MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
i-salmon
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 295
ผู้ติดตาม: 1

MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Money talk at SET25Apr2015

ช่วงที่ 1 สัมมนา หัวข้อ "หุ้นเด่นต้องจับตา"
1. ดร.ฤทธี กิจพิพิธ กรรมการ SCN
2. คุณ ดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ SAWAD
3. คุณ ทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD
4. คุณ อัญรัตน์ พรประกิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน JUBILE
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ นพ. ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช ดำเนินรายการ

Intro
(อ.ไพบูลย์) หุ้นแบบไหนคือเด่นคืออะไร?
(หมอเค) หุ้นเด่น คือหุ้นที่น่าสนใจ มีพัฒนาการน่าจับตา ผลประกอบการน่าจะดีขึ้น
(อ.ไพบูลย์) 4 บริษัทที่มาวันนี้มีอะไรพิเศษร่วมกัน ?
(หมอเค) เป็นบริษัทแห่งนวัตกรรม เดิมประเทศไทยเน้นส่งออก ผลิตขายราคาถูกแข่งกัน พยายาม คิดค้นไอเดียใหม่ๆเข้ามาพัฒนาธุรกิจ ซึ่งผู้บริหารที่มาเสนอเป็นหนุ่มสาวไฟแรง และเอานวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาในธุรกิจ ทำให้การเติบโตก็ขึ้นกับศักยภาพผู้บริหารไม่ได้อิงตามเศรษฐกิจเท่านั้น
(อ.ไพบูลย์) คนที่จะทำให้บริษัทพลิกฟื้นได้ต้องเป็นคนรุ่นใหม่ๆ โลกจะพัฒนาได้คนรุ่นใหม่ ต้องเก่งกว่าคนรุ่นเก่า
(หมอเค) แนะนำ 4 บริษัทที่มานำเสนอทำอะไร
• JUBILE จำหน่ายเพชรมีคุณภาพ พยายามสร้างแบรนด์ ขยายสาขา ล่าสุดก็สร้างร้าน flagship ขนาดใหญ่
• SAWAD เป็นนวัตกรรมการเงินสินเชื่อ ที่เอารถหรือสินทรัพย์ไปค้ำประกันได้เงินสดมา
• TVD ผู้บุกเบิกโฮมชอปปิ้งในเมืองไทย แต่ที่ผ่านมาโชคร้ายหน่อย ปีก่อนโดนหลายอย่าง ตอนนี้กำลังเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์
• SCN นวัตกรรมวิศวกรรมปรับเปลี่ยนแรงงานแก๊ส CEO บอกธุรกิจนี้เข้าใจง่าย 3 คำ “ท่อล่องหน” เคยรับก่อสร้างสถานีแก๊สแล้วต่อยอดเป็นวิศวกรรมปรับแรงดันแก๊ส


JUBILE
• จำหน่ายเครื่องประดับเพชร ภายใต้แบรนด์ “Jubilee”
• ช่องทางการจัดจำหน่าย เดิมเป็นร้านค้าเดี่ยว ตาม บ้านหม้อ สีลม สะพาน เหล็ก นวัตกรรมของยูบิลลี่สร้าง ช่องทางจัดจำหน่ายขายเพชรผ่านเคาทเตอร์ ปัจจุบันมี 118 สาขา มีทั้งกรุงเทพ 38 สาขา และต่างจังหวัด 80 สาขา
• นำเข้าเพชรจาก Antwerp ประเทศเบลเบี่ยม
• ปี 57 บริษัทได้รับรางวัลจากสถาบัน HRD ที่ให้เกรดคุณภาพเพชร ชื่อว่ารางวัล “ HRD Antwerp Certified Diamond Jeweller” แสดงถึงการได้รับรองจากบริษัทระดับโลก ซึ่งต้องเข้ามาตรวจสอบ ตั้งแต่เพชรที่นำเข้ามา จนถึงช่องทางจัดจำหน่ายที่มอบให้ลูกค้า
• เพชรที่ซื้อจาก ยูบิลลี่ จึงได้รับรอง certificate จากสถาบันและใบการันตีของ jubilee ซึ่งจะใช้รับรองคุณภาพและดูแลบริการหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน
• ถ้าซื้อเพชรแล้ว อยากจะเปลี่ยนใหม่สามารถนำใบรับประกันมาเปลี่ยนได้ หักค่าเสื่อมประมาณ 10% ของราคาที่ซื้อ
• ราคาเพชร 2-3 ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างแข็งแรง ไม่ได้ขึ้นกับราคาน้ำมัน หุ้นหรือ ทองคำ แต่ขึ้นกับ demand และ supply ทั่วโลก เช่น เอเชีย เศรษฐกิจโต ประเทศจีน ตลาดรับซื้อโต demand เพิ่มขึ้น ก็ทำให้ราคาเพชรสูงขึ้นด้วย Supply ใหญ่ของโลกอยู่ที่เบลเยียม มีการแยกบริษัทค้าเพชร DTC(Diamond Trading Company) ส่วนเพชรต้องขุดจากเหมืองเพชร ซึ่งต้อง infrastructure มูลค่ามหาศาล
• ปี 57 ยอดขายโต 16% จุดแข็งคือเราสร้างสินค้าเอง ทำ consumer insight, market research ทำให้เสนอสินค้าได้ถูกใจ ตรงใจ SSSG โต 10%, เพิ่มสาขา 10 สาขา
• ปี 58 จะมีเปิด flagship store 1500 ตร.ม. มี 4 ชั้น เป็น retail space พบเครื่องประดับเพชรได้ทุก category เช่น ลูกค้ามองหาแหวนหมั้นของแต่งงาน ก็จะมีชั้นที่ทำขึ้นมาเฉพาะ รวมทั้งจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆในอุตสาหกรรม
o จะมีความ customize ให้ลูกค้าแต่ละท่านมากขึ้น เช่น คนที่มองหาเพชร 1 กะรัตขึ้นไป เคาทเตอร์จัดเรียงเพชรยาว 8 เมตร สามารถดู stock จาก supplier เบลเยี่ยมมาเรียงให้เลือกสรร เป็นการลงทุนในเทคโนโลยีIT
o Target ทั้งกลุ่มคนไทยและต่างชาติ รองรับกับ AEC และนักท่องเที่ยว ที่จะมากขึ้น
o ทำเลอยู่ที่สีลม เปิด soft launch แล้ว และมี grand opening ในช่วงไตรมาส 2
• ปี 58 ยังมีเปิดสาขาใหม่ และจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ อีก เป้าหมายขายโต 15-20% ซึ่งเราก็ตั้งเป้าหมายในระดับนี้มาตลอด
• กองทุน templeton เข้ามาถือหุ้น ก็ทำให้ตลาดทุนในไทยและต่างชาติใหม่ๆเข้ามาสนใจมากขึ้น เราก็จะได้ความรู้ใหม่ๆในสายตลาดทุนด้วย


