนเวียนมากน้อย มาจากไหน ค่าเสื่อมราคาเยอะ น้อย เพราะอะไร เงินสดมากน้อย เกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะกำไรมาขึ้น ขายของมากขึ้น หรือเพราะลูกหนี้น้อยลง สินค้าคงเหลือน้อยลง เพราะอะไร หรือทำไม ต่อไปจะเป็นอย่างไร ไล่ไปเรื่อยๆคับ เก็บสะสมไป ใช้เวลาหน่อย ปี สองปี สามปี ก็จะพอเข้าใจมากขึ้นๆ จนเห็นหุ้นปุ๊ป รู้สตอรี่ปั๊ป แบบไม่ต้องคิดเลย อึดไว้ก่อนคับ แรกๆไม่รู้เรื่อง ก็ทนๆอ่านไปเรื่อยๆ จะเกิดผลแน่นอน อ่านแล้วแอบท้อพอสมควร 5555 แต่ผมเห็นด้วยนะครับ แม้ตอนเริ่มต้นอาจจะเหมือนไม่เข้าใจอะไรเลย แต่พอทนไปเรื่อยๆ มันก็เข้าใจมากขึ้นจริงๆ ถ้ายังทนต่อไหว อีก3-4ปี จะลองมารายงานผลให้ฟังนะครับ ขอบคุณครับผม โดย TissueThiti เสาร์ มิ.ย. 29, 2013 10:01 pm

Re: ขยายขอบเขตความรู้ : ในด้านรูปแบบธุรกิจ อย่างไรดี? ต้องลองมองในมุม บริษัทดูบ้างครับ เริ่มต้นที่แผนก marketing แล้ว ฝ่ายผลิต ดูลูกค้า คู่แข่ง เอาตำรา มาเทียบ เช่น 4P หรือ five force model หา จุดอ่อน จุดแข็ง อื่น ๆ ก็น่าจะเข้าใจธุรกิจ ได้ในระดับหนึ่ง ดูที่ละบริษัท อาจใช้ เวลา 3 4 เดือน หรือ 1 2 วัน ขึ้นกับความคุ้นเคย และเวลาที่ใช้ในการทำความเข้าใจ ถ้าเข้าใจลึกซึ้งขึ้น ก็จะมองเห็น แนวโน้ม การทำธุรกิจต่อไปในอนาคต เมื่อมีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากระทบ แผนการทธุรกิจ แต่ก็อย่าไปยึดมั่นมากในสิ่งที่คาดการณ์ เพราะ MD บริษัท ที่น่าจะรู้ดีที่สุด ยังประมาณการณ์ได้คร่าว ๆ เลย ขอบคุณครับ เป็นแนวคิดที่น่าสนดี ผมก็ลืมนึกไปเลยทำไมไม่ลองจับเข้าแนวทฤษฎีต่างๆ -O- จะได้มีแปลนคร่าวๆในหัว โดย TissueThiti เสาร์ มิ.ย. 29, 2013 10:00 pm

Re: ดี-เกิน-ไป/คนขายของ บทความนี้ดีเกินไป 555 #ล้อเล่นนะครับ เห็นด้วยนะครับ ผมเริ่มเรียนรู้มาสักพักแล้วว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ โลกไม่ได้สวยสำหรับเราขนาดนั้น โดยเฉพาะ "การรวยเร็ว" มันไม่ง่ายหรอกที่จะเหมือนในนิยายหรือความฝัน แบบซื้อปุ้บพรุ่งนี้รวยปั้บ เราต้องยอมรับว่า "เราเป็นคนธรรมดา" ที่ต้องทำงานหนักและตั้งใจพอ โดย TissueThiti เสาร์ มิ.ย. 01, 2013 6:02 pm

