HFT VS IRC

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1382
ผู้ติดตาม: 37

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 1

โพสต์

พอดีเห็นว่าดร.นิเวศน์มี IRC อยู่เยอะกว่า WG เสียอีก เลยคิดว่าอุตสาหกรรมนี้น่าจะมีอะไรดี พอดูไปที่ HFT ก็มีประกันสำนักงานประกันสังคม ซึ่งปีที่ผ่านมาท่านพิชัย ก็แสดงฝีมือไม่น้อยหน้าใคร เลยอยากลองเปรียบเทียบดูระหว่างหุ้นในอุตสาหกรรมที่ p/e ใกล้เคียงกัน แต่มี p/bv และ ROE ต่างกันอย่างแรงงงงงงง

IRC Major Share Holder
Rank Major Shareholders # Shares % Shares
1 บริษัท อีโนเว รับเบอร์ จำกัด 6,860,000 34.30
2 บริษัท โสภา กนก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 5,066,600 25.33
3 CITIGROUP GLOBAL MARKETS LIMITED.-CUSTOM 623,500 3.12
4 นางเพาพิลาส เหมวชิรวรากร 521,200 2.61
5 น.ส.วนิดา โคมทองสถิตย์ 338,500 1.69
6 นายวิทยา ลี้อิสสระนุกูล 330,000 1.65
7 นางพรดี ลี้อิสสระนุกูล 320,000 1.60
8 นายวิริยะ ตรังอดิศัยกุล 304,600 1.52
9 นางพิมพ์ใจ เหล่าจินดา 280,000 1.40
10 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่ 274,100 1.37
11 นางวราณี เสรีวิวัฒนา 263,200 1.32
12 กองทุนเปิด อยุธยาเทคโนโลยี 237,500 1.19
13 นายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล 220,000 1.10
14 นายทนง ลี้อิสสระนุกูล 220,000 1.10
15 นางพรทิพย์ เศรษฐีวรรณ 220,000 1.10
16 กองทุนเปิด อยุธยาทุนทวีปันผล 219,700 1.10
17 นายวรชัย โรจนวรกุล 217,875 1.09
18 น.ส.มาซามิ อาทิตย์เรืองสิริ 200,000 1.00
19 นายไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา 180,000 0.90
20 นายวิบูลย์ ศิริมณีธรรม 105,000 0.53

:oops:
Major Share Holder WG
Rank Major Shareholders # Shares % Shares
1 นางพิมพรรณ ศรีสวัสดิ์ 2,000,000 11.20
2 บริษัท เอ็ม ดี เอ็กซ์ แอสเซท จำกัด 1,570,200 8.80
3 บริษัท โอสถานุเคราะห์ โฮลดิ้ง จำกัด 1,164,200 6.52
4 นายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ 805,800 4.51
5 นายประธาน ไชยประสิทธิ์ 801,118 4.49
6 นางสวิตตา เมธชนัน 723,000 4.05
7 นายธนา ไชยประสิทธิ์ 709,000 3.97
8 นายวิวัฒน์ มณีรัตน์ 700,000 3.92
9 นายสิทธิ์ ปรุศุดำเกิง 580,927 3.25
10 น.ส.มิตรธีรา กัลยาณมิตร 553,500 3.10
11 MR.DESMOND KENNEDY 528,900 2.96
12 น.ส.มยุรี สิริบุญวินิต 468,100 2.62
13 นางนันทา รุ่งนพคุณศรี 337,300 1.89
14 นางนวลจันทร์ ตีระสงกรานต์ 243,700 1.37
15 นายชัยนรินทร์ ทรัพย์วรานนท์ 215,700 1.21
16 น.ส.นวลลออ มานะพันธุ์พงศ์ 200,000 1.12
17 บริษัทเงินทุนหลักทรั ศรีมิตร จำกัด (มหาชน) 196,400 1.10
18 นายสมชัย ไชยศุภรากุล 150,000 0.84
19 นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 145,900 0.82
20 นายกิตติ บุญโพธิ์อภิชาติ 145,000 0.81
21 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 132,000 0.74
22 น.ส.ปิยนันท์ ปรุศุดำเกิง 127,000 0.71
23 นายสุธิ ประเสริฐศรีทอง 121,400 0.68
24 นายเอกพัฒน์ พัฒนพาณิชย์ 116,500 0.65
25 นายอมร ตั้งกิจเวทย์ 114,975 0.64
26 นางวัชรี ธรรมาภิมณฑ์ 102,800 0.58
27 นางศุภลักษณ์ บุญโพธิ์อภิชาติ 100,000 0.56
28 นางเพาพิลาส เหมวชิรวรากร 100,000 0.56 29 น.ส.สุพัตรา อนุสนธิ์ 100,000 0.56
30 นางกนกวลี พวงคำ 100,000 0.56
31 กองทุนเปิด พรีมาเวสท์ สเปซิฟิกเฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ 100,000 0.56
32 น.ส.พาสนา สุวรรณเสถียร 90,456 0.51 [/size]