SAWAD
• สินเชื่อแบบมีหลักประกัน พอร์ตหลักคือรถยนต์ โดยเฉพาะมือสอง ไม่ได้ทำเช่าซื้อรถยนต์มือ 1
• ลูกค้าจะเข้ามาพร้อมทะเบียนรถหรือโฉนด เราจะเน้นลูกค้าในท้องถิ่น ตรวจสอบถ้าเข้าหลักเกณฑ์เราจะโอนเงินให้ได้ใน 30 นาที ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ ตั้งเป้าหมายที่ 15 นาที แต่รถยนต์อาจจะตรวจสอบนานขึ้นหน่อย ให้เงิน รถยนต์100,000 กว่าบาท มอเตอร์ไซค์ 10,000 กว่าบาท
• ปี 57 มี 1,022 สาขา เปิดสาขาใหม่เกือบทุกวัน สาขาเปิดใหม่ใช้คนน้อย แต่สาขาที่เปิดนานแล้วขึ้นกับจำนวนลูกหนี้คงเหลือ
• พอร์ตมูลค่า 7,500 ล้านบาท จำนวนลูกค้าเกือบ 2 แสนราย
o พอร์ตรถยนต์ 52% บ้านที่ดิน 10% มอเตอร์ไซค์ 10% ที่เหลือพวกรถใหญ่(รถบรรทุก,รถพ่วง,รถสิบล้อ) รถการเกษตร และพอร์ตเล็กไม่ถึง 1% เป็นสินเชื่อไม่มีหลักประกัน
• นาโนไฟแนนซ์
o ได้รับใบอนุญาติปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์แล้ว มีลูกค้าสนใจมากรอกใบสมัครไว้จำนวนหนึ่ง
o เราเป็น 1 ใน 4 บริษัทที่ทางคลังอนุมัติมาก่อน เพราะบริษัทเตรียมตัวและคอยติดตามอย่างใกล้ชิด
o ต้องอาศัยเวลาอนุมัติสินเชื่อประมาณ 1 วัน ต่อไปน่าจะเร็วขึ้น เมื่อก่อนเราเคยทำไม่เกิน 2 ชั่วโมง สามารถปล่อยกู้ 1 รายไม่เกิน 1 แสนบาท
o ตั้งเป้าหมายในปีแรกไว้ 500 ล้านบาท อาจจะเห็นผลจริงๆปีหน้า ในเดือนแรกคิดว่าคงปล่อยได้ไม่ถึง 10 ล้านบาท ต้องเรียนรู้และพัฒนากันไป
o ผลตอบแทนนาโนไฟแนนซ์รวมๆน่าจะใกล้เคียงเดิม ดอกเบี้ยค่าปรับค่าธรรมเนียมค่าติดตามค่าเคาท์เตอร์เซอร์วิส 36% คิดง่ายๆเดือนละ 3% ถ้าเป็นสินเชื่อเอารถไปแลก 1.25% ต่อเดือน
o ให้ปล่อยกู้เพื่อการประกอบอาชีพ คุณสมบัติหลักผู้กู้ ไม่มีรายได้ประจำ ไม่มี slip เงินเดือน ให้คนที่กู้นอกระบบมาอยู่ในระบบ ถ้ากู้นอกระบบจ่ายเงินร้อยละ 1-5 บาท ต่อ วัน (เป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก)
• ปี 57 กำไรสุทธิ 855 ล้าน โตขึ้น 40 กว่า %
• แผนงานปี 58 รายได้ก็จะโตตามพอร์ตลูกหนี้เดิม 12 เดือน(ส่วนใหญ่ปล่อยกู้ให้คืน 12 เดือน)รวมกับที่เพิ่มขึ้นในปี ปกติตั้งเป้าหมายโตไว้ 30% ซึ่งพอร์ตจะโตขึ้นอีกทั้งฐานลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามา สาขาใหม่ที่เปิด รวมทั้งนาโนไฟแนนซ์
• การเปิดสาขาใหม่ปกติจะใช้เวลาราว 6 เดือนในการสร้างความรับรู้ชุมชน ปีที่แล้วเปิด 300 กว่าสาขา ปีก่อนก็เปิด 200 กว่าสาขาน่าจะช่วยให้เติบโตได้
• ปัจจัยที่จะทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้นคือ หนี้สูญซึ่งยังอยู่ในระดับปกติ มีลดลงด้วย ปี 56 4.5% ปี 57 4.1% สำหรับปี 58 เพิ่มขึ้นนิดหน่อย
• การติดตามหนี้ลูกค้ามักเป็นการถามไถ่ ติดตาอย่างกระชั้นชิด เอาใจใส่ คอยดูแลว่าลูกค้ายังอยู่ในพื้นที่
• สินทรัพย์ที่มาขอเงินสด เช่น รถยนต์ 2 แสนบาท จะปล่อยกู้ให้ราว 1 แสนบาท ขึ้นกับสภาพรถ พยายามให้ลูกค้าผ่อนจ่ายตามที่ทำได้ หรือบางครั้งก็เป็นบอลลูน ถ้าไม่จำเป็นไม่อยากยึดหลักประกันนจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี
• บริษัทสนใจซื้อพอร์ตบริษัทตามท้องถิ่นซึ่งบางที่ก็เป็นธุรกิจที่ทำมานานมาถึงรุ่นลูกก็ไม่อยากทำต่อ
• เดือน พ.ย. 57 บริษัทจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อติดตามหนี้ รับให้กับจ้างธนาคารและธุรกิจเช่าซื้อซึ่งได้ผลดีพอสมควร เพราะเรามีสาขามากเข้าไปสำรวจพื้นที่ได้ และมีการซื้อพอร์ตหนี้เสียมาบริหาร
• ประเทศใน AEC มีการส่งคนไปในหลายๆประเทศ 1-2 คนต่อแห่งเพื่อให้รู้จักกับชุมชนดีก่อน หากมีความชัดเจนในกฏเกณฑ์ก็พร้อมทำการได้
• พรบ.ทวงหนี้น่าจะไม่กระทบกับลูกหนี้เรา เพราะพนักงานก็ถูกต้องตามมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ถ้าเจอลูกค้าที่มีปัญหาจริงๆคงต้องฟ้องยึดทรัพย์


