ขอหุ้นในดวงใจคนละหนึ่งตัวได้ปะครับ คนละตัวพอนะครับ MINT ครับพี่เจ๋ง โดย Knott พฤหัสฯ. มิ.ย. 26, 2008 5:27 pm

ผมโดนเข้าแล้ว สรรพากรไม่ยอมจ่ายเครดิตภาษีของ PTTEP ผมเข็ดมานานแล้วครับ ยื่นทางเน็ต เคยยื่นครั้งเดียวนานแล้วในปีแรกที่มีเปิดให้ยื่นทางเน็ต เงียบหายไปจนเดือนสิงหาคมส่งจดหมายมาให้ไปติดต่อที่เขตเอาเอกสารทั้งหมดไปยื่นอีกทีด้วย ต้องเสียเวลาลางานไป แล้วรออีกเกือบสองเดือนกว่าจะได้เช็คคืนเงิน ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยยื่นทางเน็ตอีกเลยครับ เพราะไม่เห็นมีข้อดีอะไรเลย  :evil: โดย Knott พฤหัสฯ. มิ.ย. 12, 2008 9:35 pm

SETTRADE! ใช้ Mac เปิดด้วย Safari ไม่ได้ครับ เปิดแล้วมัน shutdown หน้าต่างไปเองเลยทุกครั้ง สงสัยให้ใช้เฉพาะ Internet explorer แน่เลย โดย Knott ศุกร์ มี.ค. 07, 2008 10:51 pm

เปิดบัญชีธนาคารสำหรับคณะบุคคล ธนาคารไหนดี ครับ ? ทหารไทย เซนต์คนเดียวได้ แต่ไม่สามารถทำบัตรเอทีเอ็มได้ครับ กสิกรไทย ทำไว้นานแล้ว มีเอทีเอ็มด้วย แต่เอกสารยุ่งยากมาก ต้องไปเอาสำเนาใบขอเลขประจำตัว (สพ1) ที่อยู่ที่สรรพากรมายื่นด้วย สรรพากรก็ไม่ค่อยยอมให้ถ่ายเอกสารไป กว่าจะได้ หืดขึ้นคอ เดี๋ยวนี้สงสัยไม่ได้แล้วมั๊ง เรื่องยกเลิกก็ยังเป็นแต่เรื่องที่มีคนพูดกันไปมา แต่ข้อมูลจริงๆคงยังไม่มีข้อสรุปน่ะครับ ตอนนี้ทำได้ก็ทำไปก่อน ถึงเวลาก็ค่อยมาดูข้อกฏหมายที่ออกมาจริงๆอีกทีนึงดีกว่าครับ โดย Knott อังคาร ม.ค. 29, 2008 9:29 pm

value investment มีความต่างจาก การวิเคราะห์พื้นฐานอย่างไร ชื่อนั้นสำคัญไฉน  :roll: โดย Knott พฤหัสฯ. ม.ค. 24, 2008 7:06 pm

มีข้อมูลPEของโรงพยาบาลมาฝาก ผมเข้าใจว่าแพทย์จะต้องเรียนรู้วิชาการและเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา  ถ้าโรงพยาบาลเอกชนมีอาจารย์จากโรงเรียนแพทย์ (ซึ่งต้องทำการศึกษาวิจัยอยู่ตลอดเวลา) เข้ามาร่วมงานน้อยลง จะเป็นผลให้เกิดความแตกต่างในเรื่องคุณภาพในระยะยาวหรือไม่ครับ  ผมเองเข้าใจว่าโรงพยาบาลเอกชนยังต้องพึ่งอาจารย์จากโรงเรียนแพทย์ก็ด้วยสาเหตุนี้เป็นสาเหตุสำคัญอันหนึ่ง ผมต้องขอโทษด้วยครับ หากว่าอ่านที่ผมเขียนแล้วทำให้เข้าใจว่าโรงพยาบาลเอกชนไม่ได้สนใจอาจารย์จากโรงเรียนแพทย์ หรือลดปริมาณบุคคลากรเหล่านี้ลง จริงๆแล้วที่ผมต้องการสื่อก็คือ สัดส่วนรายได้ของโรงพยาบาลเอกชนอย่าง BH & BGH ปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่มากๆมาจากแพทย์ประจำของโรงพยาบาล มีเพียงส่วนน้อยที่มาจากแพทย์ที่เป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์ ดังนั้นหากอาจารย์แพทย์ที่มาตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนมีจำนวนลดน้อยลง ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบกับรายได้ของโรงพยาบาลมากนัก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับอาจารย์โรงเรียนแพทย์โดยสิ้นเชิง เพราะนั่นเป็นไปไม่ได้ และไม่ได้เป็นผลดีกับใครเลย สำหรับคุณภาพของการรักษาพยาบาล เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องมองแยกต่างหาก การที่อาจารย์โรงเรียนแพทย์มาออกตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนนั้น มักจะมาในฐานะแพทย์ที่มาตรวจผู้ป่วย ไม่ได้มาในฐานะอาจารย์ที่จะมาสอนแพทย์อื่นๆในโรงพยาบาล เพราะต่างคนก็ต่างทำงานของตนเอง ดูแลรักษาผู้ป่วยของตนเอง หากเกินขอบข่ายความสามารถ ก็มีแพทย์เฉพาะทางท่านอื่นเป็นที่ปรึกษาร่วมดูแลผู้ป่วย ซึ่งอาจเป็นแพทย์ประจำของโรงพยาบาล หรือเป็นอาจารย์จากทางโรงเรียนแพทย์ก็ได้ ดังนั้นในเชิงนี้ จึงมีบทบาทน้อยมากในการพัฒนาความรู้ความสามารถของแพทย์อื่นๆในโรงพยาบาล ปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆเช่น BH BGH SVH ต่างก็มีระบบการศึกษาต่อเนื่องของตนเอง มีการเชิญแพทย์ที่มีความรู้ในสาขาต่่างๆมาบรรยายทุกอาทิตย์ ทั้งในระดับของโรงพยาบาล หรือในแต่ละแผนกสาขาวิชา ผู้ที่มาบรรยายก็มีทั้งอาจารย์โรงเรียนแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญในหน่วยงานอื่น แพทย์ประจำในโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเอง หรือแม้แต่วิทยากรจากต่่างประเทศในบางโอกาส หลายๆแห่งมีการจัดประชุมวิชาการประจำปีของตัวเอง สำหรับแพทย์ที่อยู่ประจำในโรงพยาบาลก็มีการไปร่วมประชุมวิชาการของสาขาตนเองที่องค์กรทางวิชาชีพจัด ทั้งในและต่่างประเทศ รวมทั้งมีการส่งแพทย์ประจำบางท่านไปอบรมพิเศษเป็นเวลาครั้งละหลายๆเดือนหรือเป็นปีในเรื่องที่โรงพยาบาลคิดว่ามีความสำคัญต้องพัฒนาในด้านนั้นๆ เหล่านี้ต่างหากที่เป็นตัวที่ทำให้แพทย์ที่ทำงานมานานๆ ได้มีการติดตามความก้าวหน้าทางวิชาชีพได้ทัน ส่วนสายสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในวงการแพทย์เองก็มีส่วนในด้านนี้ ทั้งนี้เพราะอาจารย์โรงเรียนแพทย์และแพทย์ที่ไม่ได้เป็นอาจารย์ ต่างก็มีความสัมพันธ์ในเชิงวิชาชีพ อาจเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือเพื่อนร่วมรุ่นกัน ทำให้การเรียนรู้ปรึกษาหารือสามารถทำได้โดยไม่ลำบากเกินไปนักครับ  :) โดย Knott พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 9:19 pm

