เมื่อตลาดเป็นขาลง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
ภาพประจำตัวสมาชิก
moo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 2

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เรียนถามพี่ๆทุกท่านครับ

โดยส่วนตัวแล้ว ผมเริ่มเข้ามาลงทุน เมื่อปลายปี 2545 ที่ดัชนี357.22 จุด และตั้งใจเป็นการลงทุนระยะยาว ในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา จึงได้รับทั้ง เงินปันผลและส่วนต่างของราคา่ และ ขายออกเพื่อทำกำไรประมาณ 2-3 ครั้งเท่านั้น มาถึง ณ วันนี้ มูลค่าพอร์ตเป็นบวกประมาณ 27%

เพราะว่าเป็นช่วงตลาดขาขึ้น(กระทิง) จึงยังมีกำไรอยู่ อยากทราบว่า ถ้าหากเป็นช่วงขาลง (หมี) มียุทธวิธีตั้งรับอย่างไรครับ ใคร่ขอคำแนะนำ โดยเฉพาะพี่ๆหลายท่านที่นี่ ได้ผ่าน 1600-1700 จุดมา มีวิธีรับมือหรือแนวทางอย่างไรครับ

ผมเข้าใจว่าเราควรศึกษาทั้งสองขานะครับ

รบกวนพี่ๆทุกท่านด้วยครับ ขอขอบพระคุณอย่างสูง
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 32

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ส่วนตัวพี่แล้ว

ขาขึ้น ดัชนีจะวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ PE ก็จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นในช่วง ดัชนี 1700 PE ตลาด อยู่ที่ 30 ซึ่งมีหุ้นบางตัว PE มากว่า 30 บางตัวน้อยกว่า 30

ถ้า moo เป็นห่วงว่าหุ้นจะปรับทิศเป็นขาลง พี่ว่าไม่คิดเช่นนั้นเพราะรู้สึกว่า PE เฉลี่ยของตลาดตอนนี้ก็อยู่ที่ประมาณ 9 เอง

แต่เมื่อขึ้นมามาก ก็อาจจะมีการปรับฐาน ซึ่งเป็นการปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ ช่วงปรับฐาน บวกกับข่าวร้าย เป็น ช่วงที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อหุ้นที่เรามองไว้ แต่ไม่ได้ซื้อเพราะราคาขึ้นไปมาก

ถ้าเราคิดว่าตลาดจะเปลี่ยนทิศเป็นตลาดหมีแล้วเราเสียว เราอาจจะตัดสินใจปรับพอร์ท ขายออกหมด เพื่อรอว่าราคาลดลงมาแล้วค่อยเข้าซื้อ

ถ้าเราคิดผิดล่ะครับ เราอาจจะต้องมองเห็นดัชนีวิ่งสูงขึ้นไปอีก สูงขึ้นไปอีก สูงขึ้นไปอีก ถึงเวลานั้นยิ่งไม่กล้าเข้าไปซื้อ เพราะกลัวติดดอย

เพื่อเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าว พี่ใช้สูตรพี่ครรชิต ซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดี

ดัชนีจะขึ้น จะลง จะขึ้นอีก จะลงอีก ยังไม่ต้องกลัว

การปรับเข้าสู่ตลาดหมีจริงๆ ต้องมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนมากกว่าข่าวร้ายในปัจจุบัน ข่าวในปัจจุบันตีความยากมาก ว่าเป็นข่าวร้ายเพื่อจะปรับฐานเพื่อเก็บของหรือเปล่า

ถ้าเรามั่นใจในพื้นฐานของหุ้นที่เราถือแล้วละก็ เราก็หลับสบาย

พี่กำลังจะไปนอรเว พี่ก็ไม่ได้เตรียมคอมไปดู เพราะไม่มีโน๊ตบุ๊ค แต่พี่มั่นใจในหุ้นที่พี่ถือ ถึงราคาจะลงก็ไม่ได้แปลว่ากิจการจะเจ๊งในทันที

