หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 1:05 pm
โดย nasesus
ถ้าใครมาเริ่มเล่น vi  2-3 ปีนี้พอร์ตคงติดลบไม่แพ้ผม จนผมเริ่มอ่อนไหวไปตามกระแสที่ถาโถมเข้ามาว่าจะโละพอร์ตทิ้งไปก่อนดีมั้ย แม้รู้ทั้งรู้ว่าหุ้นที่ถืออยู่ค่อนข้างปลอดภัย ยังไงก็มีปันผลแน่นอน แต่ราคาที่มันลดเอาลดเอา จะคุ้มกับปันผลสิ้นปีมั้ยนะ หลายตัวช้อนมาช่วงเซ็ทลงต่ำ ดีดขึ้นมีกำไรไม่ขายปล่อยขาดทุนมากขึ้นมากขึ้น ในขณะที่เพื่อนสนิทผมอีกคนเล่นคนละแนวมันเน้นเทคนิคเป็นหลักช่วงเซ็ทลงจาก 700 มาถึงตอนนี้มันไม่มีหุ้นในพอร์ตเลยแม้แต่ตัวเดียวมันบอกว่าถูกแค่ไหนก็ไม่เอาถ้าเส้นกราฟไม่ใช่ขาขึ้น ชัดเจน มันยอมกอดเงินดีกว่า หากเป็นขาขึ้นจริงๆซื้อสูงกว่าจุดต่ำสุดสัก 40-50% จะเป็นไรไปยังไงก็ซื้อได้ถูกกว่าผมที่ถัวไปเรื่อยๆ  ฟังมันพูดอัดผมไปๆมาๆผมชักเริ่มไหวหวั่นกับแนวทางของตัวเองซะแล้วสิ ว่าจริงๆแล้วผมหลอกตัวเองหรือเปล่าน้า แต่ถึงตอนนี้หุ้นตัวไหนที่ผมมั่นใจก็ยังไม่มีการ cutloss เลยครับ เขียนระบายให้เพื่อนๆฟังชักเริ่มหายเครียด

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 1:17 pm
โดย pitejung
มีลง ก็ต้องมีขึ้นครับ

ถ้าเป็นหุ้นเทพทั้งหลาย อย่าไปกลัวครับ

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 1:55 pm
โดย Juninho
ตลาดแคลชเป็นอย่างนี้นี่เอง
ดีใจที่ได้เจอ พี่แคลช (วงแบงค์)

สนุกดีแฮะ หุ้น ต่อไปผมจะเป็นวีไอ ที่ดูฟันด์โฟลวด้วย
ดูเฉพาะฟันด์โฟลวที่มีนัยสำคัญ เช่น ซื้อติดกันเป็นเดือน
หรือขายติดกันเป็นเดือน อันนี้ผมว่า ต้องมาพิจารณาว่า เขาคิดอะไร

หุ้นก็แปลกดีเหมือนกัน หากใครทายถูกมาตลอดทาง
แล้วกลับมาซื้อตอน 400 หากหุ้นลงไป 200
ขาดทุนตั้ง 50 เปอร์เซ็นต์  นี่ขนาดเก่ง ๆ แล้วนะทายถูกมาตลอด

แต่สำหรับคนติดที่ 900 จะ 400-300-200 คงไม่ต่างกันเท่าไร
เจ็บคนชิน

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 2:11 pm
โดย beammy
ธุรกิจเราแย่จนถึงต้อง "ขายธุรกิจ" เลยหรือครับ

ลองคิดดูดีๆ  :8)   ...

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 4:11 pm
โดย SaKaEi
vi ไม่ใช่ซื้อแล้วห้ามขายนิครับ

หุ้นหลายๆตัวพื้นฐานเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 4:33 pm
โดย poppo
[quote="beammy"]ธุรกิจเราแย่จนถึงต้อง "ขายธุรกิจ" เลยหรือครับ

ลองคิดดูดีๆ

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 5:03 pm
โดย doodeemak
ผมว่าเรากำลังถูก Mr. Market ปั่นหัวอยู่นะครับ  :lol:  

แม้แต่ Buffet เองที่มีข้อมูลมากมายก็ไม่สามารถซื้อหุ้นทุกตัวได้ในราคาต่ำสุด (ไม่งั้น คงโดนฟ้อง  :lol: )

นับประสาอะไรกับคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆล่ะครับ

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 5:11 pm
โดย King_Krimson
:P

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 5:12 pm
โดย vivitawin
ขอยืม คำพูดท่านดร.นิเวศน์ล่ะกันครับ
stay calm, stay invest
:wink:

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 5:25 pm
โดย Alastor
ไม่หวั่นไหว แต่เซ็งเป็ด อ่ะครับ

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 6:00 pm
โดย sai
SaKaEi เขียน:vi ไม่ใช่ซื้อแล้วห้ามขายนิครับ

หุ้นหลายๆตัวพื้นฐานเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยสิครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจอ่ะครับ พื้นฐานมันเปลี่ยนหรือเราเดาว่ามันจะเปลี่ยนครับ

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 6:04 pm
โดย nasesus
คือผมรู้สึกอัดอั้นอยากระบายให้เพื่อนๆได้ฟัง บางครั้งเราเป็น VI ผิดจังหวะ ก็ถึงกับจะทนไม่ได้เหมือนกัน หลายๆคนคงมีความรู้สึกคล้ายๆกับผม เพราะช่วงนี้พอร์ตแดงเกินเยียวยาจริงๆ

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 6:13 pm
โดย kotaro
1.ทบทวนดูหุ้นที่เราถือครับ

2.ตัดสินใจ หากคิดว่าไม่ดี  ขายเลยครับ  แล้วออกตลาดไปก่อน ทบทวนดีแล้วค่อยมาใหม่  

3.หากมั่นใจหุ้นที่เราถือ  ซื้อเพิ่มครับ  หาเงินมาซื้อเพิ่ม  โอกาสแบบนี้นานๆมีทีครับ ( เพราะตอนผมเริ่มซื้อหุ้น จำได้ว่าดัชนี ก็ประมาณ 300 กว่าๆ ตอนนี้กลับมาที่เดิม  รู้สึกดีใจยังไงไม่รู้ครับ)

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 6:26 pm
โดย tummeng
ไหวหวั่น แต่ไม่หวั่นไหว

ช่วงนี้มานั่งดู หุ้นหลายตัวราคาลงมาแทบเท่ากับที่เราซื้อไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แถมไปมาๆๆ ดันลงมาต่ำกว่าให้ช้ำใจซะอีก

รู้สึกท้อนิดๆๆ แต่ไม่ถอย

ว่าไอ้เราอุตส่าห์ประหยัดเงินซื้อรถใหม่ เก็บเงินมาซื้อหุ้นลงทุน ไปมาๆๆ ขาดทุนยิ่งกว่าได้รถซะอีก

โชคดีอยู่อย่าง.. ที่ยังมีงานหลักให้ทำอยู่ ธุรกิจยังพอไปได้

ตอนนี้ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตา ทำงานหาเงินมาลงทุนเพิ่มอย่างเดียว

เชื่อจริงๆๆแล้วคราวนี้

Fundamental รือจะสู้ Fund Flow ได้

มาเจอวิกฤติคราวนี้ตอนอายุ 35 มองในแง่ดีเป็นบทเรียนในการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิต ยังพอมีเวลาและโอกาสตามเอาคืนได้ (หวังและมันใจเช่นนั้น) ถ้ามาเจอตอนแก่ๆๆ อายุ40-50 ปีนี่ คงจะมีเครียดกว่านี้แน่ๆๆ

บทเรียนคราวนี้จะลงทุนอะไรคงจะระมัดระวังกว่าเดิมเยอะเลย

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 6:39 pm
โดย ลูกอิสาน
ถ้าเราลงทุนทั้งชีวิต อย่าเพิ่งเอาเวลาแค่ 1-2 เดือนมาตัดสินใจเลยครับ vi ก็ไม่ได้เป็นยาที่แก้ได้ทุกขนานหรือ เหมาะกับทุกสถาณการณ์ แต่ระยะยาวแล้วผมเชื่อว่าเป็นวิธีที่เหมาะสม มีเหตุมีผลที่สุด ครั้งนี้ที่ใครตัดสินใจถูก ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าจะถูก หรือครั้งนี้เราทำผิด เราเรียนรู้ ครั้งหน้าก็อาจจะทำถูก แต่เหลืออื่นใด ใจเราต้องมาก่อนนะครับ ถ้าเราเชื่อ ศรัทธา อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ร้อนรน

จำได้ว่า 10 ปีที่แล้วตอนวิกฤตครั้งก่อนหุ้นลง 2 ปี ปีแรก 53% ปีที่สองอีก 30 % รวมประมาณ 60% แต่ปีนี้หุ้นเราลงไปแล้วเกิน 53% ทั้งที่พื้นฐานเราดีกว่าแต่ก่อนมาก ช่วงนั้นผมเพิ่งลงทุนขาดทุนไป 50% แต่พอผ่านมาได้กำไรหลายสิบเท่า ช่วงนี้ทำใจให้สงบ ทำการบ้านเล็งหุ้นดีๆ ที่ราคาลงมามากผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ short หุ้นทั้งของกองทุนและ short again port ของนักลงทุนทั่วไป เมื่อไหร่คนถือเงินสดกันเกือบหมดก็เตรียมขึ้นรถไฟให้ทันครับ ตอนนี้กินปันผลแทนน้ำบัวบกไปก่อน :lol: ..