มีข้อมูลPEของโรงพยาบาลมาฝาก ขออนุญาตนำเสนอมุมมองที่ต่างไปเล็กน้อยนะครับ  :oops: 2. threat ที่สำคัญที่สุดของ รพ.เอกชน ไม่ใช่คู่แข่งรพ.เอกชนด้วยกันเอง แต่ผมมองว่าคือ รร.แพทย์ มากกว่า เพราะว่าทุกวันนี้ รพ.เอกชน ขนาดใหญ่ เกือบทุกแห่ง อยู่ได้ด้วยชื่อเสียงบุคลากรจาก รร.แพทย์เป็นหลัก ที่มาทำงาน part time consultant และใช้เรื่องเงินมาเป็นแรงดึงดูด โดยไม่มีนโยบายสร้างหรือหาบุคลากรขึ้นมาทดแทน ส่วนเครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่ได้เปรียบ รร.แพทย์เลย ถ้า รร.แพทย์เริ่มปรับตัวโดยเปิดบริการกึ่งเอกชน (เช่น The Heart by Siriraj ที่เปิดแล้ว แล้วกำลังเริ่มก่อสร้างตึกใหม่เป็น Excellence center in medical care ในที่ดินใหม่ 33 ไร่ด้วย ดำเนินการเหมือน รพ.เอกชน) แล้วประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้อาจารย์แพทย์เลือกจะทำงานที่เดิมมากกว่า ในอดีตนั้นจริงอยู่ว่าบุคคลากรในโรงพยาบาลเอกชนจะมาจากภาครัฐ ที่มาทำนอกเวลาเป็นหลัก โดยเฉพาะแพทย์ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนไข้มักเป็นอาจารย์แพทย์ที่มีชื่อเสียงจากโรงเรียนแพทย์ แต่สำหรับปัจจุบันในโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆในกรุงเทพหลายแห่ง แพทย์ที่มีคนไข้เยอะจริงๆกลับเป็นแพทย์ประจำของโรงพยาบาลมากกว่า รวมทั้งโรงพยาบาลเองก็มีแนวโน้มที่จะโปรโมทแพทย์ที่ทำงานเต็มเวลาที่โรงพยาบาลมากกว่าแพทย์ที่มาเป็นบางเวลา รวมทั้งมีการดึงแพทย์จากภาครัฐให้มาทำงานเต็มเวลาที่โรงพยาบาลเอกชนมากกว่ามาเป็น parttime ทำให้การพึ่งพาอาจารย์แพทย์จากโรงเรียนแพทย์ลดน้อยลง สำหรับแพทย์ประจำหลายคนก็เป็นแพทย์ที่เคยอยู่ภาครัฐบาลมาก่อน แต่ก็มีแพทย์ที่จบจากต่่างประเทศหลายคนที่เข้ามาทำงานในภาคเอกชนโดยตรงเลย รวมทั้งบางคนก็มาทำงานภาครัฐบาลอยู่สั้นๆแล้วก็ทนกับระบบไม่ได้ สุดท้ายก็ย้ายมาอยู่ภาคเอกชน ดังนั้นการพึ่งพาบุคคลากรทางภาครัฐเป็น parttime consultant ลดลงมากในช่วงหลังสำหรับโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆในกรุงเทพ แต่คงจะยังมีอยู่มากสำหรับโรงพยาบาลที่ขนาดไม่ใหญ่มาก หรือโรงพยาบาลเอกชนในต่างจังหวัด ในแง่ของเครื่องไม้เครื่องมือ อาจจะดูไม่ต่างกันมากนัก แต่ต้องบอกว่า resource availability ของภาคเอกชนดีกว่าภาครัฐพอสมควร คนที่มาเอกชนหากต้องการทำ CT ก็แทบจะสามารถทำได้เลยทันที หรือภายในวันเดียวกัน ในขณะที่ภาครัฐแม้จะมี CT เช่นกัน ก็ไม่รู้ต้องรอคิวกี่วันกี่สัปดาห์ ไม่นับเรื่องคิวในการผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วน ซึ่งระยะเวลาในการรอก็แตกต่างกันระหว่างเอกชนกับรัฐบาล ความกดดันสำหรับบุคคลากรในภาครัฐบาลอย่างหนึ่งก็คืออัตราการฟ้องร้องแพทย์ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแต่เดิมการฟ้องร้องจะเป็นในภาคเอกชนเป็นหลัก แต่ระยะหลังในภาครัฐเองก็มีการฟ้องร้องแพทย์มากขึ้นเรื่อยๆ รายได้ที่น้อย งานที่หนักกว่า แต่ความเสี่ยงในการฟ้องร้องที่เท่ากัน ทำให้แพทย์หลายๆคนรู้สึกไม่คุ้มค่าที่จะทนทำงานในภาครัฐต่อไป ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนดีๆหลายคนตัดสินใจที่จะก้าวสู่ภาคเอกชนมากขึ้น สำหรับโรงพยาบาลของรัฐที่เริ่มเปิดบริการกึ่งเอกชน มีผลกระทบกับเอกชนแน่นอน ที่กระทบมากน่าจะเป็นเอกชนระดับกลางที่มีลูกค้าที่ price-sensitive สูง และกระทบน้อยสุดกับโรงพยาบาลที่มุ่งเน้นลูกค้าต่่างประเทศ ดังที่ mrprandy กล่าวไว้ในข้อ 3 นั้นผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกัน การเข้าสู่บริการกึ่งเอกชนของภาครัฐก็ยังต้องมีการปรับตัวเป็นระยะ โดยเฉพาะเป็นธรรมชาติมนุษย์ที่เมื่อจ่ายแพงขีึ้นก็ต้องคาดหวังมากขึ้นเป็นธรรมดา อาจารย์แพทย์เองก็คงต้องปรับตัวกับความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของคนไข้ด้วยเช่นกัน 4. รพ.เอกชนที่ผ่านมาโตได้ดีเพราะว่า รัฐบาลเก่าส่งเสริมเรื่อง medical hub แต่ต่อไปไม่รู้ ข้อนี้ต้องขออภัยนะครับที่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง รัฐบาลเก่า "สร่้างภาพ" ว่าส่งเสริมเรื่อง medical hub มีการพูดจาคำหวานมากมาย แต่ไม่ได้มีการกระทำอะไรที่เป็นรูปธรรมรองรับมากนัก การที่มีคนไข้ต่่างชาติเข้ามารักษาตัวมากขึ้นในเมืองไทย เกิดจากภาคเอกชนล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่ถูกกว่า ฝีมือที่ดีพอๆกับต่่างประเทศ รวมทั้งอุปสรรคในการเดินทางไปทางอเมริกาและยุโรปของชาวตะวันออกกลางหลังเหตุการณ์วินาศกรรมต่างๆ ทำให้คนเหล่านี้หลั่งไหลมาทางเอเชีย ทางภาคเอกชน ทั้ง BH & BGH ต่างก็มีออฟฟิศการตลาดอยู่ในต่างประเทศทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลาง และอเมริกา ทำตลาดของตัวเองอยู่ โดยไม่ได้พึ่งพาอะไรกับทางภาครัฐเลย สำหรับทางรัฐบาลนั้น แค่ไม่ทำให้อะไรเสียหายต่อธุรกิจ ต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ทางเอกชนก็ซาบซื้งมากแล้วครับ ไม่ได้คาดหวังให้มาช่วยอะไรมากมายเลยครับ สำหรับการเติบโตในอนาคตสำหรับโรงพยาบาลที่มี PE สูงๆ ขึ้นกับตลาดต่่างประเทศอย่างมาก สัดส่วนรายได้จากชาวต่างชาติสูงขึ้นเรื่อยๆทั้ง BH & BGH หากมีอะไรที่มากระทบทำให้ต่างชาติไม่มารักษาเมืองไทยอย่างถาวร ถึงตอนนั้นก็ตัวใครตัวมันแล้วครับ  :twisted: โดย Knott อังคาร ก.ค. 03, 2007 10:19 pm