SCN
• บริษัทมุ่งเน้นด้านวิศวกรรมเป็นหลัก เดิมเริ่มจากการเป็น subcontractor สร้างโรงกลั่น คลังน้ำมัน ปั๊มน้ำมัน จนเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาได้เข้ามาในวงการ NGV
• ตอนนี้สัดส่วน Taxi ใช้ NGV เป็นหลักแล้ว เพราะ LPG ราคาขึ้นมาใกล้เคียงกับน้ำมัน
• การสร้างปั๊ม NGV แต่เดิมอุปกรณ์ยากมาก ต้องสร้างแรงดันถึง 3000 psi (200 Bar) แต่แรงดันในการขนส่งหรือรถเทลเลอร์ 3600 psi(250 bar) ด้วยความยากทำให้ต้องนำเข้าอุปกรณ์อัดแก๊สจากต่างประเทศ ยี่ห้อ intermex จากนิวซีแลนด์ จน PTT ขยาย NGV อย่างต่อเนื่อง เราสามารถ share ตลาดราว 20-30% ซึ่ง 8 ปีที่แล้ว ตัดสินใจเป็นผู้ผลิต compressor เอง และขยายไปถึงการผลิตอุปกรณ์ทุกชิ้นในการอัดแก๊ส เป็นเจ้าเดียวในไทยและอาเซียนที่ทำได้
• ประเทศจีนก็มีการทำ แต่เราทำในประเทศเราก็ถูกกว่า คู่แข่งจะมีก็เป็นของที่นำเข้าจากเกาหลี แต่เราใช้เทคโนโลยีจากสวีเดน เปรียบเทียบเหมือนกับเราสามารถผลิตรถวอลโว่ได้เองในไทย เทียบกับ รถแดวู ที่นำเข้ามามีราคาแพงกว่าวอลโว่
• ท่อล่องหน
o การสร้างสถานี NGV เราได้ share ตลาดมากกว่า 50% และได้ทำสถานีแม่ เพื่ออัดแก๊สและขนส่งไปสถานีลูก
o ตั้งแต่ตอนที่เอาบริษัทเข้าตลาด ก็มีโครงการ copy วิธีลำเลียงแก๊ส NGV เหมือนรถยนต์ แต่ไปจ่ายให้อุตสาหกรรมที่อยู่นอกแนวท่อ ซึ่งวิธีการคือปรับแรงดันจากสถานีแม่ถ่ายเข้ารถและนำไปส่งที่โรงงาน
o นวัตกรรมเครื่องปรับลดแรงดัน ใช้เวลาพัฒนา 5 ปีได้จดสิทธิบัตรในประเทศไทย มีอายุ 15 ปี
o สถานการณ์ตอนนี้ ราคา NG ถูกกว่า LPG มาก เพราะราคาน้ำมันลงมาก แต่ LPG ขึ้นเล็กน้อย
o ข้อดี NG คือถูกกว่า น้ำมันเตา Boiler เดิมถ้าใช้ LPG ก็เปลี่ยนมาใช้ NG ได้ ไม่ต้องเปลี่ยน boiler ทั้งตัว ทำให้ตัดสินใจง่ายในการลงทุน
o สัญญาขายให้โรงงานมีหลายแบบ ขายอิงราคาน้ำมันเตา หรือ % ที่ต่ำกว่า LPG โรงงานสามารถเลือก option ในการลงทุนได้ บางที่อาจจะคืนทุนตั้งแต่วันแรก เครื่องปรับแรงดัน เราสร้างเองได้จดสิทธิบัตร มีอายุ 15 ปี
o ลูกค้าที่เซ็นสัญญาแล้ว มี สิงห์(4 ล้านBTU/วัน) กับคิมเบอรี่คลาก และมีลูกค้าใหม่มี 5 รายที่ยังไม่ประกาศ
o สถานีแม่ i cng เริ่มเปิดเดือนที่แล้ว ใช้กำลังการผลิต 30% คาดว่าก่อนไตรมาส 3 น่าจะใช้เต็มกำลังการผลิต
o ถ้า 2 สถานีเต็มกำลังการผลิต คาดว่าสร้างรายได้ 2,000 ล้าน ตั้งเป้า gross profit ไว้ 30%
o มีแผนสร้างสถานีแม่อีกแห่งที่สระบุรี ในอนาคตมีแผนทำ i cng ให้ครอบคลุมทั่วประเทศเท่าที่ทำได้ อาจจะได้อีก 3-4 สาขา
o Entry barrier ของบริษัทค่อนข้างสูง นอกจาก PRS(Pressure Reducing System) มีจดสิทธิบัตร และยังมีประสบการณ์ และ cost ในการผลิตอุปกรณ์ที่ต่ำกว่า ถ้าคนอื่นจะเข้ามาแข่งขันก็ได้อยู่แล้ว แต่ต้องผ่านเงื่อนไขให้ได้
o อนาคตคาดว่าจะมีการสรุปเรื่องวิธีการใช้ท่อแก๊สร่วมกัน ในเดือน ส.ค. ให้third party สามารถนำแก๊สเข้ามาส่งผ่านท่อได้ ต่อไปคาดว่าทุกคนจะใช้ร่วมกันได้คล้ายกับ transmission line ของการไฟฟ้า
• รายได้ปี 58 โตกว่าที่คาดไว้เยอะ กำไรสุทธิ 401 ล้านบาท มาจากกำไรพิเศษขายโรงไฟฟ้า Solar 150 ล้านบาท แต่ตัดออกแล้วก็ยังเติบโต 168% เกิดจากการขยายตัว NGV ทั้งการใข้งาน และจากการขยายของ PTT
• ราคา NGV ขึ้นมาจาก 8.5->10.5 -> 13 บาท ซึ่งตาม Roadmap คือไปถึง 16 บาท ซึ่งถ้าปตท.ทำแล้วไม่ขาดทุนคงขยายสาขามากขึ้น
• I cng มี 57 ยังไม่มีรายได้ ปี 58 คงมีรายได้น้อยมาก คิดว่า contract ที่ปทุมธานีและสระบุรีถ้าเต็มกำลังการผลิตจะได้รายได้ 2,000 ล้านบาท ในปี 60 การขยายสสาขาเพิ่มอยู่ระหว่างศึกษา
• การขยายตัวในแนวราบ อาจเป็นการ M&A หรือซื้อหุ้นของสถานี ที่เราน่าจะบริหารได้ดีกว่า เงินสดยังมีเหลือพอ เกณฑ์พิจารณาคือ irr ไม่ต่ำกว่า 12%
• จับมือแพรกซ์แอร์ ซึ่งขายแก๊ส co2 ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและอเมริกา เพื่อมาปรับปรุงคุณภาพแก๊ส ซึ่งค่าความร้อนแก๊สในไทยกับพม่าจะไม่ตรงกัน เดิมสถานีรับแก๊สจากพม่าอยู่แล้วต้องมีการปรับปรุงคุณภาพ มีต่อท่อแล้วเหลือรอ ปตท. คาดว่าอย่างช้าเดือน ต.ค.