Re: ขอคำแนะนำการลงทุนแบบ VI ในช่วงที่ตลาดเป็นตลาดหมีครับ ตลาดสำหรับผมมีแค่ 2 แบบ คือตลาดที่หุ้นที่ผมอยากได้ถูก กับตลาดที่หุ้นที่ผมอยากได้ไม่ถูกแล้ว ไม่ว่าจะหมีหรือกระทิง ถ้าหุ้นที่ผมอยากได้ราคาถูกจนผมพอใจผมก็จะซื้อหมดนะครับ :D โดย TissueThiti เสาร์ มิ.ย. 01, 2013 3:30 pm

Re: หุ้นสุกี้mk ราคาจองประมาณเท่าไรคับ งานนี้กลัวจะได้เห็นคนอยากซื้อหุ้นเอ็มเคสุกี้แต่ไม่ได้ IPO เลยไปนั่งซื้อ mk เองใน set -O- อร่อยเลยทีเดียว โดย TissueThiti อังคาร พ.ค. 21, 2013 11:32 pm

Re: ขั้นตอนการหาหุ้นคุณภาพซักตัว ไม่รู้จะมีใครเป็นเหมือนผมไหม ค่อยๆหาบริษัทที่ชอบที่ถูกต้องตามตำราในความคิดตัวเอง เมื่อเจอ มันก็เห้ย "แพงไป" สักพัก หาต่อไป "เห้ยแพง" แพง แพง แพง แพงอีกแล้ว!!!! :wall: เลยยังหาหุ้นที่จะลงทุนแบบจริงจังไม่ได้เลย อาจเพราะผมยังมองกำไรในอดีตกับปัจจุบันมากไป ยังมองการเติบโตไม่ค่อยออก :oops: โดย TissueThiti พฤหัสฯ. พ.ค. 09, 2013 4:18 pm

Re: กระทู้ถามตอบวิเคราะห์เชิงบัญชี ผสมผสานการเงิน การลงทุน ขอบคุณมากครับ ผมก็พึ่งเห็นว่าที่อาจารย์ตอบขึ้นหน้าใหม่แล้ว -O- เซพหน้า 8ไว้เข้ามาดูก็เลยคิดว่ายังไม่ตอบ555 ขอบคุณอีกครั้งครับ โดย TissueThiti พฤหัสฯ. เม.ย. 11, 2013 7:25 pm

Re: คนตายมาเร็วๆ ตอนนี้แอบหวังให้ลงอีกเยอะๆ :oops: อยากได้ของถูก 555 รู้สึกเริ่มทำตัวนิสัยไม่ดี โดย TissueThiti พฤหัสฯ. เม.ย. 11, 2013 5:37 pm

Re: ขอความรู้ในการอ่านงบการเงินหน่อยครับ(หนี้สินหมุนเวียน)คร เข้าใจแล้วครับผม ขอบคุณมากครับ :) โดย TissueThiti อังคาร เม.ย. 09, 2013 7:25 pm

Re: ขอความรู้ในการอ่านงบการเงินหน่อยครับ(หนี้สินหมุนเวียน)คร เรียนถามเพิ่มเติมครับ การจ่ายหนี้เงินกู้ เช่น การจ่ายเงินต้นคืนเจ้าหนี้ นับเป็นค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนที่จะปรากฎในงบกำไร-ขาดทุนหรือเปล่าครับ หรือจะปรากฎเฉพาะในงบกระแสเงินสดส่วนกิจกรรมจัดหาเงินอย่างเดียว ขอบคุณครับ โดย TissueThiti อังคาร เม.ย. 09, 2013 1:21 pm

Re: สมุดเยี่ยมชมห้องบทความ หลายๆบทความอ่านแล้วให้แรงบันดาลใจและมุมมองใหม่ๆได้มาก มีประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านการลงทุนมากจริงๆครับ ขอบคุณครับ โดย TissueThiti จันทร์ เม.ย. 08, 2013 4:33 pm