เครือข่ายการลงทุน 1. แพทยศาสตร์ 2. หมอเด็ก โรงพยาบาลเอกชน 3. นิยายกำลังภายใน โดยเฉพาะของหวงอี้  :lol:  :lol: โดย Knott พุธ มิ.ย. 27, 2007 6:58 pm

โครงการ visit company TNH น่าจะจัดวันเสาร์นะครับ ปกติโรงพยาบาลวันเสาร์คนไข้จะเยอะที่สุดอยู่แล้ว ถ้าไปแล้ววันเสาร์ยังเงียบๆก็เตรียมเผ่นได้เลยครับ  :lol: โดย Knott ศุกร์ มิ.ย. 22, 2007 9:27 pm

ไม่มีกำไรต้องเสียภาษี คุณ miracle หมายถึงการยื่นทาง internet หรือเปล่าครับ หากยื่นด้วยกระดาษที่สรรพากร รู้สึกว่าแบบฟอร์มล่าสุดจะไม่มีช่องให้กรอกแยกในฟอร์มสำหรับแต่ละเปอร์เซนต์ภาษีที่แตกต่างกัน โดยจะให้เราคำนวนเครดิตภาษีนอกฟอร์ม แล้วกรอกเป็นจำนวนเงิน net สำหรับหุ้นทั้งหมดไปเลยว่าได้ปันผลรวมเท่าไร หักภาษีไปแล้วทั้งหมดเท่าไร และเครดิตภาษีสำหรับทั้งหมดที่คำนวนได้เป็นอย่างไร ส่วนการคำนวนน่าจะเป็นเงินปันผลที่ได้จากภาษีนิติบุคคล 0 เปอร์เซนต์สำหรับส่วนนี้ ปัญหาคือถ้ายื่นทางอินเตอร์เนต ระบบจะไม่ยอมให้เรากรอกภาษีเป็น 0 เปอร์เซนต์ ผมเคยลองหลายทีแล้วไม่ได้ สุดท้ายก็ยื่นด้วยกระดาษดีกว่า ไม่ต้องเก็บเอกสารเองด้วย แต่การกรอกในช่องกองทุนรวมก็คงเป็นวิธีหนึ่งทีทำได้ เพราะสุดท้ายคำนวนภาษีออกมาแล้วก็คงเท่ากัน หากของคุณ miracle กรอกช่องกองทุนรวมอยู่แล้วก็น่าจะบวกเพิ่มไปกับที่ได้รับจากกองทุนรวมได้นะครับ ถ้าต้องการแน่นอนคงต้องถามสรรพากรอีกทีครับ  :roll: โดย Knott เสาร์ พ.ค. 12, 2007 11:56 am

ไม่มีกำไรต้องเสียภาษี ไม่ทราบเข้าใจถูกหรือเปล่่านะครับ แต่เหมือนว่าบริษัทไม่ได้เสียภาษีสำหรับเงินปันผลจำนวนนี้ ดังนั้นไม่น่าจะได้เครดิตภาษีเลย กรณีนี้น่ายื่นอย่างเดียวคือหากรายได้ที่ต้องเสียภาษีของคุณต่ำกว่า 10 เปอร์เซนต์ คุณก็จะได้ที่หัก ณ ที่จ่าย 10 เปอร์เซนต์ไปแล้วคืน ไม่งั้นก็เก็บใส่ลิ้นชักเฉยๆ ไม่ต้องยื่นดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องเสียเพิ่ม ถ้าเข้าใจผิดไปก็ขออภัยด้วยครับ  :roll: โดย Knott ศุกร์ พ.ค. 11, 2007 8:39 pm