TVD
• วันนี้มียาอม Golden throat มาแจก มีสมุนไพร 13 ชนิด กินแล้ว จมูกโล่ง ปากหอม คอทองคำ ปอดแข็งแรง เป็นลูกอมดังที่มีชื่อเสียงยาวนานในจีน ปีหนึ่งขายราว 50,000 ตัน
• บริษัทขายสินค้าผ่านสื่อต่างๆ มี key หลัก 3 อย่าง สินค้า ช่องทาง และลูกค้า เราจะเอา 3 อย่างมาคลุกเคล้าให้ตรงกัน
อย่างบาง segment ชอบเดินห้าง หรือเล่นไลน์ มีพฤติกรรมในการบริโภคสื่อไม่เหมือนกัน ต้องจับคู่ให้เหมาะสม
• ฐานข้อมูลลูกค้า 1 คนอาจจะซื้อตั้งแต่อาหารเสริม ซื้อผ้า ชัดชั้นใน ต้องจับคู่ให้เหมาะ
• ขายของผ่าน TV เป็นหลัก ในปีก่อน Joint venture กับ MoMo เป็นเจ้าของ home shopping ใหญ่สุดในไต้หวัน ซึ่งบริษัทนี้เป็นเจ้าของกิจการด้าน telecom และ finance
• ปี 57 มีความสับสนจากการเปลี่ยนผ่านช่องทีวี ในแต่ละกล่องก็มีหลายรุ่นหลายยี่ห้อ แต่ละ firmware ก็ไม่เหมือนกัน ทำให้กระบวนการทำ rating รวมถึงการทำ media เพี้ยนไป
• คู่แข่งจากต่างประเทศเข้ามาแข่งเพิ่มขึ้นบริษัทจึงต้องเตรียมการรับมือ อย่าง Samsung เข้ามาในนาม CJ ทำ JV กับ grammy, CS เข้ามาทำ home shopping, Shop channel จากญี่ปุ่นก็เข้ามาทำ home shopping เน้นขายเพชร, ฮุนไดทำ JV กับ ais, intuch หลายบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียน 500 กว่าล้าน หากคนที่เข้ามาตัดราคา ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมสินค้าของเราเอง สร้างยอดขายระดับหนึ่ง และสินค้าของ supplier
• ในปี 58 ธุรกิจ online น่าจะ kick off ตั้งใจที่จะให้คนอื่นทำก่อน แล้วเราเตรียมตัวในองค์กรมา 2-3 ปี ซึ่งปีนี้ทุกคนก็เข้ามาออนไลน์ ทั้งเซ็นทรัล เดอะมอลล์ การมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ จะช่วยเสริมกัน ทำให้ต้นทุนถูกกว่า และเสถียรมากกว่า บางบริษัทมีทีวีก็โฆษณาเพื่อให้คนเข้าไปออนไลน์
• ถ้าลองเปิดเข้าไปดู เวบ TV direct .tv จะ fit ทั้งกับ TV, Labtop, PC, smartphone
• มี 2 ประเทศในโลก ที่ใช้ Instagram กับ facebook ขายของ คือไทย และอินโดนีเซีย
• ราคา ของ TV direct เท่ากันทุกช่องทางแต่จะมีของที่ถูกเป็นพิเศษ พวก gadget, เสื้อผ้า, ชุดชั้นใน ซึ่งแต่ละช่องทางคนLabtop กับมือถือซื้อของก็ไม่เหมือนกัน ขายผ่านมือถือมีชื่อสินค้ามีรูปมีราคาคำบรรยาย 3 บรรทัดก็ขายได้แล้ว
o ราคา กับ เวลาตัดสินใจซื้อ ราคา 299 ใช้เวลาไม่ถึง 30 วิ 499 1 นาที 699 ใช้ 4-10 นาที 999 ใช้เวลา 20-40 นาที
o เราก็มีสร้างช่องทางต่างๆ ทั้ง Mobile app, Line เข้าไปโหลดได้
• ของเก่าก็ยังมีอยู่ direct marketing, tv, mail, call center และมีแยก retail ออกมา
• สีก็มีผลกับการตัดสินใจ ขึ้นกับ category เช่น อาหารสีเหลือง, gadget สีน้ำเงิน, สินค้าของผู้หญิง สีฟ้า พาสเทล, ของแพง ใช้สีขาว ของคลาสสิค ใช้สีฉูดฉาดไม่ค่อยได้
• ปีนี้จะเน้น BPO มากขึ้น Business process outsourcing รับงานคนอื่น เช่น ส่งของ เก็บเงิน ระบบ call center ซึ่งโดยรวมจะทำให้ต้นทุนเราลดลง
• ปี 57 โต 15.45% รายได้จาก 2000 ล้านบาทเป็น 2560 ล้านบาท highlight มีแจกหุ้นปันผล 100 กว่าล้านบาท (เงินสด 10 ล้านบาท) , มี write off ธุรกิจในเวียดนาม, มาเลเซีย ขาดทุน 10 ล้านบาท
• ปี 58 คาดโต 15% เป็น 2800 ล้านบาท น่าจะเริ่มเห็นสิ่งที่ลงทุนไป
o BPO มี call center มีบริษัทส่งของเก็บเงินสด
o Offshore trading สินค้า sme ญี่ปุ่นมาขาย จะมี road show 18-19 พ.ค. มี 80-90 บริษัทตอบเข้าร่วม ซึ่งน่าสนใจ สมัยนี้สินค้าญี่ปุ่นถูกลงมาก


ในช่วงที่ 2 ผมติดไม่ได้เข้าฟัง แตะมือ featuring กับคุณ amornkowa ไว้ครับ

ขอบพระคุณอ.ไพบูลย์,พิธีกร,วิทยากร, ทีมงาน money talk และผู้สนับสนุนทุกท่าน
- หมอเคเตรียมศึกษาบริษัทที่มาได้เยี่ยมเหมือนเคยครับ
- น้องเมย์พิธีกรพูดเก่งมากๆ ผมมาถึงงานทีแรกได้ยินเสียงจากนอกห้อง เข้าใจผิดว่างานรอบเช้ายังไม่เลิก ^^"
- ขอบคุณพี่นุชเจ้าแม่Money talk ที่ดูแลงานมาโดยตลอดครับ


Money talk at SET ครั้งต่อไป
เสาร์ 23 พ.ค. เปิดจองเสาร์ 16 พ.ค.
• ช่วงที่ 1 หุ้นเด่นโครงสร้างพื้นฐาน : 4 บริษัท ตลท.เชิญ
• ช่วงที่ 2 กลยุทธ์ลงทุน VI หลากหลายอาชีพ : ดร.นิเวศน์, หมอพงษ์ศักดิ์, คุณทิวา

งานพิเศษวันที่ 9 ส.ค. Money talk เช้า-บ่าย ต่อกัน
• เช้า สัมภาษณ์ ดร.ไพบูลย์,หมอพงษ์ศักดิ์ พิธีกร คุณพรชัย กับคุณวิบูลย์ ให้คนทำประโยชน์กับสังคม ฟรี เลี้ยง แจกหนังสือ เช่น ไปช่วยเด็กกำพร้า, บริจาคเงิน, บริจาคเลือด
• บ่าย จัด Money talk ตามปกติ
Go against and stay alive.
ภาพประจำตัวสมาชิก
vim
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2770
ผู้ติดตาม: 25

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ เขียนแบบนี้อ่านง่ายดีครับ
Vi IMrovised
ภาพประจำตัวสมาชิก
JobJakraphan
Verified User
โพสต์: 749
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2636
ผู้ติดตาม: 269

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 4

โพสต์

มาแตะมือน้องบิ๊ก ยาวหน่อยแต่ได้ใจความครบถ้วน แถมความบ้นเทิงอีกต่างหาก

สัมมนาหัวข้อ “เศรษฐกิจและหุ้นไทย จะรุ่งหรือร่วง?”

1. ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล
ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจ

2. คุณ มนตรี ศรไพศาล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MBKET

3. คุณ วรวรรณ ธาราภูมิ
นายกสมาคมบริษัทจัดการกองทุน

4. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน

ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
วันนี้ ดร กอบศักดิ์ ติดงาน ตอบคำถามในสภาในฐานะเป็น กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ
อจ เสน่ห์ จะมาพูดแทน ทำการบ้านเยอะมาก
เริ่มจาก พูดถึงนักเรียน มีหลายเกรด
นักเรียนเกรด เอ ตั้งใจเรียน เข้าเรียน หมอ วิศวะ
นักเรียนเกรด บี เข้าเรียน บริหาร จบมา บริหาร หมอ วิศวะ
นักเรียนเกรด ซี พอดีผ่าน จบมา กลายเป็นนักการเมือง คุม เกรด เอ และ บี
นักเรียนเกรด ดี นักเรียนหลังห้อง สุมหัว แกล้งเพื่อน และ ครู ผ่านแบบไม่น่าผ่าน เป็นพวกใต้ดิน มาขู่ นักเรียน เกรด เอ บี และ ซี
นักเรียนเกรด เอฟ สอบตก รีไทน์ ทำตัวเป็นผู้วิเศษ กลายเป็น โหร นักเรียนทุกกลุ่มมาหาเพื่อให้ทำนาย
อีกกลุ่มที่เกรดไม่แน่นอน แต่ทรงอิทธิพล ไม่มีใครกล้าตอแหย คือใคร
เฉลย คือ เมีย นั่นเอง มีตัวอย่างคือ ดร นิเวศน์ นั่นเอง
และ ให้ ดร ร้องตาม อจ เสน่ห์ดังนี้
รักเมียต้องอดทน ต้องเป็นคนเคารพเมีย
รักเมียต้องส่งเสีย อย่าให้เมียต้องสงสัย
รักเมียต้องยอมเมีย เพราะว่าเมียไม่ยอมใคร
รักเมียต้องทำใจ ไม่มีใครใหญ่กว่าเมีย
อจ ไพบูลย์ บอกว่า กว่า ให้เป็น เท่า ดร จะได้ ค่าแรงจาก 400 เป็น 500 บาท
อจ เสน่ห์ เริ่มพูดว่า ปี 40 และ ปี 58 อะไรหนักกว่ากัน
เราเป็นคนเริ่มทำวิกฤตต้มยำกุ้ง ก่อน ปี 1997 GDP double digit 13%
พอปี 1996 เหลือแค่ 5% ตอนพ่อใหญ่เป็น นายก ค่าเงินบาทลอยตัวเป็น 50 บาท
เป็นนายกที่ออกเร็วสุด ขับไล่ตอนเช้าที่สีลม ตอนบ่ายก้อลาออกเลย ตอนนั้น GDP ติดลบ 4% ส่วนปี 1997 ติดลบ 10.5% เทียบกับ ปี 57 โต 0.7%
เราต้องกู้จาก IMF รุ่นเดียวกับเกาหลีใต้
รถยนต์เคยขาย ปีละ 700,000 คันต่อปี เหลือ 170,000 คันต่อปี
ส่วนปี 2008 Hamberger crisis ธนาคารขนาดใหญ่ล้ม บ้านโดนยึด ที่ US
แต่ไทย หนี้สินน้อย เพราะเราเสียเครดิตตอนปี 1997
พอปี 2009 GDP ติดลบ 0.3% เกิดโครงการไทยเข้มแข็งขึ้น
ตอนนี้ หนี้สาธารณะ แค่ 0.4 เท่าของ GDP ส่วนหนี้ครัวเรือน 0.85 เท่าของ GDP
เราไม่ฟื้นฟูธนาคาร แต่มาฟื้นฟูสหกรณ์แทน
ไปดูฐาน GDP current price ขนาดใหญ่กว่าเมื่อก่อน
ตอนต้มยำกุ้ง 150 Billion US
ปี 2014 374 Billion US
US size ใหญ่มาก 17,000 Billion US เป็น อันดับ 1 ของ โลก โต 2.4% ไทยอันดับ26
AEC ประชากร 600 ล้านคน อินโดนีเซีย 250 ล้านคน มุสลิมใหญ่ที่สุดในโลก GDP 888 Billion US ค่าแรงต่อหัว =0.6 เท่าของไทย