Major Share Holder HFT

Rank Major Shareholders # Shares % Shares
1 HWA FONG RUBBER INDUSTRY CO.,LTD. 27,099,986 70.01
2 บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 701,000 1.81
3 สำนักงานประกันสังคม 355,000 0.92
4 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 324,700 0.84
5 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยบริษ 265,700 0.69
6 นายวรเทพ ศรีคุรุวาฬ 264,000 0.68
7 น.ส.อุไรวรรณ แซ่หลี 230,200 0.59

:P :? :?
เพื่อนๆคิดว่าเราน่าจะเลือกตัวใหนดี ระหว่าง IRC ผู้เก่งกล้าสามารถ ซื้อโดยใช้ความคิดแบบ Growth At a Reasonable Price กับ HFT ที่อาจเป็น Turnaround Stock และหากค่าเงินบาทตกจะเป็นผลดีกับ HFT มากเหมือนไตรมาสที่ผ่านมา
ลองคิดดูเล่นๆสนุกดีครับ
:P :P :P

อยากถามพี่ๆที่มีความรู้เรื่อง IRC ว่าทำใมช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถึงมีกำไรเติบโตขึ้นมากขนาดนี้ แล้วมันจะโตต่อไปอีกได้หรือไม่ แล้ว HFT จะมีโอกาสทำได้บ้างไม่เนี่ย
วิชัย
ผู้ติดตาม: 0

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อยากดันกระทู้นี้ครับ เผื่อมีผู้รู้ท่านใดมาช่วยตอบ 8) โดยส่วนตัวผมกำลังสนใจ HFT อยู่พอดี แต่ก็ขอเวลาหาเหตุผลเข้าลงทุนก่อน
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ถ้าคุณ WPONG แนะนำละก็ น่าสนใจครับ

ขอไปศึกษาดูก่อนนะครับ

:wink: :wink: :wink: :wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมมองธุรกิจผลิตยางในยางนอกรถไม่ออกเลยครับทั้ง IRC และ HFT

ลักษณะธุรกิจก็คล้ายๆกัน แต่ROE และ ROA ต่างกันมากเหลือเกิน IRC เริ่มได้กำไรสูงๆ ROE 20 %ขึ้นไปตอน Q2 2002 เป็นช่วงที่เรียกได้ว่าบริษัทเริ่มสู่ยุค Turn around แต่ HFT จนถึงปัจจุบันยังได้กำไรน้อยเหมือนเดิม
:?: :?: :?: :?: :?: :?:

ผมคิดว่าใน case ทั่วๆไป กลุ่มอุตสาหกรรมไหนที่อยู่ในช่วงขาขึ้นมักจะขึ้นด้วยกันทั้งกลุ่ม ( ไม่เสมอไปร้อยเปอร์เซนต์แต่โดยส่วนใหญ่มักจะใช่ )


พอไปดูกลุ่มลูกค้าก็พบว่า IRC แทบจะครองทั้งตลาด โดยเฉพาะยางนอก-ยางใน รถจักรยานยนต์ ในประเทศในตลาด OME IRC ครองเป็นอันดับหนึ่งลูกค้ามีทั้ง Thai Honda , Thai Suzuki , Yamaha , Kawasaki , Tiger ในต่างประเทศก็มี HONDA ITALY , HONDA INDIA , และ SUZUKI JAPAN เป็นต้นและยังมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ยางเพื่อใช้ในการอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้ IRC กว่า 55 %