เซียนหุ้นเหนือเซียน เท่าที่เคยอ่านหนังสือชุด Rich Dad ผมว่า Robert Kiyosaki ก็ถือได้ว่าน่าจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งเหมือนกันนะครับ แต่ไม่รู้จะเรียกว่าเซียนได้หรือเปล่า  :roll: โดย Knott จันทร์ ต.ค. 02, 2006 3:40 pm

พอร์ตปกติของคุณมีขนาดเท่าไรแล้ว? นับเฉพาะหุ้นหรือเปล่าครับ กองทุนรวมพวก RMF/LTF/Provident funds นับไหมครับ :?: โดย Knott เสาร์ มิ.ย. 10, 2006 8:56 am

ใครอยากซื้อหุ้นตอนดัชนี 200 จุดบ้าง งั้นผมขอถามต่อนะครับ พอดีผมเจอสภาวะนี้อยู่ ถ้าในมือคุณมีหุ้นพีอีสูงๆ (>17) แต่อนาคตดี การเติบโตยังมีอีกมาก ตามสภาวะเศรษฐกิจ และราคากำลังลงไปเรื่อยๆ ตามสภาพตลาด แล้วบังเอิญคุณไปเจอหุ้นตัวเล็กตัวหนึ่ง PE ต่ำ พื้นฐานดี แต่อนาคตยังเอาแน่ไม่ได้ คือถ้ารุ่งก็พุ่ง แต่ถ้าไม่ก็คงรุ่งริ่งอะครับ ถ้าเป็นพวกพี่ๆ จะขายตัวที่ถือแล้วเปลี่ยนมาถือตัวเล็กนี้ป่าวครับ ทำไปแล้วครับ  :wink: โดย Knott พุธ มิ.ย. 07, 2006 2:39 pm

ขอสำรวจต้นทุนหน่อย โหวตให้แล้วครับ ผิดคาดแฮะ เรากลายเป็นคนส่วนใหญ่ไปได้  :shock: โดย Knott จันทร์ มิ.ย. 05, 2006 5:48 pm

ขอความช่วยเหลือจากพี่ VI ในเวบนี้ เห็นด้วยกับคำแนะนำของคุณ BHT และคุณ benn นะครับ หากจะเริ่มต้นแนว VI สิ่งที่สำคัญคือหาข้อมูลพื้นฐานดูก่อนว่าตัวไหนที่ควรหรือไม่ควรถือ เริ่มจากตัวที่เรามีอยู่ในมือตอนนี้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเก็บตัวไหนไว้ จะทิ้งตัวไหนไป อยากฝากเพิ่มอีกอย่างหนึ่งคือ ให้ลืมไปเลยว่าแต่ละตัวต้นทุนที่ซื้อมาเท่าไร เพราะ ณ.วันนี้ไม่มีความสำคัญอะไรแล้ว หากคุณจะซื้อหรือขายเพิ่มก็ต้องเป็นราคาตลาด ณ. วันนี้ ไม่ใช่ราคาต้นทุน ดังนั้นเมื่อศึกษาพิจารณาขอให้อิงกับราคาตลาด ณ. วันนี้ ถามตัวเองหลังจากที่ศึกษาข้อมูลแต่ละตัวแล้วว่า ราคาตลาด ณ. วันนี้ยังเหมาะสมไหม แพงไปหรือถูกไป หากตอบตัวเองว่าราคาวันนี้แพงไปแล้ว ก็ขายทิ้งไปเลย แล้วไปซื้อตัวที่คิดว่าราคาวันนี้ถูกไปมาแทน หากไม่มีตัวไหนในพอร์ทที่คิดว่าถูกไปเลย ก็หาตัวใหม่แทน ดูจากร้อยคนร้อยหุ้นหรือกระทู้เก่าๆก็ได้ครับ สำคัญจะเริ่มเป็น VI ก็ต้องหัดคิดแบบ VI ครับ  :D โดย Knott พุธ พ.ค. 31, 2006 1:43 pm

ขอแรงเพื่อนๆเป็นกำลังใจให้หน่อยด้วยการลงชื่อ เห็นด้วย 1 เสียงครับ ผมถือว่าข้อมูลแบ่งปันกัน ส่วนการตัดสินใจซื้อขายคงต้องรับผิดชอบพอร์ทกันเอง เพราะไม่มีใครมีหน้าที่ป้อนข้อมูลให้เราตลอด ต้องหาเพิ่มเติมเอาเองครับ โดย Knott จันทร์ พ.ค. 29, 2006 11:30 am

ผมขอชี้แจงนิดครับ เกี่ยวกับประเด็นที่เป็นเรื่องเป็นราวอยู่ ดีใจครับที่เข้าใจกัน อยากให้ TVI มีบรรยากาศพี่ๆน้องๆดังเดิม ขอบคุณ mod ทุกท่านที่ช่วยทำให้ TVI เป็น TVI อย่างวันนี้ครับ :D  :D  :D โดย Knott ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 8:53 pm

ใครพอจะมีเกมส์กระแสเงินสดของ Robert(Rich dad)ม่างคับ ผมมีเกมส์ที่เป็นกล่องสำหรับ cashflow 101 version american สั่งซื้อจากต่างประเทศมา ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว และมีเกมส์ electronic สำหรับ cashflow version 2 จำไม่ได้ว่าเป็น 102 หรือ 202 ยังไม่ได้แกะกล่องเลย หากสนใจ PM คุยกันได้ หรือทิ้ง e-mail ไว้ก็ได้ครับ โดย Knott ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 5:47 pm

((( ว่าด้วยสโลแกน ))) knott Quote: มิบังอาจแอบอ้างเป็นเจ้าของหรอกครับ จริงๆเป็นวาทะอมตะของชาลี มังเกอร์ คู่หูปู่บัฟเฟตต์ อ่านเจอแล้วรู้สึกชอบ เลยเอาไว้เตือนใจตัวเองครับ  :oops: โดย Knott ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 9:07 am