GDP พม่า มีอัตราการเติบโต 7.7% ประชากร 51 ล้านคน GDP 63 Billion US ต่อหัว =0.15 เท่าของไทย
ลาว มีอัตราการเติบโต 7.4% ประชากร 6.4 ล้านคน GDP 15 Billion US ต่อหัว =0.2 เท่าของไทย
กัมพูชา มีอัตราการเติบโต 7.0% ประชากร 14 ล้านคน GDP 17 Billion US
ฟิลิปปินส์ มีอัตราการเติบโต 6.1% ประชากร 113 ล้านคน GDP 285 Billion US
ต่อหัว =0.5 เท่าของไทย
มาเลเซีย มีอัตราการเติบโต 6.0% ประชากร 30 ล้านคน GDP 327 Billion US
ต่อหัว =1.0 เท่าของไทย
เวียดนาม มีอัตราการเติบโต 6.0% ประชากร 90 ล้านคน GDP 186 Billion US
ต่อหัว =0.4 เท่าของไทย
อินโดนีเซีย มีอัตราการเติบโต 5.0% ประชากร 250 ล้านคน GDP 888 Billion USต่อหัว =0.6 เท่าของไทย
สิงคโปร์ มีอัตราการเติบโต 2.9% ประชากร 5.3 ล้านคน GDP 308 Billion US
ต่อหัว =10 เท่าของไทย
ไทย มีอัตราการเติบโต 0.7% ประชากร 67 ล้านคน GDP 374 Billion US
บรูไน มีอัตราการเติบโต -0.7% มาจากราคาน้ำมันลดลง ประชากร 0.4 ล้านคน GDP 12 Billion US
ถาม ดร นิเวศน์ สิ่งมีชีวิตอะไรราคาไม่แพง
ตอบ เมีย เพราะว่า เมียถูกเสมอ
ถาม คุณ มนตรี แนวโน้มเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างไร
ตอบ คุณมนตรี ให้กำลังใจทุกคน เชื่อมโยงกับปี 40 มีชุมนุมที่สีลมเหมือนกัน ปัญหาที่เกิดมาจากหนี้ นรกมีจริง มีการกู้เกินตัวในภาคเอกชน Broker ขาดทน บง ปิด 56 ที่
กอนปี 1997 หนี้สินต่อทุน 2.1 เท่า 10 ปีต่อมา 2007 หนี้สินต่อทุน 1.1 เท่า
เนื่องมาจากเราทำตามในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ปัญหารอบนี้ไม่ใช่ระดับกิจการแต่เป็นหนี้ครัวเรือน ถ้า เทียบปี 2007 กับ ปี 2014 US ลดลงจาก 99% เหลือ 76%
ส่วนไทย เพิ่มจาก 52% ไปที่ 85% ของ GDP เพิ่มขึ้น 33% ไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงสุดคิดเป็น % ของ GDP เมื่อเทียบกับ US, ENG, China ส่วน มาเลเซีย เพิ่มจาก 64% ไป 88% เพิ่มขึ้น 24%
ทุกคนต้องฟื้นตัว ปัญหาอยู่ที่ครัวเรือน ต้องใช้เวลาสักนิดนึง การจับจ่ายได้จำกัด วงจการเกษตรได้ขาดช่วงเรื่องเพราะได้ใบประทวนแต่ไม่ไดเงิน กว่าจะได้อีกหลายเดือน บริโภคอืด ค่อยๆฟื้น ส่งออกหลายคนเป็นห่วง เดือนกพ ส่งออกลดลง 15% เมื่อคิดจากเดือนที่สูงสุดใน 6 เดือนที่ผ่านมา แต่เทียบกับเพื่อนบ้านเช่นจีนลดลง 20%
มันเป็นปัญหาทั้งโลก ส่งออกรถยนต์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เรื่องราคา commodity เราเจอ 2ตัว คือ ข้าวและยาง แต่มาเลเซียเจอ4ตัว คือ น้ำมัน น้ำมันปาร์ม ยางพารา และเครื่องบินตก 555 ทำให้ค่าเงินมาเลเซียตกจาก 1ริงกิต 10 บาท เป็น 9 บาท
ราคาน้ำตาลตกจาก16 cents เป็น 12 cents มาจากค่าเงินบราซิลตกลงมาก
การท่องเที่ยวกลับมาค่อนข้างแรง การฟื้นตัวจะไม่เห็นหวือหวา เพราะสภาพวิกฤตยังมีอยู่ เนื่องมาจากหนี้สินครัวเรือน
ราคาการบริโภคค่อยๆฟื้น ส่งออกน่าจะดีขึ้น น่าประเมินได้ว่า ความเสื่ยงขึ้นดอกเบี้ยจะน้อยลง น่าจะเลื่อนจากกลางปีนี้แน่นอน สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นไม่ค่อยมี
ค่าเงินUS แข็ง ถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินยิ่งแข็งขึ้น เลยไม่มีเหตุผลที่เฟดรีบขึ้นดอกเบี้ย จีนต้องผ่อนคลายมากขึ้น ถ้าโลกดีขึ้น การส่งออกจะกลับมา
การใช้จ่ายภาครัฐ รัฐบาลใส่ใจเต็มที่สามารถทำได้ ปีที่แล้วฐานต่ำแทบทั้งปี ชลอหลายเรื่อง ขอให้รัฐบาลใส่ใจมากขึ้น (ผมเสริม ว่าตอนนี้เบิกจ่ายไปแล้วกว่า 50%ในช่วงครึ่งปีงบประมาณ อาจเป็นสัญญาณที่ดีขึ้นว่ารัฐบาลเร่งแล้วเมื่อเทียบกับธคแค่20%กว่าเท่านั้น)
ถ้าสัญญาณปกติ น่าจะไม่มีอะไร ถึงแม้จะดีก็ไปไม่ไกล แม้จะร้ายก็ลงไม่ลึก
คุณตู่ วรวรรณ กล่าวเสริมว่า สรุปตรงกับพี่เปี๊ยก ถูกกระตุ้นด้วยปัจจัย 4 ตัว
HiLow คือ Hi 2 ตัว คือ การว่างงานสูง และ หนี้เยอะ
Low 2 ตัว คือ เงินเฟ้อต่ำ และ เศรษฐกิจโลกเติบโตต่ำ
ทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลง ไม่สม่ำเสมอ US พยายามให้โตประมาณ 3%
ส่วน ประเทศที่ Advance economy อังกฤษ 2% EU 1.5% Japan 1% ส่วนใหญ่ฟื้นตัวจากการทำ QE
ประเทศที่กำลังพัฒนาได้รับปัจจัยจากHI Low เต็มๆ อัตราการขยายตัวจากเศรษฐกิจ มาจาก Advance economy เช่น รัสเซีย -3.0% บราซิล -1% ส่วนจีน 6.8%
ประเทศขนาดใหญ่รวมกันเท่ากับ 70%ของโลก ทำให้ความเจริญเติบโตไม่มาก ปัจจัยที่ผลักดัน ได้แก่ 1. ราคาน้ำมันลดลง ประเทศที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ เช่น ไทย ญี่ปุ่น กระตุ้นเศรษฐกิจได้ ไม่อยากให้เร่งโตมากเกินไป โครงการ infrastructure รถไฟฟ้า ต้องใช้เวลาประมูล หยุดพักซะบ้าง เราอาศัยผลงานของคนรุ่นก่อน เช่น นิคมอุตสาหกรรมตะวันออก เราใช้หมดแล้ว ถ้าอยากโตอีกต้องสร้างเพิ่ม การท่องเที่ยวดีมาจากกินบุญเก่า นอกจากขยะ อย่าไปว่าคนอื่นทำ เราก็ทิ้งเหมือนกัน
สรุป Export น่ากังวล เราพึ่งพาexportซึ่งคิดเป็น70%ของ GDP
จริงๆแล้วExportมาจาก import สูง ดังนั้นส่งออกต่ำ GDP ไม่ลดไปมาก สิงคโปร์Export200%ของGDP เพราะทำtrading ซื้อเข้าเยอะและขายออกไปเยอะ
Netกันแล้ว แค่ 30% การบริโภคใหญ่ที่สุด
EU ตัดสิทธิGSP เพราะว่าไทยรายได้ต่อหัวเพิ่ม USA มาดูเรื่องการค้าทาส สิทธิมนุษย์ชน กระทบกับอาหารทะเล
ตำแหน่งเราอยู่ในจุดที่สำคัญ ประเทศไทยมีข้าวเยอะ อาหารอุดมสมบูรณ์ การเดินทางติดต่อกันใช้ได้ มีฐานทัพเรือที่สัตหีบ สามารถส่งเครื่องบินขึ้นได้
ขั้วอำนาจเริ่มเปลี่ยน จีนกำลังทำให้เงินหยวนเป็นเงินหลัก จีนถือทองเป็นอันดับ1แล้ว เงินหยวนต้องจับตามอง
ตอนนี้ก็เปิดโอกาสให้ดร นิเวศน์พูดบ้าง เห็น ดร จดตัวเลข นึกว่าใบ้หวย อันนี้อจ ไพบูลย์แซว ว่า อจ เสน่ห์ เอาข้อมูลเศรษฐกิจจาก websit กิมเอ็ง ส่วนดร ก็ลอกจากอจ เสน่ห์อีกที
อจ เสน่ห์แซว ว่า สงสัยต้องท้าวความจากอดีตแน่เลย
ดร นิเวศน์ เริ่มพูดว่า จริงๆเราต้องราก ตอนนี้พูดถึง anti, ประมง น้ำท่วม เป็นเรื่องเล็ก จริงๆ เศรษฐกิจแต่ละประเทศเดินด้วยคนของประเทศ เราต้องรู้ก่อนทำไมไทย ย้อนหลังไป 40-50 ปี อจ ไพบูลย์แซวว่า ตกลง 40 หรือ 50 ปีกันแน่ ดร พูดต่อ ไทยเจริญเร็วมากปีละ 7% บางปี 10 กว่า% ตอนยังหนุ่ม ทุกปีต้องโตอย่างต่ำ5%ถ้าปีไหนโตต่ำกว่า5% ปีน้นrecession ตอนเกิดเหตุการณ์ 14 ตค แต่เศรษฐกิจไม่ได้ตกลง