:arrow: :arrow: :arrow: :arrow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ครั้นพอไปดูของ HFT ก็พบว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศและมาจากส่วนที่เป็นรถจักรยาน โดยประเทศที่เป็นลูกค้าได้แก่ พม่า ลาว ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และกัมพูชา เป็นต้น แต่ก็พบว่ายอดขายรวมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะจากปี 44 มา 45 แต่จาก 45 มา 46 เพิ่มไม่มากนัก


อัตรากำไรขั้นต้นของ HFT ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับ IRC ก็เลยสงสัยว่าMargin ของยางนอก ยางในรถจักรยาน น้อยกว่า รถจักรยานยนต์หรืออย่างไร ไปค้นหาแล้วก็ไม่มีคำตอบ เพราะว่าทั้งยอดขายและยอดค่าใช้จ่ายคิดรวมกันเป็นก้อนเดียวแยกไม่ออกว่าเป็นของรถจักรยานเท่าไหร่ รถจักรยานยนต์เท่าไหร่และผลิตภัณฑ์จากยางเป็นเท่าไหร่ ทำให้ประมาณการได้ยากมาก อย่างไรก็ตามกำไรของ HFT ก็เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ โดยไตรมาสล่าสุดสามารถทำได้ถึง 25.84 ลบ. คิดเป็น ROE 8.66 % ROA 6.26% โดยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 8.09 ลบ. แต่ถ้าหักกำไรส่วนนี้ออกไปจะได้เท่ากับปีที่แล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 6

โพสต์

HFT มีข้อดีตรงที่ ณ.ราคาปัจจุบัน 17.50 มีค่า P/B 0.57 P/E 9.23 ซึ่ง P/B ขนาดนี้จะถือว่าถูกก็ได้

:wink: :wink: :wink: :wink: :wink:

ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลของอดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้ามองไปในอนาคต สิ่งที่จะมีผลต่อกำไรของ HFT น่าจะได้แก่

:arrow: :arrow: :arrow: :arrow:
1.ยอดขายรถจักรยานเพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประชาชนหันมาใช้จักรยานกันมากขึ้นเป็นการออกกำลังกายและประหยัดน้ำมัน และไม่มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาด

2.ยอดขายรถจักยานยนต์เพิ่มขึ้น และสามารถแย่งส่วนแบ่งจาก IRC มาได้พอสมควร โดยที่ IRC มีการบริหารงานที่แย่ลง ลูกค้าไม่พอใจสินค้า หันมาซื้อกับ HFT มากขึ้น หรือ HFT ขายตัดราคา IRC

3.ยอดขายของยางนอก-ในใช้ในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น

4. ค่าใช้จ่ายลดลง ราคาวัตถุดิบ เช่น ยางพาราลดลง โครงการเมืองยางล้มเหลว ประเทศมาเลเซียขายยางตัดราคาไทย หรือไทยตัดราคามาเลเซีย

5.บริษัทผลิตสินค้าได้มากขึ้น หลังจากใช้กำลังเต็มที่แล้วและได้ขยายโรงงานเพิ่มขึ้น

6. และอื่นๆอีกที่เรานึกไม่ถึง

:arrow: :arrow: :arrow: :arrow: :arrow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ทั้งหมดนี้ผมว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ถ้าจะเกิดก็น่าจะเกิดไป 1-2 ปีแล้ว ผมจึงคิดว่ายังไม่ควรซื้อลงทุนในขณะนี้ น่าจะรอให้บริษัทเริ่มพิสูจน์ตัวเองก่อนว่ามีดีอยู่ อย่างเช่นเริ่มทำกำไรได้มากขึ้น ( ไม่นับจากอัตราแลกเปลี่ยน ) ได้ ROE สัก 15 20 % ขึ้นไป เป็นต้น ถึงค่อยนำมาพิจารณาใหม่

:evil: :evil: :evil: :evil: :evil:

แต่อย่างไรก็ตามการซื้อที่ราคานี้โดยหวังผลกำไรระยะสั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ โดยหวังผล rebound ทาง technique เนื่องจากราคาได้ลงมาตลอดจากสี่สิบกว่าบาท หลายๆคนคงจะติดหุ้นที่ราคาสูงกว่านี้มาก รวมทั้งกองทุนประกันสังคม เพราะเห็นว่าซื้อมานานแล้ว ทำให้โอกาสลงต่ออาจจะน้อยลง แต่ก็ไม่แน่ครับ ถ้าประกันสังคมเทขายก็ตายหมู่แน่ครับ