ทำไมผมถึงเปิดสอน ช่วงหลังๆไม่ค่อยได้โพสต์เท่าไร อ่านซะมากกว่า แต่อยากบอกว่าติดตามเว็บนี้มาหลายปี เห็นหลายๆชื่อผ่านมาและผ่านไป แต่ก็เห็นพี่เจ๋งนี่คนนึงละที่อยู่ยงคงกะพัน คอยดูแล คอยตอบคำถาม ตั้งคำถาม เสนอไอเดียต่างๆมาตลอด ชื่นชมมากๆก็ตอนที่ออกมาเปิดคอร์สสอนเป็นวิทยาทานให้คนรุ่นหลังที่ต้องการพึ่งพาตัวเองได้เรียนรู้ เห็นด้วยกับพี่มากๆที่บอกว่าการสอนต้องเป็นแบบ how to แบบลงมือปฏิบัติและเอาไปใช้ได้จริง ซึ่งเป็นเรื่องต้องใช้เวลา และหาคนที่จะยินยอมสละเวลาตัวเองมาทำตรงนี้ได้เยอะๆขนาดพี่ไม่ค่อยได้มากนัก (อีกคนนึงในเว็บที่ผมรู้สึกว่าสละเวลาตนเองให้ส่วนรวมมากๆก็คือพี่ครรชิต ที่อุตส่าห์รวบรวมข้อมูลบริษัทต่างๆส่งให้ทุกคนโดยไม่คิดอะไร ต่างกันก็คือพี่ครรชิตให้ข้อมูล ส่วนพี่เจ๋งให้ความรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าและหาได้ยากยิ่งทั้งคู่) ผมเชื่อว่าคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทุกด้าน สิ่งที่เราทำแต่ละอย่าง ย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ผลงานที่ผ่านมาย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราเป็นเช่นไร ผมเชื่อว่าเวบบอร์ดนี้อยู่มาได้นานขนาดนี้ ก็เพราะมีคนดีๆหลายคนที่เสียสละเข้ามาทำให้มันเป็นที่ๆมีคุณค่ากับคนส่วนใหญ่ และระบบการดูแลที่ผ่านมา แม้ไม่ได้ปราศจากข้อบกพร่อง แต่ก็ดีพอที่จะทำให้มันเป็นอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ผมเองก็ได้อะไรไปจากที่นี่เยอะ พอร์ทที่ยังเขียวดีอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะข้อมูลในระดับหุ้นรายตัวที่ได้ไปจากที่นี่ทั้งนั้น ก็อย่างให้กำลังใจกับคนที่ทำดีและเสียสละให้กับเวบนี้ทุกคนนะครับ คงมีอีกหลายคนที่แอบชื่นชมพวกท่านอยู่เงียบๆ คงไม่เฉพาะพี่เจ๋งและพี่ครรชิตเท่านั้น แต่อีกหลายๆท่านที่ผมไม่อาจจะเอ่ยนามได้หมด เท่าที่ผมสังเกตุก็เห็น เพือนๆ เข้ามาอ่าน แล้วก็ซื้อหุ้น ที่คิดกันเองว่า เป็นหุ้น VI และก็คิดกันเองว่า เรากำลังศึกษาหลักการ VI เป็นประโยคที่โดนใจผมมาก เพราะผมเองก็เคยคิดอย่างนี้ ต่อเมื่อผ่านพบประสบการณ์หลายอย่างมากขึ้น ถึงได้รู้ว่าไม่มีหุ้นไหนเป็นหุ้น VI อย่างแท้จริง หุ้นแต่ละตัวผ่านมาแล้วก็ผ่านไป สิ่งที่เป็น VI จริงๆคือแนวคิดและวิธีการดำเนินชีวิตของเราต่างหาก หากเรามีแนวคิดที่ถูกต้องแล้ว ต่อให้เจอปัญหาหรือการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของเราได้ทุกครั้ง ขอบคุณในน้ำใจของพี่เจ๋งและทุกๆคนในที่นี่อีกครั้งครับ โดย Knott พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 5:30 pm

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ มารออ่านของคุณมนต่อครับ สงสัยมัวไปเก็บของเพลินแน่เลย  :wink: โดย Knott จันทร์ พ.ค. 22, 2006 9:14 pm

ต้องการที่1 เท่านั้น!!! ถ้าเอาระดับในประเทศที่กึ่งๆ monopoly ก็มีอีกหลายตัวครับ เช่น AOT, BECL, PTTEP, THAI เป็นต้น โดย Knott เสาร์ พ.ค. 20, 2006 3:31 pm

ถ้าคุณรู้ว่า ดัชนีจะไป 600 สิ่งแรกที่คุณคิดคืออะไร ทำบุญ ...  :lol: เมื่อเช้าก็ไปทำบุญมาแล้วครับ เหอ .. เหอ .. เหอ ..  :twisted: โดย Knott เสาร์ พ.ค. 20, 2006 3:19 pm

คุณรู้ตัวว่าคุณบ้าหุ้น เมื่อ ... คุณรู้ตัวว่าคุณบ้าหุ้น เมื่อคุณตัดสินใจลาพักร้อนเพื่อไปเที่ยวชม White Group แทนที่จะไปชม White House  :roll: โดย Knott เสาร์ พ.ค. 20, 2006 3:12 pm

คุณรู้ตัวว่าคุณบ้าหุ้น เมื่อ ... คุณรู้ดัวว่าบ้าหุ้น เมื่อคุณต้องทำการวิเคราะห์ตลาดก่อนไปตัดผม ว่าวันนี้จะเอาแบบ Short หรือ Long ดี  :lol: โดย Knott เสาร์ พ.ค. 20, 2006 3:08 pm

เติมน้ำมันแล้วไม่มีคนเติมให้ ปั๊มไหนครับ จะได้ไปใช้บ้าง เบื่อเด็กปั๊มที่เติมเต็มแล้วก็ยังต้องอัดให้ล้นปรี่ เดี๋ยวนี้รูดบัตรเครดิตเวลาเติมน้ำมันอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องให้ตัวเลขพอดีสวยๆเลย อีกอย่าง หากเติมเองแล้วถูกกว่าการให้คนอื่นเติมให้ก็จะดีไม่น้อย  :roll: โดย Knott พฤหัสฯ. พ.ค. 18, 2006 11:40 am