:D
อยากรู้
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมก็อยากทราบเหมือนกันว่า จากช่วงดัชนี 1700 แล้วตกลงมาในช่วงฟองสบู่แตกมีหุ้นตัวไหนที่ราคาไม่ตกเลยหรือตกไม่มากแบบปรับฐานธรรมดานะครับ แบบว่าทนแดดทนฝนยาวนานอะไรอย่างนั้น มีบ้างไหมครับ อยากให้ท่านผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์ช่วงนั้นมา รบกวนช่วยเล่าประสบการณ์บ้างนะครับ... คุณปรัชญา... คุณครรชิต .... ลุงขวด ... (ผมเดาเอานะครับว่า ตัวอย่างเช่น ayud หรือ fe P-fcb ไม่ทราบถูฏหรือเปล่า เพราะหลังฟองสบู่แตกเห็นราคายังสูงอยู่เลย) [quote][/quote]
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา1
Verified User
โพสต์: 1092
ผู้ติดตาม: 4

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 4

โพสต์

:P ตลาดขาลง แฮ่ะๆขาดทุนทุกคนครับ เพียงแต่น้อยหรือมาก
ถ้าเราถือหุ้นปันผลเป็นหลัก ถ้าตลาดลงติดต่อกันหลายปี
ก็จะมีเงินปันผล มาเสริมสภาพคล่อง พอหมุนไปหาหุ้นตัวใหม่
ถ้าตลาดขาลง ติดหุ้นไม่ดี ไม่กล้าคัต ก็หมดสภาพครับ
ผมรอดรอบ3มานี่ก็เพราะถือหุ้นปันผลไว้บ้าง
ก็อยากให้ทุกคนมีหุ้นดีดี มีปันผลทุกปีติดพอท์ตไว้บ้าง
ยามลำบาก จะได้มีดอกผลเก็บมาเป็นเงินคืนทุน

ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าหุ้นจะขึ้นถึงดัชนี ที่กี่.........จุด
ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าหุ้นจะลงถึงดัชนี ที่กี่.........จุด

ส่วนมากก็อาศัยกราฟ กราคาดเดา คาดการ
ผิดบ้างถูกบ้างก็มั่วๆกันไป ปลอบใจตัวเองบ้าง
ปลอบใจพรรคพวกเพื่อนฝูงบ้าง

อย่างเมื่อเย็นวันศุกร์ ก็เห็นเขายืมเงินกันร้อยละ1%
จำนวนเงิน1ล้านบาท ตกลงกัน15วันขายตามสัญญากัน
ขาดทุนก็จ่ายดอก
กำไรก็รับเงินส่วนต่างไป
เอ้อ..ลืมบอกไปเขาเล่นหุ้นขาเป๋ครับ
(เก็บมาเล่าให้ฟังกัน อย่าไปเล่นตามเขานะครับ ดูหนังเฉยๆก็ได้ครับ)

จะดูตอนจบว่าจะเป็นอย่างไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 27

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ผมไม่เชื่อว่ามีใครบอกได้ว่าดัชนีจะเป็นเท่าไร แต่ที่แน่ๆถ้าบริษัทมีสูขภาพดีมีกำไรดีต่อเนื่อง ผมก็เชื่อว่าบริษัทก็จะมีกำไรดตขึ้นตลอดครับ หากลงตามอารมณ์ตลาดก็สวยเลย จริงไม่พี่ปรัชญา พี่เจ๋ง
thanwa
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1011
ผู้ติดตาม: 21

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เศรษฐกิจก็โตขึ้นแบบมีเหตุผล
ตลาดหุ้นไทยยังมีผลตอบแทนน่าจูงใจ
PE ยังต่ำกว่าประเทศอื่นๆ
ช่วงปีสองปีนี้ ดอกเบี้ยคงไปไหนได้ไม่ไกล
เงินไหลจากตลาดเงินสู่ตลาดทุนเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า
และอื่นๆ