Re: กระทู้ถามตอบวิเคราะห์เชิงบัญชี ผสมผสานการเงิน การลงทุน เรียนถามอาจารย์ทุกท่านนะครับ 1) จำนวนหุ้นที่มีผลต่อส่วนแบ่งผลประโยชน์ เช่น ปันผล หรือกำไรสุทธิ โดยปกติเราสามารถดูได้จากส่วนไหนของงบครับ อย่างเช่นของ SKR ผมดูในส่วนของงบดุล ทุนที่ออกและชำระแล้ว หุ้นสามัญ 100,000,000 หุ้น แต่พอไปดูในงบกำไรขาดทุน กำไรสุทธิต่อหุ้น1.28บาท ทั้งๆที่กำไรสุทธิ 120,507,993 จึงเหมือนมีจำนวนหุ้นน้อยกว่า 100,000,000 หุ้น 2) กำไรต่อหุ้นปรับลด หมายถึงกำไรต่อหุ้นเมื่อคำนวณจำนวนหุ้นที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดจากการแปลงสภาพหุ้นกู้และหุ้นบุริมสิทธิมาเป็นหุ้นสามัญใช่ไหมครับ 3) นโยบายการจ่ายปันผลของบริษัท "ถ้าปีใดผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิได้รับแจกเงินปันผลถึงร้อยละ 15 ของทุนของบริษัทที่เป็นหุ้นบุริมสิทธิแล้ว กำไรส่วนที่เหลือจะแจกให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเป็นจำนวนเท่าใดก็ได้ตามมติที่ประชุมใหญ่ ถ้าปีใดบริษัทสามารถแจกเงินปันผลได้เกินกว่าร้อยละ 15 ของทุนของบริษัท ให้ผู้ถือหุ้นทั้งสองชนิดได้รับแจกเงินปันผลเท่ากัน" ในทีนี้ คำว่าทุนของบริษัทคือส่วนของเจ้าของหรือทุนเรือนหุ้นส่วนของหุ้นสามัญครับ 4) กรณีการจ่ายปันผลหรือดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของหุ้นบุริมสิทธิและหุ้นกู้ จะถือเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทก่อนคิดอัตราภาษีหรือไม่ครับ และถ้าใช่อยู่ในส่วนใดของรายจ่ายครับ 5) ผมได้อ่านของอาจารย์ sun_cisa2 ในกระทู้นี้ตอนหนึ่งว่า เช่น ABC มีกำไร 1,000 บาท โดย A ถือหุ้นมาตั้งแต่ต้นปี 800 หุ้น ส่วน B เข้ามาถือหุ้นเพิ่มทุนีหลังระหว่างปีนั้น 400 หุ้นเมื่อตอนกลางปี เงินจาก A ทำมาหากินมา 1 ปีเต็ม ส่วนเงิน B เอามาใช้หากินแค่ครึ่งปี ถ้าถือว่าตลอดปีทำมาหากินสม่ำเสมอ 500 บาทแรก A ควรได้เต็มๆ ส่วน 500 บาทหลังถึงจะเอามาแบ่งระหว่า A กับ B ตามสัดส่วนที่ลงทุน 2:1 A ได้ไป 500x2/3 = 333.33 ส่วน B ได้ไป 500/3 = 166.67 รวมทั้งปี A ได้ส่วนแบ่งกำไรไป =500+333.33 = 833.33 A ถ้าเทียบแล้วลงทุน 1ปี ได้ผลตอบแทนต่อหุ้น = 0.3125+0.2083 =0.5208 รวมทั้งปี B ได้ส่วนแบ่งกำไรไป = 166.67 0.2083 . แต่ในทางบัญชีจะแสดง EPS ขั้นพื้นฐานที่ 1000/(800x12/12 + 400x6/12) = 1.00 ดูแล้วเหมือนกับว่าได้คนละ 1 บาท ความจริงไม่ใช่เลย แค่บอกว่าถ้ามาคิดผลตอบแทนตามระยะเวลาลงทุนแล้ว โดยเปรียบเทียบให้หุ้นทั้งหมดเทียบเท่ากันได้บนฐานเวลาที่ปรับสัดส่วนให้เท่ากัน จะเหมือนว่าได้คนละ 1 บาท . ผมสงสัยครับ ปกติ EPS ไม่ได้เกิดจากกำไรสุทธิทั้งปีหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญหรือครับ แล้วข้อความข้างต้นผมอ่านแล้วไม่เข้าใจ อยากรบกวนให้อาจารย์ช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ ขอโทษนะครับที่คำถามอาจยาวนิดนึง ขอบคุณมากครับผม โดย TissueThiti จันทร์ เม.ย. 08, 2013 12:19 pm