ตลาดลงแรง 2 วัน อิออน ไม่เห็นลงเลย lสงสัยต่างชาติไม่ค่อยถือมังครับ ไม่รู้ต่างชาติถืออยู่เท่าไร GL ก็เด้งไปมา ขึ้นไปเมื่อวานแล้วกลับลงมาวันนี้ แต่รวมๆ 2 วันก็เห็นขึ้นไปเล็กน้อย โดย Knott อังคาร พ.ค. 16, 2006 5:55 pm

ผมรู้สึกว่าตลาดหุ้นไทยใช้วิธี อาบิทราจไม่ได้ มีกรณีคล้ายๆของคุณ Kao มาเล่าให้ฟังครับ คือตอนที่ BGH ทำ tender ของ SVH โดยเป็นการแลกหุ้นกัน ที่ 1 หุ้น SVH แลกกับ 2 หุ้น BGH ตอนนั้นมีผู้ถือหุ้น BGH ท่านหนึ่งขายหุ้น BGH ที่ตัวเองถือทั้งหมดเพื่อไปซื้อ SVH เพราะราคา SVH ตอนนั้นประมาณ 1.7-1.8 เท่าของ BGH เท่านั้น เมื่อแลกหุ้นเรียบร้อยก็รับส่วนต่างๆไปเหนาะๆ ก็เป็นกรณีการทำ arbitrage จากการควบรวมกิจการเช่นกันครับ  :wink: โดย Knott จันทร์ พ.ค. 15, 2006 4:24 pm

อยากให้บริษัทนอกตลาดบริษัทไหน เข้าตลาดมากที่สุดครับ มหาวิทยาลัยเอกชนทั้งหลาย ม.กรุงเทพ หอการค้า ABAC ฯลฯ และโรงเรียนเอกชนดังๆทั้งหลาย ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้เลย MK กะ Lotus ก็น่าสนนะ แต่สงสัยว่าหากเข้าตอนนี้ อัตราการขยายตัวจะไปได้อีกซักเท่าไรเมื่อเทียบกับปัจจุบัน จะมี growth สักเท่าไร แล้วราคาIPOก็คงจะสูงน่าดู อ้อ! confirm เรื่อง BNH เป็นของโรงพยาบาลกรุงเทพนะครับ รู้สึกถืออยู่กว่า 90% นะ การเติบโตก็ดีขึ้นตั้งแต่โรงพยาบาลกรุงเทพเข้าไป take over เมื่อ 5-6 ปีก่อนนี้ โดย Knott จันทร์ พ.ค. 08, 2006 2:50 pm

ขอสำรวจ PE เฉลี่ยของพอร์ตของชาว VI หน่อยครับ ถือ 6 ตัว เฉลี่ย 22.42 ครับ ต่ำสุด 8.36 สูงสุด 42.23 :oops: โดย Knott พุธ พ.ค. 03, 2006 5:55 pm

กลุ่มโรงพยาบาล ต้นทุนยาเพิ่มขึ้นหรือเปล่าคับ ต้นทุนยาไม่ค่อยมีผลครับ เพราะการตั้งราคายาจะตั้งโดยอิงกับต้นทุน หากราคาทุนของยาเพิ่ม ราคาขายก็จะเพิ่มตามไปด้วยเป็นเปอร์เซนต์ เพราะสามารถผลักภาระให้ผู้บริโภคได้หมดครับ  :twisted: โดย Knott อังคาร พ.ค. 02, 2006 8:27 pm

เพื่อน ๆ คิดว่าราคาน้ำมันจะเป็นไงต่อ ในความเป็นจริง NGV มีคุณค่ามากกว่าน้ำมันดิบมากนะครับ เอามาเผาเป็นพลังงาน.... น่าเสียดายครับ มีอะไรที่น่าสนใจกว่าการเอามาใช้เป็นพลังงานบ้างหรือครับ  :roll: โดย Knott พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2005 3:20 pm

การที่บริษัทลูกถือหุ้นบริษัทแม่ ที่น่าสนใจอีกส่วนหนึ่งคือ เมื่อรวมงบกันแล้วเงินลงทุนที่ลูกลงในแม่ จะปรากฎเป็นรายการอะไรในงบรวม ผมเคยเห็นเอามารวมแล้วจัดเป็นเงินลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อขาย หรือเผื่อค้าอะไรนี่แหละ เจอกลต.เล่นงานไปแล้วครับบริษัทที่ว่านั่น ขอบคุณครับพี่มน แล้วจริงๆควรอยู่ในรายการอะไรครับ โดย Knott พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2005 3:05 pm

กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน บางทีข้อมูลกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ทำเอางงไปเหมือนกันครับ เช่น capacity ของโรงพยาบาล และ จำนวนเครื่องมือแพทย์ ตอนนี้ ของกรุงเทพ มีใกล้เคียงกับที่ London ... ระบบสาธารณสุขแตกต่างกัน เทียบกันได้ยากครับ ของอังกฤษส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ เป็นรัฐสวัสดิการ การบริการไม่ค่อยดีและ waiting time นานมาก เคยเห็นตัวเลขจำไม่ได้ว่าจากไหน ว่าหากไปห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลในอังกฤษโดยเฉลี่ยจะรอนานประมาณ 8 ชั่วโมงก่อนพบแพทย์ ไม่ทราบว่าจริงเท็จอย่างไร แต่ประสบการณ์ส่วนตัวที่ดูแลคนไข้ชาวอังกฤษจะชื่นชมระบบโรงพยาบาลเอกชนของเรามาก ส่วนโรงพยาบาลเอกชนในอังกฤษเข้าใจว่ามีอยู่น้อยและราคาคงสูงมากๆกว่าที่คนส่วนใหญ่ของเขาจะไปใช้ได้ จริงเท็จอย่างไร หากใครมีประสบการณ์จริงกับโรงพยาบาลในอังกฤษก็เล่าให้ฟังได้นะครับ   8) โดย Knott พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2005 3:01 pm

การที่บริษัทลูกถือหุ้นบริษัทแม่ อยากรู้เหมือนกัน แล้วเวลาลูกปันผลให้แม่ แล้วแม่ก้อปันผลกลับมาให้ลูกอีก น่าเวียนหัวพิลึก  :roll: โดย Knott พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2005 10:20 am

banpu จ่ายปันผลระหว่างกาล 3.5 บาท ขอบคุณครับ ประกาศซะที  :mrgreen: โดย Knott พฤหัสฯ. ก.ย. 01, 2005 10:04 am