อย่างพี่ปรัชญาว่านั่นแหละครับ ไม่มีใครทำนายได้
แต่ที่จะบอกได้ก็คือ ตลาดหุ้นไทยขึ้นเที่ยวนี้ไม่เหมือนกับเที่ยวก่อนๆ

ศึกษาไว้ในรอบคอบเป็นดี แต่อย่าให้เสียโอกาสครับ

ถึงคุณเจ๋ง
จะไปนอร์เว เลยหรือครับ
ไม่ทราบว่ากิจการไหนเป็น sponsor ครับ หรือว่า เป็น...
เห็นด้วยที่คุณเจ๋งไม่ต้องดูหุ้นที่คุณเจ๋งถือ
แต่อยากจะแนะนำ NOTEBOOK ICT
ตอนนี้เรียกว่า SUPER ถูกจริงๆ ครับ
:wink: :wink:
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 32

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ฮาวาย กับ ตาฮิติ มีสปอนเซอร์ครับ ตาฮิติไปเดือน 11 สปอนเซอร์เขาให้ตั้ง 500,000 นะครับ ไปแบบ VIP เลย ส่วนนอรเว จ่ายค่าตั๋วเองครับ ที่เหลือมีสปอนเซอร์ครับ

ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าซะแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
moo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 2

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบพระคุณพี่ๆทุกท่านที่ให้ความคิดเห็นดีๆครับ

หลายวันก่อนได้ไปที่เวปพันทิพย์ เจอเรโชต่างๆหลายอันครับ พอดีสดุดใจกับ คลายเครียดเรโช ที่แนะนำให้ขายหุ้นออกไป 50 % เมื่อราคาหุ้นขึ้นมา 100 % คือทำให้ต้นทุนเป็น=0 ครับ เพื่อลดความเสี่ยงกับการผันผวนของเศรษฐกิจและสภาวะการเมืองของโลก(ขออภัยท่านคลายเครียดด้วยนะครับ ผมไม่ได้สมัครสมาชิกกับเวปพันทิพย์ครับ)

เรียนถามพี่่ๆทุกท่านมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ

พี่เจ๋งครับ ขอให้สนุกแล้วเดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 32

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณครับน้อง moo ที่อวยพร

เรื่องคลายเครียดเรโช หรือเรื่องขายออกไปก่อน 50 % เพื่อทำให้ต้นทุนเหลือ 0 แล้วถือไว้อย่างสบายใจไม่เครียดนั้น

พี่มีความเห็นที่ขัดแย้งอย่างรุนแรงเลยทีเดียว

ว่าจะพูดเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว ยังไม่มีโอกาสพูด ขอพูดไว้วันนี้เลยว่า

ถ้าพี่ซื้อหุ้นบริษัท ABC ในราคาสมมุติ 100 แล้วขึ้นเป็น 200 แล้วพี่ต้องขายออกไปก่อน เพื่อเอาทุน 100 กลับมา แล้วถืออีก 100 แล้วไม่เครียดนั้น

พี่ว่าแสดงว่าตอนที่หุ้น ABC ราคาขึ้นไปเรากลัวว่ามันจะตกลงมา แต่เราก็ไม่แน่ใจว่ามันจะขึ้นต่อไปอีกหรือเปล่า

ถ้ามันตกก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีทุน 100 เตรียมซื้อเพิ่ม ถ้ามันขึ้นก็ไม่เป็นไร เพราะเรามี 100 ที่เหลือทำให้พอทำใจได้ว่าไม่ได้ขายหมู

ใช่หรือไม่ครับ

พี่ยังไม่ได้แสดงเหตุผลของพี่นะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
moo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 2