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 6:54 pm
โดย Linzhi
ลูกอิสาน เขียน:ถ้าเราลงทุนทั้งชีวิต อย่าเพิ่งเอาเวลาแค่ 1-2 เดือนมาตัดสินใจเลยครับ vi ก็ไม่ได้เป็นยาที่แก้ได้ทุกขนานหรือ เหมาะกับทุกสถาณการณ์ แต่ระยะยาวแล้วผมเชื่อว่าเป็นวิธีที่เหมาะสม มีเหตุมีผลที่สุด ครั้งนี้ที่ใครตัดสินใจถูก ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าจะถูก หรือครั้งนี้เราทำผิด เราเรียนรู้ ครั้งหน้าก็อาจจะทำถูก แต่เหลืออื่นใด ใจเราต้องมาก่อนนะครับ ถ้าเราเชื่อ ศรัทธา อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ร้อนรน
ขอตามรอยรุ่นพี่ครับ ผมว่าการปรับตัวจำเป็น แต่เราต้องมีหลักยึด
และเข้าใจหลักให้ลึกซึ้งขึ้น ผ่านวิกฤตแบบนี้คงเป็นโอกาสให้เรียนรู้
ถ้าเราเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา คงไม่ต่างกับคนในตลาดหุ้นที่มีมากมาย
สุดท้ายก็จับอะไรไม่ได้เลย

ตอนนี้เหนื่อยเหมือนกันครับ ก็ได้แต่ขยันกว่าเดิม
เพราะเคยขยันตอนเข้าตลาดปีแรกๆ หลัง ๆ ขี้เกียจงัยไม่รู้  :oops:

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 6:55 pm
โดย wr
ลูกอิสาน เขียน:ถ้าเราลงทุนทั้งชีวิต อย่าเพิ่งเอาเวลาแค่ 1-2 เดือนมาตัดสินใจเลยครับ vi ก็ไม่ได้เป็นยาที่แก้ได้ทุกขนานหรือ เหมาะกับทุกสถาณการณ์ แต่ระยะยาวแล้วผมเชื่อว่าเป็นวิธีที่เหมาะสม มีเหตุมีผลที่สุด ครั้งนี้ที่ใครตัดสินใจถูก ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าจะถูก หรือครั้งนี้เราทำผิด เราเรียนรู้ ครั้งหน้าก็อาจจะทำถูก แต่เหลืออื่นใด ใจเราต้องมาก่อนนะครับ ถ้าเราเชื่อ ศรัทธา อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ร้อนรน

จำได้ว่า 10 ปีที่แล้วตอนวิกฤตครั้งก่อนหุ้นลง 2 ปี ปีแรก 53% ปีที่สองอีก 30 % รวมประมาณ 60% แต่ปีนี้หุ้นเราลงไปแล้วเกิน 53% ทั้งที่พื้นฐานเราดีกว่าแต่ก่อนมาก ช่วงนั้นผมเพิ่งลงทุนขาดทุนไป 50% แต่พอผ่านมาได้กำไรหลายสิบเท่า ช่วงนี้ทำใจให้สงบ ทำการบ้านเล็งหุ้นดีๆ ที่ราคาลงมามากผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ short หุ้นทั้งของกองทุนและ short again port ของนักลงทุนทั่วไป เมื่อไหร่คนถือเงินสดกันเกือบหมดก็เตรียมขึ้นรถไฟให้ทันครับ ตอนนี้กินปันผลแทนน้ำบัวบกไปก่อน :lol: ..
ถูกใจจริง ถูกใจจังครับ
เพียงแต่ถ้าเจ้าของร่วมทุบด้วย
อาจไม่มีน้ำใบบัวบกให้ทานสักปี เป็นไปได้มั้ยครับ