คิดยังไงกับคำว่าตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดไร้ประสิทธิภาพ ตลาดบ้านเราก็ดูจะมีประสิทธิภาพดีกว่าแต่ก่อน   เห็นด้วยครับ ผมว่าทุกวันนี้เลือกซื้อหุ้นดีๆยากกว่า 3-4 ปีก่อนจมเลย ตอนนั้นมีหุ้นดีๆราคาถูกเยอะมาก เดี๋ยวนี้ดูแล้วดูอีกยังหาไม่ค่อยได้เลยหว่า  :roll: โดย Knott พุธ ส.ค. 31, 2005 11:56 am

กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน จะบอกว่ากลุ่มโรงพยาบาลไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจเลย คงไม่ถูกแน่ๆ ลองย้อนกลับไปดูผลประกอบการของกลุ่มนี้ในช่วงปี 2539-2541 ก็เห็นได้ว่าไม่ดีเท่าภาวะเศรษฐกิจปกติ อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจนี้สามารถจะพื้นตัวได้เร็ว และปรับตัวเข้ากับสภาวะที่แย่ลงของเศรษฐกิจได้ดีกว่าอีกหลายๆธุรกิจ ด้วยเหตุที่เป็นหนึ่งในปัจจัย 4 และธรรมชาติคนเราย่อมต้องการให้การเจ็บป่วยของเราหรือคนที่เรารักได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ทำให้อย่างไรก็ยังมีผู้มาใช้บริการ แม้เศรษฐกิจจะแย่ลง รายจ่ายด้านการรักษาพยาบาลมักจะเป็นรายจ่ายอันดับหลังๆที่เราจะตัดออกในบรรดารายจ่ายทั้งหลายในชีวิตประจำวัน ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนปัจจุบัน มองได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆตามกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการ กลุ่มแรกคือกลุ่มที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก มักจะเล็กกว่า 100 เตียง ราคาไม่แพงมาก เน้นเป้าหมายลูกค้าระดับกลางถึงล่างในละแวกใกล้เคียงกับที่ตั้งที่พร้อมที่จะจ่ายเพิ่มบ้าง เพือไม่ต้องไปรอระบบของรัฐ กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากภาวะเศรษฐกิจเพราะกำลังซื้อของคนระดับนี้จะแปรตามภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างมาก และปัจจุบันมีทางเลือกโครงการ 30 บาท ทำให้โรงพยาบาลในกลุ่มนี้ต้องเข้ามารับผู้ป่วยประกันสังคมและ 30 บาทด้วย กลุ่มที่สองคือกลุ่ม premium เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ราคาแพง (เป็นที่รู้กันดีเช่นกัน :wink: ) มีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือครบ มีแพทย์ที่มีชื่อเสียงอยู่ประจำ กลุ่มนี้เจาะตลาดลูกค้าระดับกลางถึงบน รวมไปถึงชาวต่างประเทศ ซึ่งมีกำลังซื้อมากกว่า และได้รับผลกระทบน้อยกว่าจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง กลุ่มนี้จะมีการลงทุนค่อนข้างมากเป็นระยะๆ เพื่อผลในเชิงการตลาดและการรักษาพยาบาล และไม่ทราบเพื่อนๆ เคยสังเกตุไม๊ครับ กลุ่มโรงพยาบาล ได้ขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก แล้วคนไข้เพิ่มขึ้นตามทันได้อย่างไรในเมื่ออัตราการเกิดเราลดลง? การตลาดของโรงพยาบาลเอกชน มีอยู่ 2 แนวทางใหญ่ๆ อย่างแรกคือการเสาะหาลูกค้าใหม่ให้เข้ามารับการรักษาพยาบาล อย่างที่สองคือการเพิ่มอัตราการใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของลูกค้าเก่า ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มบริการใหม่ๆเข้าไปหรือเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ที่สามารถทำการวินิจฉัยหรือรักษาได้มากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นถ้ามองรายได้โรงพยาบาล อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ จะสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนคนไข้ เพราะส่วนหนึ่ง(และเป็นส่วนใหญ่ด้วย)มาจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้ป่วยเดิม นอกจากนี้ แม้ประชากรจะไม่ได้เพิ่มมากขึ้นนัก แต่อัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดจากความเสื่อมยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตลอด ตัวเลขกระทรวงสาธารณสุขยังคงมีคนที่ป่วยจากโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี ซึ่งโรคเหล่านี้ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษามากกว่าอุบัติเหตุเยอะ เพราะรักษาไม่ค่อยหายขาด ต้องติดตามดูแลและใช้ยาต่อเนื่องยาวนาน นอกจากนี้โรคเหล่านี้มักเป็นในคนสูงอายุ ซึ่งมักจะมีเงินเก็บมากพอที่จะรักษาพยาบาลตัวเองได้ ต่างกับอุบัติเหตุซึ่งมักเป็นในวัยรุ่นหรือวัยเริ่มทำงานซึ่งยังไม่มีเงินเก็บมากนัก ดังนั้นการลงทุนของโรคพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ก็จะเน้นเรื่องโรคจากความเสื่อมเหล่านี้เป็นหลักครับ  :mrgreen: สรุปว่า จะลงทุนในกลุ่มนี้ ก็ยังต้องอาศัยความระมัดระวังเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ แต่ปัญหาใหญ่ของกลุ่มนี้ปัจจุบันอยู่ที่ราคาหุ้นที่สูงมากๆ ทำให้ margin of safety ไม่ค่อยจะมีเลยครับ  :( โดย Knott พุธ ส.ค. 31, 2005 11:52 am

เขาทำแบบนี้ทำไมครับ เคยสังเกตุเรื่องราคาปิดมาพักหนึ่ง รู้สึกเหมือนว่ามันจะเอาราคาที่มี bid กับ offer ตรงกันเป็น volume ที่มากที่สุด ณ เวลาที่สุ่มปิดตลาดมา ไม่รู้ใช่หรือเปล่า ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับ โดย Knott ศุกร์ ส.ค. 19, 2005 12:01 pm

setsmart เครื่องมือทำร้ายนักลงทุน มันทำร้ายยังไงหรือครับ โดย Knott อังคาร ส.ค. 16, 2005 9:41 am