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 10

โพสต์

พี่เจ๋งครับ ผมก็เข้าใจอย่างที่พี่ว่าครับ ตามความคิดส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็นหุ้นลักษณะเก็งกำไรมากกว่าหุ้นที่เราถือลงทุน แต่เห็นท่านเจ้าของเรโชโพสหุ้นในพอร์ตหลายๆตัวก็เป็นหุ้นลงทุนนะครับ ก็เลยสงสัยครับ

อย่างไรก็ตาม ได้โปรดแสดงความคิดเห็นด้วยครับพี่
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 32

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ครับ ก็ขอแสดงความเห็นว่า

อย่าไปดูราคาให้มากเท่านั้นเองครับ

ขอให้ติดอยู่กับพื้นฐานในตัวหุ้นอย่างที่พี่ครรชิตว่าไว้

เพราะราคาที่ขึ้นไป อาจจะทำให้ใจเราเบี่ยงเบน จนกระทั่งเผลอฆ่าห่านทองคำเพื่อกินเนื้อห่าน

เราขายหุ้นออกไปครึ่งหนึ่ง เท่ากับเราฆ่าห่านทองคำของเราไปครึ่งหนึ่งทีเดียว

ถ้าเราคิดว่าหุ้นตัวนั้นดีจริง ถืออย่างพี่ครรชิตครับ หลายตัวของพี่ครรชิต ราคาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แกก็ถือยาวไปเลย

ประเด็นที่เน้นคืออย่าไปมองกำไร ขอให้มองที่กิจการเป็นหลักครับ

ยกตัวอย่างมีท่านหนึ่ง ไม่ขอเอ๋ยนาม ถือ Aprint ที่ราคา 35 ปัจจุบัน 118 ท่านยังถืออยู่เลย

ถ้าท่านใช้คลายเครียดเรโช อย่างที่ว่า ท่านต้องขายออกไปที่ราคา 70 ครึ่งพอร์ท ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ น่าเสียดายมากครับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 28

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ถ้าเป็นเรื่อง "คลายเครียดเรโช" ผมมีความคิดเห็นเล็กน้อยครับ

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "คลายเครียด" แปลว่าทำไปเพื่อไม่ให้
เครียดเท่านั้นเองครับ

ถ้าคุณถือหุ้นอยู่ตัวหนึ่งแล้วรู้สึกเครียดกับมัน เพราะกลัวมันจะ
ลง กลัวมันไม่ขึ้น ก็ทำคลายเครียดเรโชไป เพื่อลดความเครียด
ซะ

ส่วนหุ้นตัวไหนที่ถือแล้วสบายใจ (เช่นพี่ครรชิตถือ WACOAL
แล้วสบายใจ) จะถือไปถึงไหนก็ไม่ต้องทำ "คลายเครียดเรโช"
ครับ

เมื่อวันศุกร์ผมได้ลองวิชาเป็นครั้งแรก รู้สึกความเครียดหายเป็น
ปลิดทิ้งครับ เพราะหุ้นที่ซื้อค่อนข้างหวือหวา ลุ้นอยู่เกือบสาม
อาทิตย์กว่าราคาจะขึ้นมาเท่าตัวครับ พอทำ KK Ratio ไปรู้
สึกมีความสุขมาก แต่สำหรับหุ้นอภินิหารห่านทองคำ ผมยังไม่
ได้ทำครับ ถึงจะได้กำไรไปแล้ว 3 เท่าก็ตาม
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 32

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 13

โพสต์

แสดงว่า CK ยังแปลงกายไม่สำเร็จ อิอิ

เห็นด้วยกับ CK ครับ ถ้าไม่มั่นใจ ก็ขายออกไปก่อน แล้วไม่เครียด

แต่สำหรับพี่แล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นแสดงว่าพี่ไม่ได้ยึดหลักการที่พี่ตั้งใจจะยึด

คือพี่ไม่สนใจราคาครับ ถือหุ้นที่ดี พอราคาขึ้นไป พี่ไม่มีทางเครียดเลย ก็ซื้อหุ้นแล้วราคาขึ้นจะเครียดได้อย่างไร