คุณ WPONG ครับ ทั้งหมดนี้ผมเพิ่งจะศึกษาวันเดียวเองครับคงจะมีข้อบกพร่องมากมาย แต่ก็หวังว่าจะมีส่วนที่เป็นประโยชน์บ้างนะครับ คุณ WPONG มอง HFT ยังไงบ้างครับ


:shock: :shock: :shock: :shock:
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1382
ผู้ติดตาม: 37

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 8

โพสต์

พี่สามัญชนนี่ เยี่ยมจริงๆครับ วันเดียวก็ได้ข้อมูลดีๆตั้งเยอะ ข้อมูลเป็ยประโยชน์มากขอบคุณครับ
ผมเองยังคงชอบหุ้นตัวนี้อยู่ ถึงแม้นจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากพี่
:oops: :oops: :oops:
ผมเองยังศึกษาข้อมูลไม่มากเท่าพี่ แค่คิดว่า HFT ราคาถูก มีหนี้น้อย และมีโอกาสเติบโต ก็เลยซื้อไปก่อน ถ้าศึกษาแล้วชอบมากขึ้นค่อย ซื้อเพิ่มขึ้นหนะครับ

ไม่ทราบว่าพี่ได้ลองคิด
1. เอาเงินลงทุนในโรงงานตัวใหม่ออก แล้วลองหา ROA, ROE ใหม่
2.ถ้าค่าเงินบาทไม่แข็งขึ้น ลองเอากำไรไตรมาสปัจจุบัน X 4 หารด้วย Asset หรือ Equity โดยลบเงินลงทุนของโรงงานใหม่ออก ถ้าให้ดีลองเปรียบเทียบผลต่างกำไรของ 2 ไตรมาสล่าสุดระหว่าง
Q2 HFT - Q1 HFT
Q2 IRC - Q1IRC
ดูพัฒนาการณ์หนะครับ
3. สินค้าเป็นประเภทใช้แล้ว ใช้อีกหรือเปล่า
4. ค่าเสื่อมราคา เทียบกับกำไร
5. โรงงานใหม่มี BOI และได้ประโยชน์จาก FTA


ผมยังไม่ได้คิดเป็นตัวเลข แค่ได้ผ่านตาเห็นว่าน่าสนใจ เลยประเดิมไปเล็กน้อยก่อนครับ

ช่วงนี้ ผมดูหุ้นแนวขวาง ไม่ใช่แนวลึก ก็เลยเขียนข้อมูลละเอียดให้พี่ดูไม่ได้ครับ ขอโทษด้วย 8) 8)

ขอบคุณอีกครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ไม่ทราบว่าพี่ได้ลองคิด
1. เอาเงินลงทุนในโรงงานตัวใหม่ออก แล้วลองหา ROA, ROE ใหม่


เป็นไอเดียที่ดีมากครับ เพราะการใช้ ROA มาคิดในขณะที่มีการใช้เงินลงทุนกับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งที่ยังไม่สามารถสร้างผลกำไรให้ได้ทันที การใช้ ROA มาประเมินอาจจะสะท้อนไม่ตรงความเป็นจริงนัก จึงต้อง adjust ค่า ROA ใหม่โดยนำเงินในจุดนี้มาหักออกก่อน

ปัญหาสำหรับ HFT ก็คือจะหักออกเท่าไหร่ บริษัทจะกู้เงินมา 300 ลบ. แต่กู้จริงๆนับถึงตอนนี้ 113 ลบ. ดังนั้น RONOA ( Return on Net Operating Assets ) = 25.84 * 400 / ( 1747.74 -113 ) = 6.32 %

หรือถ้ามองว่าบริษัทคงจะใช้เงินตัวเองด้วยไม่ได้พึ่งเงินกู้อย่างเดียว ก็จะต้องบวกเข้าไปด้วย แต่ตัวเลขนี้เราไม่รู้ว่าเป็นเท่าไหร่ สมมติว่าใช้ไปสัก 177 ลบ. จะได้ RONOA = 25.8 * 400 / ( 1747.74 - 290 ) = 7.09 % ซึ่งก็ยังไม่สูงอยู่ดี ( 117 เป็นตัวเลขสมมติครับ ไม่มีที่มาที่ไป เอาให้รวมกันแล้วไม่ใช่ 300 จะได้ไม่สับสนกับเงินที่จะกู้ 300 ลบ. )