Re: สอบถามเรื่องการอ่านงบและค่าทางการเงินครับ 555 ขอบคุณครับผม ผมก็เห็นด้วยครับ แต่ตอนนี้ขอนั่งเก็บความรู้อีกนิดดีกว่า :D ตามกฎสำคัญที่ว่า "ห้ามขาดทุน" -O- ตอนนี้ยอมเสียโอกาสก่อนดีกว่า 5555 โดย TissueThiti จันทร์ เม.ย. 08, 2013 10:13 am

Re: สอบถามเรื่องการอ่านงบและค่าทางการเงินครับ 555 ขอบคุณมากครับ เพียงแต่ตอนนี้รู้สึกค่อนข้างกังวล เพราะเหมือนใครๆก็อยากกำแต่เงินเข้าตลาดหุ้นทั้งนั้น ผมเลยไม่อยากเป็นเหมือนคนกลุ่มนั้น -O- เลยพยายามศึกษาก่อนมากๆ อย่างน้อยจะได้มีชุดเกราะก่อนถูกรถสิบล้อชน :D บางทีก็ค่อนข้างกังวลใจ(อีกแล้ว) เพราะผมเชื่อว่ากว่าหลายๆบริษัทจะแสดงฝีมือออกมาได้ต้องใช้เวลาหลายปี งี้กว่าเราจะปรับกลยุทธได้นี่ ต้องใช้เวลาและความอดทนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ โดย TissueThiti อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 8:13 pm

Re: ธนาคารพาณิชไม่น่าสนใจอย่าวไร สำหรับผมนี่แทบไม่เคยคิดจะมองธุรกิจธนาคารเลย เพราะกฎเกณฑ์การควบคุมต่างๆค่อนข้างเยอะ ทุกธนาคารก็ทำใต้กฎเกณฑ์คล้ายๆกัน การแข่งขันค่อนข้างจำกัด ทำให้ผมไม่สามารถรู้สึกได้เลยว่าธนาคารไหนดีกว่ากัน(เอาแบบความรู้สึกนะครับ) ไม่เหมือนกับธุรกิจอย่างอื่น ที่ผมมักตัดสินได้บ้างอยู่แล้ว ว่าอะไรดีกว่าอะไร เช่น ผมชอบกินมาม่ามากกว่าของยี่ห้ออื่นเพราะเหตุผลยังงี้ๆ แล้วก็ผมรู้สึกว่าธนาคารหรือสถาบันการวิเคราะห์บริษัทยากกว่าบริษัททั่วไป ที่ต้องมองถึงความมั่นคงและสภาพคล่องสูง ซึ่งตรงนี้ผมไม่มีความรู้ 555 อาจตอบไม่ค่อยตรงคำถามหรือใช้ความรู้สึกส่วนตัวเยอะไปหน่อยนะครับ :D โดย TissueThiti อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 3:02 pm