ถือหุ้นที่ดี พอราคาลง พี่ยิ่งดีใจ เพราะจะได้ซื้อเพิ่ม

ซึ่งทำให้พี่ไม่ต้องมานั่งดูราคา ขึ้นก็ดี ลงก็ดี ดีไปหมด

และไม่ใช่ว่าพี่ต้องมานั่งหลอกตัวเอง หรือทำใจให้เป็นแบบนั้น ถ้าเข้าใจหลักการ ซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสมจริงๆ

ถ้าเราซื้อหุ้นเพราะราคามีโอกาสจะขึ้นไปมาก กิจการก็พอรับได้

เมื่อราคาขึ้นไปมากๆ เราก็จะมีโอกาสใช้คลายเครียดเรโช ครับ

ซึ่งสำหรับพี่ต้องไม่เป็นแบบนั้น

ยกตัวอย่างเช่น พี่ซื้ออิออน 101 แล้วขายไปที่ 157 ตอนขายไม่ได้เครียดอะไร อยากขายขายเลย เพราะมานั่งคิดดูแล้วอิออน สำหรับพี่นั้น คู่แข่งเยอะมาก เช่น

เช่นธุรกิจเช่าซ์อ
แข่งกับ จีอี สยาม เอแอนด์ซี เซทเทเลม ซิงเกอร์ ไมด้า

ธุรกิจบัตรเครดิต แข่งกับ
แข่งกับ ธนาคารพานิชย์ ทุกแห่ง และ จีอี อเมริกัน เอ็กเพรส

สินเชื่อส่วนบุคคล
แข่งกับ ธนาคารพานิชย์ ทุกแห่ง จีอี สยาม เอแอนด์ซี และซิตี้ แบงค์

พอนึกถึงคำพูด CK ว่าอีกหน่อยพอระดับรากหญ้าไม่มีเงินจ่าย ปัญหาจะย้อนกลับ พี่ก็ขายเลย ขายหมดเลย เอาเงินต้นบวกกำไร ไปซื้อตัวอื่น ที่เรามั่นใจในระยะยาว

ที่ติดเรื่องคลายเครียดเรโช คือ ถ้าเครียด ก็ขายให้หมดเลยครับ จะถืออีกครึ่งหนึ่ง ให้มีโอกาสเครียดต่อทำไม
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 28

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ผมไม่ได้เน้นแนวบัฟเฟ็ตต์ 100 เปอร์เซ็นต์ครับ ออกจะ
ไปในแนว Lynch นิดๆครับ คือกระจายหุ้นมากๆ ไปหลายๆ
ตัว ตอนนี้อยู่ในช่วงฝึกวิชาครับ ฝึกมันทั้ง 18 ศาสตราเลย
มีใครบอกว่าเล่นหุ้นวิธีนั้นวิธีนี้ได้กำไร (หรือขาดทุน) ก็
ลองมันหมดทุกแบบครับ

ที่ทำเช่นนี้เพื่อให้เข้าใจถึงจิตใจของ มร.มาร์เก็ตด้วยตัว
เอง ว่าที่เขาซื้อและขายแต่ละครั้งคิดอย่างไร ทำไมถึงกล้า
ซื้อหุ้นแพง ทำไมกล้า cut loss ทำไมกล้าซื้อหุ้นไม่มีพื้น
ฐานรองรับ

ผลที่เกิดขึ้นคือทำให้เราสามารถอ่านเกมล่าส่วนเกินทุนได้
ดีขึ้น (ไม่ได้ถึงขนาดเก่งหรืออ่านขาด แต่ดีกว่าก่อนครับ)
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 86

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ถ้าใช้หลักคลายเครียดเรโช ผมก็สบายแล้วซีครับ เพราะผมเริ่มลงทุน 6แสนบาท ตอนนี้ผมนำเงินมากกว่า 6 แสนบาทมาใช้จ่ายและซื้อบ้าน ดังนั้นผมก็ถือว่าเล่นหุ้นไม่มีขาดทุนแน่นอนตลอดชีวิตครับ ที่เหลือเป็นกำไรทั้งสิ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 27