ส่วน ROE ไม่มีการ adjust ครับ ยกตัวอย่าง กู้มาหมื่นล้าน จะลงบัญชีในส่วนหนี้สินเพิ่มขึ้นหมื่นล้าน แต่ในฝั่งสินทรัพย์ก็จะเพิ่มขึ้นหมื่นล้านเช่นเดียวกัน เมื่อจับมาลบกัน หมื่นล้านนี้ก็จะหายไป ROE จึงเท่าเดิม = 25.8 * 400 / 1187.36 = 8.70 % เว้นเสียแต่ใช้เงินที่มีอยู่ไปลงทุนด้วย ก็ต้องเอามาหักออกด้วย ( ไม่ทราบว่าเท่าไหร่ ) จะทำให้ E ลดลง ROE เพิ่มขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 10

โพสต์

2.ถ้าค่าเงินบาทไม่แข็งขึ้น ลองเอากำไรไตรมาสปัจจุบัน X 4 หารด้วย Asset หรือ Equity โดยลบเงินลงทุนของโรงงานใหม่ออก ถ้าให้ดีลองเปรียบเทียบผลต่างกำไรของ 2 ไตรมาสล่าสุดระหว่าง
Q2 HFT - Q1 HFT
Q2 IRC - Q1IRC
ดูพัฒนาการณ์หนะครับ
กำไรของ IRC เพิ่มขึ้นไม่มาก เพิ่มขึ้น 2.60 ลบ.คิดเป็นอัตราการเจริญเติบโต ( 54.73 - 52.13 ) * 100 / 52.13 = 4.98 % อาจจะมองได้ว่า เริ่มเข้าสู่ขาลงก็เป็นไปได้ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้

ในขณะที่ของHFT ถ้าหักกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนออก 8.09 ลบ. ก็จะเพิ่มขึ้น 3.71 ลบ. คิดเป็นอัตราการเจริญเติบโต ( 25.84 14.04 8.09 )*100 / 14.04 = 26.42 % ดูแล้วจะรู้สึกว่าค่อนข้างสูง ก็เนื่องจากตัวหารมันน้อย
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 11

โพสต์

3. สินค้าเป็นประเภทใช้แล้ว ใช้อีกหรือเปล่า
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ข้อดีของธุรกิจนี้คือ ( ที่จริงเป็นข้อดีของทุกธุรกิจซึ่งอยู่ภายใต้กฏของอนิจจัง ) เมื่อสินค้าเสื่อมสภาพ ลูกค้าก็จะกลับมาซื้อใหม่ แต่ข้อดีนี้มันก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร และมันก็ได้สะท้อนมาในผลการดำเนินงานหมดแล้ว ดังนั้นมันไม่ทำให้ประโยชน์มากขึ้นหรือน้อยลงกับบริษัทในปัจจุบัน จะเกิดประโยชน์มากขึ้นกับบริษัทก็ต่อเมื่อวัฏจักรนี้มันสั้นลง ยกตัวอย่างครับ

:wink: :wink: :wink: :wink: :wink:

3.1 วัฏจักรยาวขึ้น สมมติว่า สินค้าไม่เสื่อมสภาพเลย อยู่ได้แบบอมตะนิรันด์กาล มันก็จะมีผลกระทบต่อทั้งตลาด REM และ OEM โดยตลาด REM จะลดลงเรื่อยๆ จนเป็นศูนย์ เพราะมันไม่ต้องเปลี่ยน และตลาด OEM ก็จะลดลงเช่นเดียวกัน จนเหลือเฉพาะส่วนที่เป็นความต้องการของลูกค้ารายใหม่เท่านั้นเอง อาจจะเป็น 10 - 20 % ของของเดิม

:twisted: :twisted: :twisted: :twisted:

3.2 วัฏจักรสั้นลง สินค้าหมดอายุการใช้งานเร็วขึ้น เช่น จากเดิม ยางนอกของรถจักรยานมีอายุใช้งาน 2 ปี แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป เมื่อใช้ไปสัก 1 ปี ยางจะเสื่อมหมด อย่างนี้จะเป็นประโยชน์กับบริษัทแน่ ตลาด REM จะเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าจากของเดิมทีเดียว ( ในความเป็นจริงลูกค้าคงหนีไปซื้อของบริษัทที่มีอายุการใช้งานเท่าเดิมหรือนานขึ้นมากกว่า แต่นี่เป็นเรื่องสมมติ )

สภาพความเป็นจริงก็คือ อายุการใช้งานยังคงเท่าเดิม ดังนั้นประโยชน์ก็ยังคงได้เท่าเดิม


:idea: :idea: :idea: :idea: :idea:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 12

โพสต์

4. ค่าเสื่อมราคา เทียบกับกำไร
อันนี้ผมหาไม่เห็นว่าบริษัทคิดค่าเสื่อมราคามากเกินไปหรือเปล่า ไม่มีรายละเอียดให้ศึกษา เห็นแต่ค่าเสื่อมราคาในงบกระแสเงินสด 46.54 ลบ. อย่างเดียว


:roll: :roll: :roll: :roll: :roll:
5. โรงงานใหม่มี BOI และได้ประโยชน์จาก FTA
ประโยชน์จาก BOI ไม่ยั่งยืน และคิดว่าไม่น่ามากมายอะไร ( ดูจากโรงงานที่สร้างใหม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ไม่มาก จาก 32.2 ล้านเส้นเป็น 33.2 ล้านเส้นเท่านั้นเอง ) จาก web นี้ครับ

http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... 2221580000

ส่วนเรื่อง FTA กับประเทศกลุ่มนี้ยังไม่ชัดเจนนะครับ และใน FTA ก็ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีกถึงประเภทของสินค้า ไม่รู้ว่ายางนอกยางในรถจักรยานจะรวมไปด้วยหรือเปล่า

:?: :?: :?: :?: :?:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 13

โพสต์

:( :( :( :( :( :(

คุณ WPONG ครับ ผมคิดอยู่หลายวันว่าสมควรจะโพสท์ไหม เพราะรู้สึกว่าเนื้อหาทั้งหมดจะเป็นยาขมหม้อใหญ่ ซึ่งคนที่ไม่ป่วยมักไม่อยากดื่ม


:oops: :oops: :oops: :oops: :oops:


แต่ก็คิดว่าอาจจะมีประโยชน์ ก็เลยลองเสี่ยงดู เผื่อคุณ WPONG อาจจะชอบขมๆ ก็คิดว่าดื่มเบียร์ก็แล้วกันครับ แต่ระวังอย่าดื่มหลายรอบนะครับ เดี๋ยวจะมาววว ซะก่อน


:D :D :D :D :D :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1382
ผู้ติดตาม: 37

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ยานี้กินแล้วไม่ค่อยขมเท่าไหร่ แต่รู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม
:roll: :roll: :roll: :roll:
ผมเองก็พลาดไปอย่างที่พี่แนะนำนั่นแหละครับ :oops:

ผมรู้สึกโชคดีที่ได้พี่ช่วยแนะนำ หากมีอะไรจะแนะนำเพิ่มเติม ไม่ต้องเกรงใจครับ
:P :P :P
ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 48

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 15

โพสต์

:lol: :lol: :lol: :lol:

วันนี้ HFT ติด top gainers ครับน้อง WPONG ขึ้นไปสูงสุดที่ 19.00 บาท

:lol: :lol: :lol: :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4833
ผู้ติดตาม: 164

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 16

โพสต์

วันนี้มีข่าวดีอะไรรึเปล่าครับ
ทั้ง HFT และ IRC มาแรงทั้งคู่เลย
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1382
ผู้ติดตาม: 37

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 17

โพสต์

พี่สามัญชนครับ ผมขายไปนานแล้วครับ
:P
ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมรับทราบ ความหวังดีจากพี่เสมอมา
ForrestGump
Verified User
โพสต์: 1435
ผู้ติดตาม: 0

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 18

โพสต์

พี่ศรราม กับ พี่Wpong ยังไงๆ รบกวนช่วยโพสต์แต่เนิ่นๆ ด้วยครับ จะได้ตามเซียนทั้งสองท่านได้ทัน มาอ่านทีหลัง ขึ้นไปแล้วทุกทีเลยครับ 555

ขอบคุณมากครับ อุอุ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1382
ผู้ติดตาม: 37