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 7:10 pm
โดย K o S o L
ผมเองก็เคยรู้สึกแย่ๆ ครับ แต่คิดไปคิดมากลับรู้สึกว่าโชคดีมากเลยครับ ได้สอบ Final ของการลงทุนเลย ทั้งที่เริ่มลงทุนแบบ VI มาได้ยังไม่ถึงปีี
แต่ไม่รู้ว่าจะผ่านการทดสอบนี้ไปได้ไหม อย่างไงก็แล้วแต่ มันก็ช่วยให้เราจำบทเรียนที่อ่านมาจากหนังสือการลงทุนที่อ่านๆ มา ได้อย่างขึ้นใจทีเดียวครับ

- MOS
- ซื้อธุรกิจไม่ใช่ซื้อหุ้น
- มองอนาคตไกลๆ เข้าไว้
- Mr. Market

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 8:34 pm
โดย chatchaivi
ฝนตกที่เมกา แต่เกิดพายุที่เมืองไทย 2 ครั้งติดในเดือนเดี่ยว  ที่แรกก้อหลบได้ไม่เป็นไร แต่วันนี้โดนเต็มๆ  ว่าได้ของดีราคาถูกตามแนว vi  แต่สุดท้าย -9 งงงงงงงงงเซ้งเป็ด :oops:  :oops:  :cry:

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 11:18 pm
โดย แม่แฝด3
ลูกอิสาน เขียน:ถ้าเราลงทุนทั้งชีวิต อย่าเพิ่งเอาเวลาแค่ 1-2 เดือนมาตัดสินใจเลยครับ vi ก็ไม่ได้เป็นยาที่แก้ได้ทุกขนานหรือ เหมาะกับทุกสถาณการณ์ แต่ระยะยาวแล้วผมเชื่อว่าเป็นวิธีที่เหมาะสม มีเหตุมีผลที่สุด ครั้งนี้ที่ใครตัดสินใจถูก ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าจะถูก หรือครั้งนี้เราทำผิด เราเรียนรู้ ครั้งหน้าก็อาจจะทำถูก แต่เหลืออื่นใด ใจเราต้องมาก่อนนะครับ ถ้าเราเชื่อ ศรัทธา อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ร้อนรน

จำได้ว่า 10 ปีที่แล้วตอนวิกฤตครั้งก่อนหุ้นลง 2 ปี ปีแรก 53% ปีที่สองอีก 30 % รวมประมาณ 60% แต่ปีนี้หุ้นเราลงไปแล้วเกิน 53% ทั้งที่พื้นฐานเราดีกว่าแต่ก่อนมาก ช่วงนั้นผมเพิ่งลงทุนขาดทุนไป 50% แต่พอผ่านมาได้กำไรหลายสิบเท่า ช่วงนี้ทำใจให้สงบ ทำการบ้านเล็งหุ้นดีๆ ที่ราคาลงมามากผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ short หุ้นทั้งของกองทุนและ short again port ของนักลงทุนทั่วไป เมื่อไหร่คนถือเงินสดกันเกือบหมดก็เตรียมขึ้นรถไฟให้ทันครับ ตอนนี้กินปันผลแทนน้ำบัวบกไปก่อน :lol: ..
:cool:

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 11:25 pm
โดย mac69
ลูกอิสาน เขียน:ถ้าเราลงทุนทั้งชีวิต อย่าเพิ่งเอาเวลาแค่ 1-2 เดือนมาตัดสินใจเลยครับ vi ก็ไม่ได้เป็นยาที่แก้ได้ทุกขนานหรือ เหมาะกับทุกสถาณการณ์ แต่ระยะยาวแล้วผมเชื่อว่าเป็นวิธีที่เหมาะสม มีเหตุมีผลที่สุด ครั้งนี้ที่ใครตัดสินใจถูก ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าจะถูก หรือครั้งนี้เราทำผิด เราเรียนรู้ ครั้งหน้าก็อาจจะทำถูก แต่เหลืออื่นใด ใจเราต้องมาก่อนนะครับ ถ้าเราเชื่อ ศรัทธา อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ร้อนรน

จำได้ว่า 10 ปีที่แล้วตอนวิกฤตครั้งก่อนหุ้นลง 2 ปี ปีแรก 53% ปีที่สองอีก 30 % รวมประมาณ 60% แต่ปีนี้หุ้นเราลงไปแล้วเกิน 53% ทั้งที่พื้นฐานเราดีกว่าแต่ก่อนมาก ช่วงนั้นผมเพิ่งลงทุนขาดทุนไป 50% แต่พอผ่านมาได้กำไรหลายสิบเท่า ช่วงนี้ทำใจให้สงบ ทำการบ้านเล็งหุ้นดีๆ ที่ราคาลงมามากผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ short หุ้นทั้งของกองทุนและ short again port ของนักลงทุนทั่วไป เมื่อไหร่คนถือเงินสดกันเกือบหมดก็เตรียมขึ้นรถไฟให้ทันครับ ตอนนี้กินปันผลแทนน้ำบัวบกไปก่อน :lol: ..
:cool: ด้วย