คนจะรวยไปทำไม ถ้ารู้ว่าอนาคตอีก10 ปีข้างหน้า คนจนก็มีทุกข์ คนรวยก็มีทุกข์ แต่ทุกข์ขณะรวยนี่มันน่าจะดีกว่าทุกข์ขณะจนนะครับ :lovl:  :lovl:  :lovl:  :lovl: โดย Knott อังคาร ส.ค. 16, 2005 9:07 am

คุณ viboon007 ได้ลูกชายคนแรกแล้วเมื่อวาน ยินดีด้วยครับ ยินดีด้วยครับ ขอให้เลี้ยงง่ายนะครับ ถ่ายรูปมาให้ดูบ้างนะครับ  :mrgreen: โดย Knott อังคาร ส.ค. 16, 2005 9:00 am

ไปทีไรก็เห็นคนเยอะ แต่ทําไม !!!! เรื่อง      ขอชี้แจงเกี่ยวกับผลกำไรสุทธิ ไตรมาสที่ 2 ปี 2548  น้อยกว่า 20% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2547 เรียน      กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย            ทางบริษัทฯ ขอชี้แจงให้ทราบว่าสาเหตุที่ไตรมาสที่ 2 ปี 2548  มีผลกำไรสุทธิ 41,055 พันบาท ในขณะที่ปี 2547 มีกำไรสุทธิ 69,946 พันบาท เนื่องจากปี 2548  มีผลขาดทุนจากการขายเงินลงทุนจำนวน 38 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2547 ไม่มี   ถ้าไม่คำนึงถึงรายการขายเงินลงทุน (บริษัท อุดรพัฒนา 1994 จำกัด)    บริษัท โรงพยาบาล รามคำแหง  จำกัด (มหาชน) ยังคงมีผลประกอบการจากการดำเนินกิจการโรงพยาบาลที่ดี ดังนี้ 1. ปี 2548  บริษัทมีรายได้จากการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นจากปี 2547 ประมาณ 17.77 % 2. ปี 2548บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม (สุทธิ) 10,254 พันบาท ในขณะที่ ปี 2547    มีกำไร 12,014 พันบาท 3. สัดส่วนของต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการบริหาร / รายได้จากการดำเนินกิจการรักษาพยาบาลสูงกว่าปี 2547    เล็กน้อย ประมาณ 0.44%   เนื่องจากต้นทุนสินค้ามีราคาสูงขึ้น แต่ทางบริษัทยังไม่ได้ปรับราคาขายให้สูงขึ้น    ในสัดส่วนเดียวกันกับทุนที่สูงขึ้น   ทั้งนี้เนื่องจากทางโรงพยาบาลต้องการรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ 4. กำไรของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ดี ดังนี้                                                                                                                หน่วย : พันบาท                                                                                                           2548             2547 กำไรสุทธิ                                                                                          41,055            69,946 +  ขาดทุนจากการขายเงินลงทุน (สุทธิจากภาษีเงินได้)                  28,500                 - -   กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ (สุทธิจากภาษีเงินได้)                    -                   5,273 กำไรก่อนรายการพิเศษ                                                                  69,555            64,673 กำไรสุทธิ / รายได้รวม                      (%)                                           10.33              20.15 กำไรก่อนรายการพิเศษ / รายได้รวม (%)                                         17.50             18.63 จึงเรียนมาเพื่อทราบ  ขอแสดงความนับถืออย่างสูง  (นายแพทย์รัชช  สมบูรณสิน)           ประธานกรรมการ ======================= สรุปว่าดูเหมือนที่กำไรลดลงน่าจะเป็นจากรายการขาดทุนจากการขายเงินลงทุน ซึ่งเป็นรายการพิเศษ แต่ตัวธุรกิจยังดีอยู่ครับ  :mrgreen: โดย Knott จันทร์ ส.ค. 15, 2005 9:41 pm

พรุ่งนี้ "ถัง" จะกลิ้งไหมครับ ???? ถ้ากลิ้งมาไกลพอก็จะรอเก็บครับ  :mrgreen: โดย Knott จันทร์ ส.ค. 15, 2005 8:43 pm

FTA กับหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ถ้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจริง BGH กับ SVH น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะปัจจุบันฐานคนญีปุ่นจะอยู่ในกลุ่มนี้มากกว่า BH จากทำเลที่ตั้งอยู่ในแหล่งที่คนญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะ แต่หากมี FTA กับตะวันออกกลางเมื่อไร BH น่าจะดีนะครับ  :mrgreen: โดย Knott จันทร์ ส.ค. 15, 2005 10:57 am

การเครดิตภาษีเงินปันผล สำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่าควรจะเครดิตคืนหรือไม่ และอาจจะยังงงกับการคำนวนบ้าง มีวิธีง่ายๆอย่างหนึ่งคือ ในการยื่นทาง Internet ระบบจะคำนวนให้อัตโนมัติว่าสุดท้ายจะต้องเสียภาษีเพิ่ม หรือได้เงินคืนเท่าไร ดังนั้นก่อนจะ OK ให้ลองดูว่าหากขอเครดิต กับไม่ขอเครดิต อย่างไหนระบบคำนวนให้แล้วเสียน้อยกว่ากันก็เอาแบบนั้น ลองหลายๆแบบได้ครับ  :mrgreen: โดย Knott จันทร์ ส.ค. 15, 2005 10:51 am

Gasoline 95 จะเกิดหรือเปล่าคับ เท่าที่เห็นมีเฉพาะของบางจากครับ ที่มี gasohol 91 ด้วย ใช้มาพักหนึ่งแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกตินะครับ  :mrgreen: โดย Knott พุธ ส.ค. 10, 2005 11:59 am

ถ้าต้องติดเกาะ 10 ปี เลือกถือหุ้นได้หนึ่งตัว?? SCC :mrgreen: โดย Knott พุธ ส.ค. 10, 2005 11:46 am

<< มรดกลูก >> มีครับ สำนักพิมพ์ผู้จัดการแปลมา จำชื่อไม่ได้แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าชื่อ จากบริษัทที่ดีสู่บริษัทที่ยอดเยี่ยม หรืออะไรทำนองนี้น่ะครับ หน้าปกสีแดง ตัวอักษรสีขาว ผมเองอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ เป็นหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่งครับ โดย Knott ศุกร์ ส.ค. 05, 2005 2:05 pm