Re: สอบถามเรื่องการอ่านงบและค่าทางการเงินครับ ตอนนี้ผมเริ่มไม่มั่นใจ ว่าผมมองโลกง่ายไปไหม คือผมกะว่าจะพยายามไม่สนใจค่าต่างๆที่ซับซ้อนมากนัก ผมจะมองแค่ปัจจัยเหล่านี้ในการศึกษาบริษัท 1) บริษัททำมาหากินอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจคืออะไร 2) กำไร ทั้งขั้นต้น ดำเนินงานและสุทธิ และการเติบโตของยอดขาย 3) ต้นทุนหลัก บริหาร รวมถึงเปรียบเทียบอัตราการเติบโตเทียบกับยอดขาย 4) สภาพคล่องผมดูเพียงแค่เงินสดที่ออกมา และอัตราหนี้สินระยะสั้น รวมถึงเจ้าหนี้การค้า-ลูกหนี้การค้า ที่ผมมองว่ามีมากๆทั้งคู่ก็ไม่ดี (แต่ก็ควรจะมีบ้าง) เหตุผลที่ผมจะโฟกัสแค่นี้เป็นเพียงเพราะผมคิดว่า ค่าที่ค่อนข้างซับซ้อนต้องอาศัยการคาดคะเนและการประมาณการที่ต้องใช้ประสบการณ์และความรู้สูง ซึ่งผมเองที่ค่อนข้างใหม่กับทางสายนี้ผมคิดว่าไม่ควรจะไปใช้ เพราะการคาดคะเนผิดๆอาจจะส่งผลแย่กว่าการไม่ใช้เลยเสียด้วยซ้ำ ทุกท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ โดย TissueThiti อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 2:53 pm

Re: สอบถามเรื่องการอ่านงบและค่าทางการเงินครับ สิ่งที่เปลี่ยน ถ้าหากไม่โพล่ที่ไหนเลย มันควรไปโพล่เป็นก้อนใหญ่ๆที่งบการเปลี่ยนส่วนของผู้ถือหุ้น เช่น งบบางจาก ปี 2554-2555 ส่วนเรื่องภาษีอ่าน เรื่องมาตราบัญชี ครับ :) แอบงงนิดนึง 555 แต่เดี๋ยวลองอ่านดูครับผม ขอบคุณครับ ตอนนี้กำลังพยายามเข้าใจค่าทางบัญชีให้ครอบคลุมก่อน -O- เพราะคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ในการวิเคราะห์บริษัทต่อไป โดย TissueThiti อาทิตย์ เม.ย. 07, 2013 2:43 pm

Re: สอบถามเรื่องการอ่านงบและค่าทางการเงินครับ ช่วยดูใน PM ด้วยนะครับ ผมแนะนำกระทู้ที่คุณควรจะเข้าไปถาม .... และจะได้คำตอบที่ต้องการ อ่า เคยอ่านคร่าวๆแล้ว เดี๋ยวจะลองกลับไปอ่านอย่างละเอียดอีกทีครับผม ขอบคุณครับผม โดย TissueThiti เสาร์ เม.ย. 06, 2013 11:44 pm

Re: สอบถามเรื่องการอ่านงบและค่าทางการเงินครับ ผมมีเรื่องสอบถามเพิ่มเติมครับ(อีกแล้ว) กรณีภาษีเงินได้ในงบกำไรขาดทุนไม่เท่ากับเงินสดที่จ่ายภาษีเงินได้ในงบกระแสเงินสด เกิดจากอะไรหรือครับ หรือเป็นเพราะการจ่ายภาษีเราเป็นการคาดคะเนซึ่งอาจไม่ตรงกับจ่ายจริง ซึ่งส่วนต่างตรงนี้เราต้องขอคืนเองในภายหลังหรือเปล่าครับ (อันนี้เจอจากงบSKR ปี 2555 ครับ) ขอบคุณครับผม โดย TissueThiti เสาร์ เม.ย. 06, 2013 11:14 pm

Re: สอบถามเรื่องการอ่านงบและค่าทางการเงินครับ ขอบคุณมากครับ งี้ผมมองว่ามันเป็นรายจ่ายคงที่ คงจะได้ และโดยปกติแล้วหุ้นบุริมสิทธิ์จะอยู่ยืนยงถาวรเลยใช่ไหมครับ เพราะถ้าเป็นหุ้นกู้เห็นจะมีกำหนดคืน -O- โดย TissueThiti ศุกร์ เม.ย. 05, 2013 10:11 pm