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 12:17 pm
โดย pokpong.oma
[quote="ลูกอิสาน"]ถ้าเราลงทุนทั้งชีวิต อย่าเพิ่งเอาเวลาแค่ 1-2 เดือนมาตัดสินใจเลยครับ vi ก็ไม่ได้เป็นยาที่แก้ได้ทุกขนานหรือ เหมาะกับทุกสถาณการณ์ แต่ระยะยาวแล้วผมเชื่อว่าเป็นวิธีที่เหมาะสม มีเหตุมีผลที่สุด ครั้งนี้ที่ใครตัดสินใจถูก ไม่ใช่ว่าครั้งหน้าจะถูก หรือครั้งนี้เราทำผิด เราเรียนรู้ ครั้งหน้าก็อาจจะทำถูก แต่เหลืออื่นใด ใจเราต้องมาก่อนนะครับ ถ้าเราเชื่อ ศรัทธา อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ร้อนรน

จำได้ว่า 10 ปีที่แล้วตอนวิกฤตครั้งก่อนหุ้นลง 2 ปี ปีแรก 53% ปีที่สองอีก 30 % รวมประมาณ 60% แต่ปีนี้หุ้นเราลงไปแล้วเกิน 53% ทั้งที่พื้นฐานเราดีกว่าแต่ก่อนมาก ช่วงนั้นผมเพิ่งลงทุนขาดทุนไป 50% แต่พอผ่านมาได้กำไรหลายสิบเท่า ช่วงนี้ทำใจให้สงบ ทำการบ้านเล็งหุ้นดีๆ ที่ราคาลงมามากผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ short หุ้นทั้งของกองทุนและ short again port ของนักลงทุนทั่วไป เมื่อไหร่คนถือเงินสดกันเกือบหมดก็เตรียมขึ้นรถไฟให้ทันครับ ตอนนี้กินปันผลแทนน้ำบัวบกไปก่อน :lol: ..

ช่วงนั้นมีหุ้นกลุ่มไหนบ้างครับที่ขึ้นมาหลายเท่า

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 5:52 pm
โดย ส.สลึง
หลักการย่อมเป็นไปตามหลักการครับ
ไม่ว่าจะเป็น VI หรือไม่ก็ตาม

พอร์ตติดตัวแดงเหมือนกันครับ ดูผิวๆ แล้วใจพานจะหวั่นไหว
แต่เมื่อเหลียวไปดูที่ราคา เอ๊ะ...
ราคานี้ควรขาย :wall: หรือควรซื้อ..? :D

โอแม่จ้าว...

ใช้เหตุผล :la: ไม่ใช่อารมณ์ :ohno: ครับ เริ่มจากทำใจเฉยๆ :juju:
ที่ภาษาบาลีเรียกว่า 'อุเบกขา' ครับ

และสุดท้าย...
หลักการย่อมเป็นไปตามหลักการ !!
เสมอ :wink: ...

ปล.
อนาคตราคาหุ้นของผมเป็นอะไรผมไม่รู้หรอกครับ
รู้แต่ว่ากิจการของเราต้องดี

เมื่อ vi ไหวหวั่น

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 6:23 pm
โดย nw108
:D

      ผมเอาเเบบคุณ ลูกอิสานที่เเน่ะนำไว้ครับ ถ้าทนไม่ไหว ก็สลับขายตัวที่ลงไม่มากไปลงทุนในหุ้นที่ลงมาเยอะๆเเต่พื้นฐานยังคงน่าสนใจ

     ตลาดลงเเบบนี้กดดันมากครับสำหรับคนที่ถือหุ้นเต็มพรอต์  ผมเคยโดนมารอบที่เเล้วซื้อกสิกรไทยไป20กว่าบาทว่าถูกเเล้วมันลงมา15 บาทเลยเครียดมากเลยเลิกดูหุ้นไป2-3ปีเเต่ไม่ได้ขาย เเล้วเวลาก็ผ่านไป ผมมาขายหมูไปตอน50 บาท  ก็ยังคงได้กำไรเฉลี่ย / ปี 20% กว่าๆ

    ลงทุนเเบบที่เราสบายใจดีกว่าครับ ถ้าเรียดมากก็หาอะไรทำออกไปยืนมองจากวงนอก อาจจะทำให้เราพบเห็นที่เราค้นหาอยู่ก็ได้ครับ


:arrow: NET-NET cansave your ass.