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 16

โพสต์

หากลงทุนแล้วต้องเครียดจนต้องหาทางคลายเครียดผมว่าเราเริ่มผิดconceptแล้วล่ะครับ

Conceptที่ว่าคือ "ใช้เงินทำงาน" ทำงานในหุ้นดีๆที่คุณเลือกแล้วว่าจะอยู่กับมันไปตลอด แล้วคุณไปเครียดกับมันทำไม

เคยไหมที่หุ้นขึ้น100% แล้วคุณขายออกครึ่งหนึ่ง คุณจะเครียดมากกว่าเดิม เพราะมันขึ้นต่ออีกหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือหากมันลงต่อนี่คุณก็เครียดอีกเพราะน่าจะขายออกให้หมด เครียดทั้งนั้นแหละครับ

อย่างนี้หาทางบริหารความเครียดด้วยการศึกษาให้มากๆเข้าไว้ ดูให้ดีๆ แล้วตีโฮมรัน จะไม่เครียดครับ
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 28

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 17

โพสต์

การทำงานทุกอย่างมีความเครียดครับ ในความเห็นของผม

ความเครียดเป็นเรื่องดี ตราบใดที่เราเป็นคนควบคุมมัน ผม
เรียนรู้เรื่องนี้ตอนทำงานร่วมกับฝรั่งนักขายระบบคนหนึ่ง ซึ่ง
ก่อนหน้าที่ผมจะต้องทำ presentation ครั้งสำคัญกับลูกค้า
รายใหญ่ ผมบอกเขาไปว่าเครียด เขาบอกว่าดี ถ้าไม่เครียด
จะทำให้งานออกมาไม่ดี เพราะเวลาเครียดร่างกายเราจะเริ่ม
ผลิตโฮร์โมนเพื่อกระตุ้นให้สมองอยู่ในสภาพ alert ที่สุด
เพื่อนผมบอกว่าถ้า presentation ไหนที่เขาไม่เครียด เขา
มีปัญาหาแล้วครับ

แต่ถ้าเราควบคุมมันไม่ได้ มันจะคุมเราครับ และทำให้เรา
ไม่สามารถเปล่งประสิทธิภาพได้เต็มที่ กลายเป็นความกลัว
ไป

การลงทุนก็เป็นการทำงานอย่างหนึ่งครับ (สำหรับผม) โดย
มีเป้าหมายที่ชัดเจน มีการวางแผน และมีการ execute แผน
เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย ตราบใดที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย ผมคงจะ
เครียดต่อไปครับ เพราะ "แผนงานเป็นของมนุษย์ แต่คำตอบ
เป็นของพระเจ้า" เราอาจจะต้องปรับแผนบ้างตามสถานการณ์
ที่เปลี่ยนแปลงไปครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 27

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 18

โพสต์

เห็นพี่ท่านแล้วไม่น่าเป็นคนเครียดอะไรนี่นา ทำไมบอกว่าเครียด

หากเป็นอย่างพี่ท่านว่า "ไม่เครียดแล้วมีปัญหาแน่" ผมว่าผมมีปัญหามากเลยตอนนี้ เพราะผมไม่ค่อยเครียดเลย

ทุกครั้งที่ผมเครียด ผมจะพบกับปัญหาทุกครั้ง มันกลับกันอย่างไงชอบกล เอาเป็นว่าผมไม่ชอบทั้งปัญหาและความเครียดก็แล้วกัน
CK
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 9795
ผู้ติดตาม: 28

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ก็แล้วแต่คนมังครับ

ตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ถ้ามีเวลาทำเปเป้อร์ 2 เดือน ผมจะใช้
2 วันสุดท้าย เอาแบบเย็บเล่มเสร็จปุ๊บก็วิ่งไปส่งก่อนปิดรับ
สัก 2-3 นาทีเลย ตื่นเต้นดี