ทำไมเศรษฐกิจเวียดนาม เจอบีบหน้าเขียว ประชาชนบ่นไม่ดี แต่โต6% ฟองสบู่อสังหาแตก ดอกเบี้ย 10% เงินเฟ้อ 10 กว่า% ซึ่งเหมือนไทยเมื่อ20 ปีที่แล้ว ระดับการพัฒนา เครื่องใช้ไฟฟ้า ใกล้กับไทย แต่ทำไมเวียดนามคล้ายไทย แต่ไทยไม่คล้ายใคร
หลังวิกฤต1997 ไม่เคยโตเกิน7% เกิด แฮมเบอร์เกอร์ crisis ปี 2008-9 เศรษฐกิจเริ่มชิบ โตธรรมชาติ 5% เฉลี่ยโต 3% เพราะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทย สมัยก่อน Babyboom มีลูกเยอะ 5-7 คน ทำงานหนัก อดออม ไม่ใช้จ่าย เก็บสะสมเพื่อลงทุน ช่วงนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของโลก Japanถูกบีบให้เพิ่มค่าเงินเยนจาก USA
Japan เจอไทยกับมาเลเซีย ที่ลงทุนได้ ประเทศปลอดโปร่ง ดังนั้นเราโตเพราะการลงทุนจากJapan คนมีเงินแต่ไม่ใช้ มีลูกน้อย พอปี 1997 หลังวิกฤต ส่งออกดีมาตลอดข้าวส่งออกมากสุดของไทย ถัดมาเป็น ยางพารา ดีบุก Japan ส่งเครื่องจักร และ เทคโนโลยีเข้ามาไทย ส่งออกก็โตเร็วขึ้น ตอนนี้ไทยค่าแรงแพง เมื่อเทียบกับ เวียดนามและอินโดนีเซีย เราเริ่มเปลี่ยนแปลงไป คนไทยโตด้วยการบริโภค เมื่อลดการบริโภค ส่งไม่ค่อยออก เพราะต่างประเทศเติบโตน้อย เราไม่พัฒนาเหมือนเกาหลี ขายแข่งกับประเทศที่เจริญ ต้องยอมรับว่าเติบโตช้าลง คนเกิดใหม่น้อยมาก แนวโน้มเศรษฐกิจเหนื่อย และ ลำบาก ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สร้างไทยเป็น Destination ของ โลกขายสินค้าไทย ตอนนี้เศรษฐกิจไทยเหงาไปนานๆ เป็นอันตราย
หุ้นเป็นอย่างไร เป็นอีก storyนึง ตั้งแต่เปิดตลาดหลักทรัพย์มา ดัชนีหุ้นขึ้นจาก 100 จุด ไปที่ 1700 ใช้เวลา 20 ปี โต 17 เท่า เพราะเศรษฐกิจไทยโต 7% ปี 253x เปิดตลาดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน วิ่งจาก 400 ไปที่ 1700 บริษัทโตเร็วมาก กู้เงินอัดมาลงทุน
การเพิ่มสินเชื่อง่ายมาก บริษัทมีทุนนิดเดียว ดอกเบี้ยต่ำ เพราะอิงกับ$ เมื่อเศรษฐกิจแย่หุ้นเลยลง หุ้นโตรอบนี้ คนไทยมาเล่นหุ้นมากขึ้น หุ้นเปลี่ยนจากกลุ่ม Finance , Bank,Energy มาเป็น หุ้นบริโภค ค้าปลีก และ Telecom ถ้ากลุ่มนี้ รวมถึง ส่งออก โตต่อไปหรือเปล่า ถ้าโตเยอะก็จะดีขึ้น
แต่ถ้าความจริงปรากฎ หุ้นไม่ดี ก็ขายหุ้น ถ้าทุกคนคิดแบบนั้น ตัวใครตัวมัน
คุณ ตู่ เสริมว่า คนแก่บริโภคน้อย อย่าพึ่งหมดหวัง บริษัทจดทะเบียนไทยไม่ได้ขายแค่คนไทยแต่ยังส่งออกไปต่างประเทศ อยู่ที่เราเลือกบริษัท
ค่าเฉลี่ยเงินเก็บที่อยู่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แค่ 200,000 บาทต่อคน ถ้าอยู่ถึงเกษียณอาจได้ 1 ล้านบาท เบี้ยยังชีพคนชรา อีก 600 บาท ต่อเดือน ซึ่งคุณต่จะได้รับปีนี้ ส่วนดร บอกยังไม่ได้ไปลงทะเบียน ย้อนหลังได้ไหม ตอบ ดร ว่า ไม่ได้ครับ 555
กลับมาที่คุณตู่ บอกว่า ประเทศไทยจะแย่ เพราะเงินแค่นี้ไม่สามารถใช้จ่ายเพียงพอหลังเกษียณ ส่วน กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช) นั้นจะไม่ให้กับคนที่ไม่มีxxxxxx
ข้าราชการเกษียณ ได้เดือนละ 9,000 บาท แต่เอกชนเกษียณ ได้ 3,xxx บาท บวก 600 บาท ต่อเดือน จะไปพอใช้ได้อย่างไร
ถ้าไม่เก็บออม จะอยู่ไม่ได้ อย่าเลิกกองทุน LTF เลย
คุณมนตรี กล่าวถึง ตลาดหุ้นผันผวน อจ ไพบูลย์แซวว่า อจ เสน่ห์ก็พูดได้
กลับมาที่คุณมนตรี ช่วงใกล้ 1600 มีลูกโป่งไหม ตลาดไม่มี อจ ไพบูลย์แซวว่า ไม่น่าใช้กับลูกโป่ง ควรเป็น กองไฟ ใช้กับ แมงเม่าได้ดี
กลับมาที่คุณมนตรี พูดต่อว่า แต่จะมีในหุ้นบางตัว ยอดขาย 70 ลบ แต่ Market cap 10,000 ลบ PE ตลาด 19-20 เท่า ถ้าดูกำไรปีนี้ PE จะอยู่ที่ 14 เท่าต้นๆ
ตลาดหุ้น MAI วิ่งค่อนข้างเร็วขึ้น 100% จาก 350 จุด ไปที่ 700 จุด ขณะที่ SET ขึ้นเพียง 20% PE เคยสูงสุดเมื่อ ตค 57 =78 เท่า ปีนี้ดูเดือนมีค 798 จุด ตอน กพ PE 90 กว่าเท่า ก่อนลงแรงในมีค SET ลง 5% MAI ลง 15%
PE มีค 72 เท่า ตอนนี้กลับมาที่ 75 เท่าแล้ว
เวลาลงหุ้น PE สูง ทบทวนว่าเอาจริงเหรอ บางตัวหาค่าไม่ได้
กลต เลยออกมาตราการ เช่น Cash balance , Trading alert ช่วยไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
หุ้นทุกหุ้นจะกลับมาที่ปัจจัยมาตราฐานเสมอ
ปีนี้เรามีเป้า ดัชนีที่ 1,650 จุด เวลามอง จะแย้งกับคุณตู่ ซึ่งใกล้รับเบี้ยคนชรา ยืนยันเรียกผมพี่ว่าผิด ส่วนดร นิเวศน์เรื่องการส่งออกขอแย้ง
Bubble วงการหุ้น ส่งผลเสีย มาจากการปล่อยกู้
Cyclical วัฐจักร มีขึ้น และ มีลง เช่น สินค้า commodity
Stagical โครงสร้างเราสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้หรือไม่
บริษัทส่งออกปรับตัวเก่ง ไม่ว่าค่าเงินจะเป็นเท่าไหร่ก็อยู่ได้
อุตสาหกรรมมยานยนต์น่าสนใจ แข่งขันได้ ไม่สามารถย้ายไปเดี่ยวๆยังประเทศอื่น
ต้องไปทั้ง supply chain เมื่องไทยมีพัฒนาการหลายสิบปี ไม่สูญหายไปเลย
อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิคส์ ก็น่าสนใจ
หนังสือเล่มแรกที่เขียนเมื่อปี40 ร่วมกันคิดเศรษฐกิจไทย ซึ่งผมได้รับมาช่วงนั้นพร้อมลายเซ็นต์คุณมนตรี
พูดว่า เศรษฐกิจฟื้นอยู่ที่คนไทยทั้ง 67 ล้านคน
หนังสือ CFA วิเคราะห์การเติบโตของประเทศเกิดจากการผลิตต่อคนต่อปี
ขึ้นกับ % คนทำงาน จำนวนชั่วโมทำงานต่อวัน และ ค่าแรงต่อวัน
เกษตรกรไทยทำงานหนักเป็นช่วงๆ ถ้าทำเกษตรน้อยลง เพิ่ม productivityทำให้รายได้สูง อัตราว่างงานแค่ 0.8% เอง
พูดถึง พม่ามาเผากรุงศรีเรา ตอนนี้พม่าต้องชดใช้ด้วยการสร้างตึกในสมัยรัตนโกสินทร์ เสริฟอาหาร รับจ้างรีดผ้า
สมัยก่อน พูดถึงธรรมาภิบาล สร้างผลผลิตเพิ่ม ต่อมาเป็นอุตสาหกรรมมากขึ้น พึ่งพาเกษตรน้อยลง ทำให้เราฟื้นตัวได้
ดัชนี 2 ปีก่อน SET 1,650 จุด ลุ้นพีทเก่า ขณะที่ USA ดัชนี 14,000
ตอนนี้ SET 1,5xx จุด ขณะที่ USA ดัชนี 18,000
น่าจะไปได้อีก
ปิดท้ายสัมมนาด้วยบทกลอนเกี่ยวกับเงินของอจ เสน่ห์ ครับ
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2636
ผู้ติดตาม: 269