Re: สอบถามเรื่องการอ่านงบและค่าทางการเงินครับ ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิเท่าเทียมกับหุ้นสามัญ ยกเว้นสิทธิในการรับเงินปันผลก่อนในอัตราร้อยละ 15 ของทุนที่เป็นหุ้นบุริมสิทธิ ประโยคนี้มีความหมายว่าไงหรอครับตรง "สิทธิในการรับเงินปันผลก่อนในอัตราร้อยละ 15 ของทุน" แอบปวดหัวกับงบการเงินของหลายๆบริษัท มีทั้งหุ้นบุริมสิทธิ์ หุ้นกู้ หุ้นกู้แปลงสภาพ T^T แถมจำนวนหุ้นเปลี่ยนแปลงตลอดเลย ขอบคุณครับ โดย TissueThiti ศุกร์ เม.ย. 05, 2013 8:59 pm

Re: “เบอร์นันเก้ ส่งสัญญาณเดินหน้านโยบายผ่อนคลายการเงิน งี้น่าจะเป็นผลร้ายสำหรับคนอย่างผมที่กำลังจะเข้าตลาดนะเนี้ย :roll: เพราะผมมองหุ้นปัจจุบันหาหุ้นถูกค่อนข้างยาก และยิ่งเจออย่างนี้ราคาคงยิ่งทะยานไปเรื่อยๆ และกำไรในอนาคตก็เริ่มไม่แน่นอน เพราะผมคิดว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน บางทีผมลองนั่งนึกดูเฉยๆ ถึงกับหัวแทบแตก เรามีทรัพยากรจำนวนหนึ่งๆ เงินจำนวนหนึ่งๆเพื่อแทนค่าของทรัพยากรเหล่านั้น แต่ทุกวันนี้หลายประเทศมหาอำนาจพิมพ์เงินออกมาอย่างมหาศาล ขณะที่ทรัพยากรขณะนี้ผมเชื่อว่ามีน้อยลงเรื่อยๆ มันย่อมส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อมหาศาล พอเงินเฟ้อ เศรษฐกิจอาจจะคล่องตัวขึ้นเพราะมีเงินในระบบมากขึ้น แต่ผมคิดว่าชีวิตคนน่าจะยิ่งลำบาก เพราะเงินจะหมุนเข้าสู่กลุ่มคนเพียงบางส่วนที่มีศักยภาพมากกว่า ขณะคนที่ตกงานหรือทำงานอยู่แล้ว จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น100% -O- แต่พอคิดว่าเงินออกมา เงินไปไหน ทำไมซื้อพันธบัตร พูดตรงๆผมก็งงแบบสุดๆไปเลย #พอๆกับเรื่องการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน ผมลองอ่านมาบ้างสุดท้าย งงครับ555 โดย TissueThiti ศุกร์ เม.ย. 05, 2013 8:10 pm

Re: สอบถามเรื่องการอ่านงบและค่าทางการเงินครับ โอ๋ ขอบคุณทั้งสองท่านมากครับ เดี๋ยวจะมาถามต่อนะครับ ตอนนี้กำลังมึนกับหุ้นบุริมสิทธิ์ได้ที่เลย 555 โดย TissueThiti ศุกร์ เม.ย. 05, 2013 7:24 pm

Re: คิดยังไงครับ คนที่มี100ล้าน คิดว่า งืมเก่งจัง เก่งเท่าเราในอนาคตเลย 555 ถ้าเราพยายามมากพอ ขยันมากพอ เราก็จะทำได้เหมือนกัน :P แต่ตอนนี้ขาด0ไปหลายตัวเหมือนกันนะ :oops: โดย TissueThiti พฤหัสฯ. เม.ย. 04, 2013 7:20 pm

Re: "น้ำแข็งไฟ" อนาคตพลังงานของมนุษยชาติ แต่ผมว่ากว่าจะได้ใช้งานจริงคงอีกหลายปีอยู่อะครับ เพราะความรู้สึกอคติของผมคือ บริษัทพลังงานปัจจุบันคงไม่ยอมเสียผลประโยชน์จากปิโตเลียมที่ตัวเองกุมอยู่ คงรอจนใช้ได้เกือบหมดแล้วค่อยไปกดดันครอบครองพลังงานทางเลือกอื่นๆต่อไป โดย TissueThiti พฤหัสฯ. เม.ย. 04, 2013 5:06 pm