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 19

โพสต์

คุณกั้มพ์ครับ ผม Post ไว้หลายเดือนแล้วครับ
HFT ไตรมาสนี้คงจะดี เพียงแต่มีปัจจัยลบเรื่องค่าเงินก็เลยคงยังไม่เปรี้ยงป้าง แต่อย่างไรก็ตามในอีกมุมหนึ่ง การใช้เงินไม่กี่ล้านดันหุ้นก็ขึ้นได้ถึง 8% หมายถึง .....
:shock:
ส่วนหุ้นกระเบื้องของผม .... ใครได้ดู้รายชื่อ Major Share Holder วันที่ 26/11/04 บ้างครับ อืม....

1 นางฤดีรัตน์ สังขะทรัพย์ 8,087,345 25.73
2 บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 886,500 2.82
3 นายสันติทวี สารสาส 779,000 2.48
4 นายสมศักดิ์ กิติพราภรณ์ 778,580 2.48
5 นายสันติทวี สารสาส 716,900 2.28
6 นางธาริณี กฤดากร 688,614 2.19
7 น.ส.บุญสม เวชกาญจนา 506,767 1.61
8 นางสมถวิล สังขะทรัพย์ 500,925 1.59
8) 8) 9 บริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) 479,600 1.53
10 นางลดาลักษณ์ สีทองดี 426,200 1.36
11 น.ส.จุฬารัตน์ ธรรมวัฒน์วิมล 422,600 1.34
12 นางจิตติมา สังขะทรัพย์ 418,763 1.33
13 นายผาสุก เทพมณี 412,140 1.31
14 บริษัทเงินทุนหลักทรั วอลล์สตรีท จำกัด (มหาชน) 396,800 1.26
15 นายชาญ วีระโอฬารกุล 350,000 1.11
16 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 295,960 0.94
17 ม.ร.ว.ดนุชโชติ เทวกุล 281,300 0.90
18 DEUTSCHE BANK INTERNATIONAL LTD. 250,000 0.80
8) 8) 8) 19 นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล 240,000 0.76
20 น.ส.สิริฉัตร ห่านประภา 231,600 0.74
21 บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด 210,451 0.67
22 นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ 200,000 0.64
23 นายสุขุม นวพันธ์ 178,100 0.57
24 นายพิทักษ์ รจิตบูรณะกุล 175,000 0.56
25 นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช 170,000 0.54
26 กองทุนเปิด กรุงไทยหุ้นผสมตราสารหนี้ปันผล 158,700 0.50


อีกตัวหนึ่งของผม มีกำไร 4 ไตรมาสติดต่อกันดังนี้

-0.59
0.01
1.24
1.83
ปัจจุบันซื้อขายกันต่ำกว่า Book Value และถ้าคิด NCAV + เงินลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว ก็จะพอๆกับราคาหุ้น เหมือนซื้อหุ้น แถม หุ้น บ.ย่อย และแถม ที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรครับ
ลองทายดูแล้วกันว่าไตรมาสที่จะถึงจะเป็นเท่าไหร่

ผมเองก็อยากเป็นเซียนเหมือนกันครับ :shock:
ForrestGump
Verified User
โพสต์: 1435
ผู้ติดตาม: 0

HFT VS IRC

โพสต์ที่ 20

โพสต์

wpong เขียน:คุณกั้มพ์ครับ ผม Post ไว้หลายเดือนแล้วครับ


อีกตัวหนึ่งของผม มีกำไร 4 ไตรมาสติดต่อกันดังนี้

-0.59
0.01
1.24
1.83
ปัจจุบันซื้อขายกันต่ำกว่า Book Value และถ้าคิด NCAV + เงินลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว ก็จะพอๆกับราคาหุ้น เหมือนซื้อหุ้น แถม หุ้น บ.ย่อย และแถม ที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรครับ
ลองทายดูแล้วกันว่าไตรมาสที่จะถึงจะเป็นเท่าไหร่

ผมเองก็อยากเป็นเซียนเหมือนกันครับ :shock:
สำหรับคนอื่นผมไม่รู้ แต่สำหรับผมแล้ว พี่ศรรามกับคุณ ว.พงษ์ เนี่ย เซียนครับ :D
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
ล็อคหัวข้อ