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ส่วนรายการmoney talk เดือนหน้าจัดชนกับ งานสัมมนาของ คุณ เวป ที่ คณะเภสัชจุฬา เลยแจ้งคุณตรีนุชไปว่าเลื่อนได้หรือไม่ เพราะคนไปงานคุณเวปเยอะเหมือนกัน รวมผมด้วยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณ ทั้ง 2 ท่าน คับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mr.CHANOPPS
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 95
ผู้ติดตาม: 5

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ของคุณค้าบบบ
นักลงทุนที่ดี คือ นักลงทุนที่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง
ลูกหิน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 1

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณมากๆนะครับ
salty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 78
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 9

โพสต์

Money talk at SET น่าจะมีถ่ายทอดทางอินเตอร์เนต ให้คนต่างจังหวัด
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1736
ผู้ติดตาม: 38

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณมากเลยค่ะ
"น้องบิ๊ก" และ "พี่อมร" ...เยี่ยมทั้งคู่เลยค่ะ ^__^
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1736
ผู้ติดตาม: 38

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 11

โพสต์

salty เขียน:Money talk at SET น่าจะมีถ่ายทอดทางอินเตอร์เนต ให้คนต่างจังหวัด
ท่านที่อยู่ต่างจังหวัด..รอชม clip ก็ได้ค่ะ...หลังวันสัมมนาประมาณ 1 เดือน
จะเผยแพร่ทาง fb money talk พร้อมๆ กับเผยแพร่บน youtube ค่ะ ^__^
เด็กใหม่ไฟแรง
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1575
ผู้ติดตาม: 15

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ถ่ายทอดสดผ่านอินเตอร์เนท
น่าสนใจมากครับ
ขอทีมงานทำการบ้านดูว่าเป็นไปได้แค่ไหนก่อนนะครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
Praewpcrm
Verified User
โพสต์: 14
ผู้ติดตาม: 0

Re: MoneyTalk@SET25Apr2015หุ้นเด่นต้องจับตา&เศรษฐกิจไทย

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ขอบคุณมากๆค่า เป็นประโยชน์มากกกกก :P :P
หากอยากบรรลุตามความฝัน จงอย่าหยุดที่จะฝัน
โพสต์โพสต์