อาการเริ่มต้นของความเครียดครับที่ผมว่าดี บางคนอาจจะ
เรียกว่าความตื่นตัวก็ได้ครับ ตามทฤษฎี คนเราจะเกิดปฏิกิริยา
กับความกดดัน (หรือความเครียด) ในสามระดับคือ ตื่นตัว
(alert) กังวล (worry) และตระหนก (panic)

ระดับที่หนึ่งกำลังดีครับ

ถ้าใครเคยเลี้ยงเด็กมา จะพบว่าเมื่อเด็กเล็กๆเจอสภาพแวด
ล้อมใหม่เป็นครั้งแรกจะมีอาการในสามระดับตามเวลาที่ผ่านไป
เด็กที่ปรับตัวได้ดีคือไม่ได้ปล่อยไปจนถึงระดับ 3 ครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 32

เมื่อตลาดเป็นขาลง

โพสต์ที่ 20

โพสต์

>>> CK เรื่องเครียด

โค้ด: เลือกทั้งหมด

การทำงานทุกอย่างมีความเครียดครับ ในความเห็นของผม 
CK พี่แนะนำหนังสือดร.เดมมิ่งครับ ซึ่งเน้นที่การสร้างระบบ จนเกิดรางวัลเดมมิ่งไพร้ ซึ่ง TCB และโค๊ก ไทยแลนด์ ใช้อยู่

คอนเซ็บดีมากครับ ธุรกิจศูนย์รวมแม่บ้านของพี่ และเชนคลินิคหมอฟันของพี่ชายก็ใช้อยู่

สรุปได้ว่าเมื่อเราวางระบบได้ดี คนจะทำงานอย่างสบายและได้คุณภาพดี ไม่เครียด ไม่มีการประเมิณผลงานปลายปี ไม่มีการตั้งเป้าหมายเป็นตัวเลขเพื่อกดดัน

ยกตัวอย่างเช่น เดลคอมพิวเตอร์ เคยตั้งหน้าจอ ไว้ให้ทุกคนได้ดูว่าตอนนี้ผลิตได้กี่แสนเครื่องแล้ว สุดท้ายทุกคนแข่งกันทำให้เร็วขึ้น เร็วขึ้น ในที่สุด เครื่องที่ผลิตออกมา มีเปอร์เซ็นต์เสียหายสูงขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบต่อแผนกอื่นๆอีกมาก ผลประเมิณโดยรวมเสียหายมากกว่า

แต่เมื่อใช้ เดมมิ่ง แล้ว สร้างระบบให้ทำแล้วทำอย่างไรก็ไม่ผิด เช่นกรณีศึกษาที่ว่า ใส่ลูกปัดสีแดงไว้ในขวดโหล แล้วงานของคนงานคือต้องหยิบลูกปัดสีแดงออกจากขวดโหล แน่นอนครับ หยิบอย่างไร หยิบท่าไหน ให้ใครมาหยิบ เด็กหรือผู้ใหญ่ มาหยิบ ก็จะได้สีแดง

เมื่อระบบวางไว้ดีแล้ว ไม่ต้องเครียดก็จะได้ผลงานดีครับ

เป้าหมายของเขาคือ ถ้าจะผลิตสินค้า 1 ล้านชิ้น ต้องวางระบบให้สินค้าทั้ง 1 ล้านชิ้น ผลิตออกมาแล้วไม่เกิดข้อผิดพลาดเลย คนงานทั้งหมด ทำงานสบายและไม่เครียด

คุณมนลองหาซื้ออ่านดูนะครับ ที่ se-ed มีครับ แต่อาจจะต้องสั่ง เพราะเล่มนี้มีไว้ให้เจ้าของกิจการอ่านครับ
ล็อคหัวข้อ